การทำให้ภาพศัตรูหายไปคือเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของ Stalin
คู่แข่งทางการเมืองของ Joseph Stalin ไม่ใช่เพียงแค่ตายเท่านั้น แต่ร่องรอยตัวตนในอดีตของผู้ตาย จะถูกลบล้างออกให้หมดให้หายไปจากโลก รวมทั้งใบหน้าบนรูปถ่ายของผู้ตายเท่าที่มี
เมื่อ George Orwell ตีพิมพ์ผลงานชิ้นเอก เรื่อง ของ Dystopian 1984 (สังคมที่ไม่พึงประสงค์หรือน่าหวาดกลัว ปกครองด้วยระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ) ท่านได้รับแรงบันดาลใจจาก Joseph Stalin ในสหภาพโซเวียต เรื่องราวหนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องโลกอนาคตในปี 1984 และ Stalin ของรัสเซีย คือ หนึ่งในเรื่องราวที่เป็นตัวชูโรง ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องแผนพัฒนาประเทศ 5 ปีของ Stalin ที่มีการกวาดล้างและขจัดฝ่ายตรงข้ามจำนวนมาก ใน 1984 จึงจำลองแบบและเรื่องราวว่า บรรดาคนที่ทำงานใน Ministry of Truth ผู้ทำงานในเรื่องการทบทวนประวัติชาวบ้าน และลบร่องรอยทุกคนที่ไม่เป็นที่โปรดของนายหัว/พี่ใหญ่ Big Brother
นักการเมืองบางคนถึงจุดจบจะต้องหายไปจากทุกหนทุกแห่ง Leon Trotsky อดีตมือขวาของ Lenin ผู้ชี้นำทฤษฏีพรรคคอมมิวนิสต์ ก่อนที่จะถูก Stalin แย่งชิงการนำและจัดการ Trotsky ให้พ้นออกไป Leon Trotsky ก็หนีไม่พ้นจากความทุกข์ทรมานในชะตากรรมแบบนี้ แม้ว่าจะมีภาพถ่ายของ Leon Trotsky ไม่มากนัก ในภาพปี 1920 Leon Trotsky สวมหมวกยืนอยู่ใกล้ Lenin Lenin ที่กำลังปลุกระดมมวลชนให้สู้เพื่อจะชนะ ภาพในหลาย ๆ ปีต่อมาจะไม่เห็น Leon Trotsky อีกแล้ว
ในปี 1929 Leon Trotsky ถูกเนรเทศออกจากโซเวียตรัสเซีย หนีไปพำนักลี้ภัยในเม็กซิโก แต่ก็ยังชี้นำทฤษฏีทางการเมือง และเขียนหนังสือโจมตีวิพากษ์ทฤษฏีชี้นำของ Stalin ว่าขัดแย้งกับหลักการแนวคิดคอมมิวนิสต์
ในปี 1940 Leon Trotsky ถูกสายลับรัสเซียที่ตีสนิทด้วย ใช้ขวานเจาะน้ำแข็งจามศีรษะในบ้านพักจนบาดเจ็บสาหัส แล้วทนทุกข์ทรมานหลายชั่วโมงก่อนตาย
Lenin ผู้ซึ่งกลายเป็นเทพเจ้า ของบรรดานักสังคมนิยมหลังมตะในปี 1924 ยังอยู่ยงคงกระพันในภาพถ่ายทั้งหมด แต่บริวารและผู้คนที่ห้อมล้อมรอบ Lenin มักจะพบจุดจบที่ไม่ดี ดังบุคคลในภาพกลุ่มนี้ในปี 1920 (Grigory Zinoviev, Nikolai Bukharin, Karl Radek) กลายเป็นศัตรูของประชาชน/ทรยศต่อผู้นำ ทุกคนต่างถูกยิงเป้าในช่วงทศวรรษที่ 1930 ทางการจึงตัดภาพคนพวกนี้ออกจากภาพถ่าย ให้เหลือแต่ Lenin และนักเขียนชนชั้นกรรมาชีพ Maxim Gorky (ด้านหลังเลนิน คนไว้หนวด)
มีข้อผิดพลาดมากมายกับภาพถ่ายของ Joseph Stalin ภาพต้นฉบับในปี 1924 ยังไม่ได้ปกปิดร่องรอยใบหน้าผู้นำ ซึ่งมีรอยแผลเป็นจากบาดแผลไข้ทรพิษในวัยเด็ก
ในปี 1939 เรื่องนี้จึงไม่แปลกใจแต่อย่างใดเลย ตอนที่ Joseph Stalin ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ ภาพถ่ายที่ตีพิมพ์เผยแพร่จะมีใบหน้าเกลี้ยงเกลา ผิวเรียบเนียน ทรงผมเรียบร้อย และหนวดเนียนนุ่ม
ในปี 1926 ภาพชุดแรกพวกสหายคอมมิวนิสต์ยืนกันแน่นขนัด Stalin ยืนร่วมกับพวกแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์ Nikolai Antipov, Sergey Kirov และ Nikolai Shvernik (จากซ้ายไปขวา) และแล้วแต่ละคนก็หายไปจากภาพ
ในปี 1941 Nikolai Antipov ถูกจับกุมแล้วถูกยิงเป้า Sergey Kirov และ Nikolai Shvernik ยังเป็นคนโปรด แต่ไม่นาน Stalin คงยืนเด่นโดยท้าทาย หลังจากยิงเป้าทั้ง 2 คนทิ้งในภายหลัง
เรื่องราวที่น่าหวาดกลัวเกี่ยวกับ Stalin มักจะอ้างว่าคนที่ตายอย่างเป็นทางการไม่น้อยกว่า 786,000 คน ตายเพราะถูกเนรเทศและทำงานหนักในค่ายกักกันอีกหลาย 10 ล้านคน ไม่นับคนที่ตายเพราะทำสงครามกับนาซีเยอรมันนี
หนึ่งในเรื่องที่น่ากลัวที่สุดคือ เครื่องจักรสังหารศัตรูรัฐ ด้วยการทรมานศัตรู/สังหารทิ้ง สุดท้ายคนที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องจักรสังหาร ก็ต่างประสบชะตากรรมไม่ต่างจากเหยื่อของตนเอง Nikolai Yezhov (ด้านขวา) ผู้บัญชาการหน่วยงานด้านความมั่นคงภายใน หัวหน้าเครื่องจักรสังหารและปราบปรามฝ่ายตรงข้าม ในช่วงปี 1936-1938 เมื่อการกวาดล้างส่อแววว่าจะไปสุดกู่แล้ว ในปี 1939 Nikolai Yezhov จึงถูกจับกุม ด้วยข้อหาทรยศต่อ Stalin ถูกทรมานก่อนถูกยิงเป้า ภาพของ Nikolai Yezhov จึงหายไปจากรูปถ่ายทุกรูปแบบ
Nikolai Yezhov เจริญรอยตามเส้นทางชั่วของ Genrikh Yagoda ที่เคยเป็นหัวหน้าเครื่องจักรสังหารศัตรูรัฐในอดีต ต่อมา Lavrenty Beria เข้าทำหน้าที่นี้แทน Nikolai Yezhov ก็พบชะตากรรมไม่แตกต่างกันหลังจาก Stalin ตาย