Skincare และการเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม
Skincare คืออะไร?
คือ สิ่งที่บำรุงผิวหน้าหรือผิวกายให้มีสุขภาพที่ดี
Skincare มีอะไรบ้าง?
สกิลแคร์นั้นมีหลายประเภทด้วยกัน หากแบ่งตามประเภทของเนื้อครีมจะแบ่งได้ทั้งหมด 6 ประเภท ดังนี้
1.ครีม เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูง มีส่วนผสมหลักคือ น้ำมัน จึงทำให้มีความหนืดสูงไปด้วย ส่งผลให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ยาก ส่วนใหญ่จะถูกบรรจุไว้ในกระปุก
2.โลชั่น มีส่วนผสมของน้ำมากกว่าน้ำมัน มีความเหลวกว่าครีมและซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ไวกว่า โลชั่นมักถูกบรรจุในขวด
3.ซีรั่ม คือการนำคุณสมบัติเด่นของครีมและโลชั่นมารวมในตัวเดียว มีความเข้มข้นสูงกว่า มีลักษณะเหลวใสเหมือนน้ำ และซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ไว ถูกบรรจุในขวดแก้วมีหลอดดรอปเป็นส่วนใหญ่
4.เจล มีสารประเภท Polymer ทำให้เก็บกักความชุ่มชื้นได้มาก มีความเหนียวมากกว่าประเภทอื่นๆ มักบรรจุในขวดบีบ
5.อีมัลชั่น คือการนำโลชั่นและเจลมารวมกัน ทำให้เก็บความชุ่มชื้นได้ดีขณะเดียวกันก็ไม่เหนียวหนะจนเกินไป
6.เอสเซ้นส์ คือผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงแต่มีลักษณะเหลวและซึมซาบสู่ผิวได้เร็วเหมือนน้ำ เอสเซ้นส์จัดเป็น Water Base (น้ำเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน) เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้น้ำมันจากครีมหรือโลชั่น
จะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบใดให้เหมาะกับคุณสมบัติของ Skincare แต่ละประเภท?
1.กลุ่มที่เป็นสารระเหย - Skincareที่มีส่วนผสมของ วิตามินซี เรตินอล หรือสารสกัดจากธรรมชาติ - ควรเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่มีสีชา สีทึบแสง เพราะสารจำพวกนี้หากเจอแสงแล้วจะสลายตัวง่าย
2.กลุ่มที่ผสมเนื้อรองพื้น - BB , CC ครีม มีความข้นเหนียวมาก หากสัมผัสอากาศเนื้อซิลิโคนจะระเหย ทำให้แห้งหนืด - บรรจุภัณฑ์ที่ควรใช้จึงควรปิดสนิทและป้องกันการซึมผ่านของอากาศได้ ซึ่งอาจจะเป็นขวดพลาสติก หรือขวดแก้วที่มีหลอดปั๊มพลาสติกหนาๆหรือหลอดบีบก็ได้
3.กลุ่มที่มีส่วนผสมของกรด - ควรใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกหรือแก้ว เพราะหากกรดสัมผัสกับวัสดุที่เคลือบเงินหรือทองจะทำให้ลอกเป็นแผ่นได้
4. กลุ่มที่มีส่วนผสมของน้ำมัน - ครีม โลชั่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไม่ทำปฏิกิริยากับขวดหรือบรรจุภัณฑ์ แต่หากไหลออกมาจะส่งผลต่อสลากแบบแผ่นติดหรือสลากแบบสกรีน - จึงควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาแบบเกลียว ที่สามารถล็อคได้สนิท
5. เอสเซ้นส์หรือเซรั่ม -เหมาะกับขวดแก้วแบบมีหลอดดรอป หรือหัวปั๊ม
วัสดุที่ทำบรรจุภัณฑ์มีอะไรบ้าง?
1.แก้ว เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีทั้งชนิดโปร่งใสและทึบแสง ข้อดี - กันการซึมผ่านของก๊าซ, น้ำ , กลิ่น - ทนแรงอัดอากาศ - ไม่ทำปฏิกิริยากับสินค้าภายใน ข้อเสีย - แตกง่าย - ค่อนข้างหนักกว่าวัสดุอื่น
2. กระดาษ ข้อดี เบา, ถูก, ใช้กับสินค้าได้หลายประเภท - เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ข้อเสีย ไม่ทนชื้น + แมลง
3.โลหะ ข้อดี - แข็งแรง -สามารถทนความร้อนและแรงดันได้สูง ข้อเสีย - อาจเกิดปฏิกิริยากับสินค้าที่บรรจุได้ กัดกร่อนได้ง่าย
4.พลาสติก ข้อดี - เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีหลายชนิด -สามารถใช้งานได้หลากหลาย มีราคาถูก -ขึ้นรูปได้ง่ายและขึ้นรูปได้หลายรูปแบบ ข้อเสีย ไม่ค่อยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะย่อยสลายได้ยาก
ปัจจัยในการเลือกบรรจุภัณฑ์มีอะไรบ้าง?
1.ลักษณะและคุณสมบัติของสินค้า 2.วัสดุภาชนะบรรจุ 3.ตลาดเป้าหมาย 4.วิธีการจัดจำหน่าย 5.วิธีการบรรจุ 6.วิธีการในการเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บ 7.ลักษณะการนำไปใช้งาน 8.ราคาของบรรจุภัณฑ์
อ้างอิงจาก https://www.revomed.co.th https://www.myquestionth.com
Create Date : 19 กันยายน 2561 |
Last Update : 21 กันยายน 2561 11:55:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 826 Pageviews. |
|
|
|