นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
“โรคซึมเศร้า” เมื่อเข้าใจก็รักษาได้


“โรคซึมเศร้า” เมื่อเข้าใจก็รักษาได้
 


มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่มีภาวะซึมเศร้า บางคนเป็นโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไม่ได้รับการรักษา ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ หรือในเด็กเองก็เกิดขึ้นได้การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนอ่อนแอ คิดมาก เอาแต่ท้อแท้ สิ้นหวัง จริงๆ แล้วมันเป็นอาการของโรค หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคนี้ก็จะทุเลาหรือหายเป็นปกติได้
 


เช็คลิสต์ “โรคซึมเศร้า” มีองค์ประกอบ 5 อย่างดังนี้

* มีอาการเบื่อหน่ายท้อแท้ โดยเฉพาะกิจกรรมที่เคยทำแล้วรู้สึกชอบ แต่กลับเกิดความเบื่อหน่าย

ไม่อยากทำและเป็นอยู่อย่างนั้นแทบจะทุกวัน เบื่ออาหาร งานอดิเรกที่เคยชอบก็ไม่ชอบ

* นอนไม่หลับกระสับกระส่าย

* รู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่มีคุณค่า

* รู้สึกอยากทำร้ายตัวเองไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

* รู้สึกว่าตัวเองอยากฆ่าตัวตาย

หากมีอาการเหล่านี้นานกว่า 2 สัปดาห์ก็บ่งชี้ว่ามีอาการของ “โรคซึมเศร้า” เข้าให้แล้วสามารถตรวจทางด้านจิตเวชได้โดยใช้ “การทดสอบทางจิตวิทยา” หรือ Psychological Testซึ่งเป็นแบบทดสอบมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินพฤติกรรมของผู้ป่วยประกอบด้วยการทดสอบทางจิตเวช กับการทดสอบบุคลิกภาพครอบคลุมถึงการตรวจทางด้านจิตใจ ความคิด โดยอาศัยการซักประวัติผู้ป่วยเป็นหลักและทำการตรวจร่างกายหรือการตรวจ LAB เลือดเพื่อเอามาตัดโรคบางชนิดที่เป็นเหตุให้เกิดโรคซึมเศร้า เช่น การขาดวิตามินบี12 หรือมีไทรอยด์ผิดปกติ ขณะที่บางรายเป็นโรคมะเร็ง รวมทั้งโรคอื่นที่สร้างความเจ็บปวดทำให้เกิดภาวะโรคซึมเศร้าตามมา
 


โดยแนวทางการรักษาโรคซึมเศร้าที่เป็นมาตรฐาน ที่ใช้ในปัจจุบันประกอบด้วย

1. ทำจิตบำบัด โดยให้ผู้ป่วยได้พบ “นักจิตบำบัด” ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 20-30 ครั้ง เพื่อแกะปมที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ ที่เกิดจากการทำงานของสมองลดลงในส่วนอารมณ์ที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า

2. รักษาด้วยยา ซึ่งให้แล้วอาจเห็นผลรวดเร็วแต่มีข้อเสีย คือบางรายกินยาแล้วอาจมีผลข้างเคียง เช่น มีอาการง่วง ใจสั่น ปากแห้ง คอแห้ง

3. ช๊อตไฟฟ้า หรือ ECT เป็นการใช้ไฟช๊อตเข้าไปที่สมอง เปรียบเทียบได้กับลักษณะของการปิด-เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยการ “รีสตาร์ท”

4. การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ TMS หลักการคือใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุ้นเซลล์ประสาทที่บริเวณเปลือกของสมองตรงตำแหน่งที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ๆ ละ 5 วันจึงจะเห็นผล
 


การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ TMS (Transcranial Magnetic Stimulation) เป็นวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถใช้รักษาอาการโรคซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักการทำงานของเครื่อง TMS คือการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นสมองบริเวณที่มีปัญหา เพื่อปรับสมดุลการทำงานของสมอง ช่วยลดอาการซึมเศร้าให้กลับมาปกติดีขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง แพ้ยา หรือดื้อยาใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง/ครั้ง โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร แต่ก็มีข้อควรระวังในผู้ป่วยบางราย เช่น

• ผู้ที่มีอาการชักมาก่อน

• ผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในสมอง

• ผู้ที่ฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น

หลังจากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กแล้วส่วนใหญ่จะดีขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้ ซึ่งวิธีป้องกันต้องอาศัยหลักการปฏิบัติตัว 3 อย่างประกอบกันคือ “Bio-Psycho-Social” โดย Bioมีความหมายครอบคลุมเรื่อง “อาหารและการนอน” ซึ่งไม่ควรอดทั้ง 2 อย่าง และต้อง “ออกกำลังกาย” เป็นกิจวัตรประจำวันด้วยส่วน “Psycho-Social” หมายความถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีส่วนต่อการปรับเปลี่ยน ที่สำคัญที่สุดคือผู้ป่วยต้องเข้ารับการทำจิตบำบัดร่วมด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีกส่วนการทานยาซึมเศร้าส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ทานคู่ไปด้วยโดยไม่แนะนำให้หยุดยา และควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชควบคู่กันไป ถ้าแพทย์ประเมินว่าดีขึ้นแล้วก็อาจลดยาลงได้ หรือเมื่อได้ทำ TMS แล้วจะลดยาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
 


เทคโนโลยี TMS จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคซึมเศร้าที่มีความปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงในการรักษา แต่จำเป็นต้องได้รับการประเมินและวางแผนการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมคลิก >> https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/803

 




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2564
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2564 11:22:56 น. 0 comments
Counter : 691 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com