space
space
space
 
ตุลาคม 2564
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
13 ตุลาคม 2564
space
space
space

Work From Home ต้องเลือกเน็ตอย่างไร

Work From Home ต้องเลือกเน็ตอย่างไร 

 

หลายๆท่านตอนนี้ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน "Work From Home" หรือที่หลายคนย่อว่า "WFH" ความหมายตรงๆ คือ “การทำงานที่บ้าน” เป็นเทรนด์การทำงานยุคใหม่ที่ตามมากับเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาไปจนทำให้ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำลง

 

ประกอบกับพฤติกรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่มองหาการทำงานแบบอิสระ ให้คุณค่าทั้งงาน และการเดินทางเพื่อรับประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต เมื่อเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเข้าถึงคนส่วนใหญ่ ผ่านทางอุปกรณ์ส่วนตัวได้ อย่างแลปท็อป สมาร์ทโฟน จึงช่วยเทรนด์การทำงานที่บ้านชัดเจนขึ้น สามารถทำงาน และสื่อสารกันที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้

 

หรือเพราะปัญหาโรคระบาดอย่าง “โควิด-19” ที่มาจากไวรัส “โคโรน่า” ที่ยังคงเเพร่กระจายเป็นวงกว้างในหลายๆพื้นที่ ในสถานการณ์ปัจจุบัน Work Form Home อาจไม่ใช่แค่เทรนด์การทำงานที่เกิดขึ้นตามสมัยนิยม หรือ  “ทางเลือก” ในการทำงานเท่านั้น แต่มันกำลังจะกลายเป็น “ทางรอด” ของมวลมนุษยชาติ การเอาตัวรอดจากเชื้อโรคร้ายที่มองไม่เห็น เเละไม่รู้ว่าเราจะติดเมื่อไหร่  เมื่อคราวเกิดวิกฤตโรคระบาด อย่างที่เรากำลังเผชิญ 

 

"Social Distancing" หรือ "การรักษาระยะห่างทางสังคม" จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในประเทศกลุ่มเสี่ยง เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายของโรคจากคนสู่คนได้ 

 

"Work From Home" จึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คนส่วนใหญ่รักษาระยะห่างกับสังคมได้ โดยสามารถลดการพบปะ พูดคุย หรือรวมตัวอยู่ในพื้นที่แออัด ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรค “โควิด-19” ได้อย่างดี

 

แม้แต่ Work From Home ของบรรดาพนักงานประจำที่สามารถทำงานที่บ้านได้ ก็จะต้องได้รับการสนับสนุนระดับนโยบายขององค์กร ที่ต้องเอื้อต่อการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนในการติดต่อสื่อสาร สนับสนุนอุปกรณ์ในการทำงานของพนักงาน และปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องดูแลเพื่อให้งานดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตมากเกินไป

ดังนั้นเเล้ว ตัวเเปรสำคัญสำหลับการ Work From Home (WFH) ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการค้นคว้าหาข้อมูล หรือการะติดต่อกันเองในองค์กร 

การเลือกใช้อินเตอร์เน็ตจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นเเล้วเราต้องมาดูกันว่าการใช้ อินเตอร์เน็ตของเรานั้นใช้ในปริมาณมากน้อยเพียงไหน หรือการอัพโหลดหรือดาว์นโหลดข้อมูลต่างๆนั้น ใช้มากเท่าไหร่ ซื้อเเต่ล่ะงานมักจะทำงานในรูปเเบบเเตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเเล้ว ปริมาณเเละความเร็วของอินเตอร์เน็ตจึงถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง 

หลายๆคนคงสงสัยอยู่ว่าไม่ลดสปีดดีไหม? จะเพียงพอกับการใช้งานไหม หรือเน็ตจำกัดปริมาณ ไม่จำกัดความเร็ว ต่างกันยังไง และทำอะไรได้บ้าง สำหรับไม่ลดสปีดนี้

 

“เน็ตไม่ลดสปีด” ถ้าใครใช้แพ็กเกจนี้อาจจะรู้สึกว่าทำไมเน็ตโหลดช้าจัง ทั้งที่สัญญาณก็เต็ม ความจริงแล้วก็คือเราจะถูกล็อกความเร็วสูงสุดไว้ตามแพ็กเกจที่ท่านได้เลือกใช้งาน เช่น ใช้แพ็กเกจเสริมความเร็ว 2 Mbps ก็จะโหลดได้ความเร็วสูงสุด 2 Mbps ไม่เร็วไปกว่านี้แล้ว แต่จะมีข้อดีตรงที่เราจะใช้งานเท่าไหร่ก็ได้เลย เยอะแค่ไหนก็ยังคงเร็วเท่านี้ไปเรื่อยๆ ถ้าหากแพ็กเกจไม่ได้กำหนดว่าใช้งานได้เท่าไหร่ถึงจะถูกลดความเร็ว ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ 512Kbps, 1Mbps, 4Mbps, 6Mbps, 10Mbps โดยไม่อั้นไม่ลดสปีดกันเลยทีเดียว

 

“เน็ตจำกัดปริมาณ ไม่จำกัดความเร็ว” แพ็กเกจโดยส่วนใหญ่จะเป็นประเภทนี้ คือจะกำหนดมาเลยว่าในเดือนนึงสามารถใช้งานได้กี่ GB ที่ความเร็วสูงสุด เมื่อใช้ครบปริมาณแล้ว ความเร็วจะลดลงเหลือ 128-384 Kbps แล้วแต่เครือข่ายกำหนด ข้อดีคือถ้าใช้เน็ตในแพ็กเกจจะได้ความเร็วสูงสุด ไม่มีล็อกความเร็วใดๆ แต่พอใช้ครบแล้วก็จะช้า

 

ในปัจจุบัน “เน็ตไม่ลดสปีด”  กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะไลฟ์สไตล์คนในยุคนี้มักจะให้เครื่องมือสื่อสารกันเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง โทรผ่านโปรแกรม Line แบบ VDO Call หรือจะเป็นการเล่นเกมส์

 “เน็ตไม่ลดสปีด” จะเน้นความเร็วพอประมาณ แต่เน้นใช้งานในปริมาณที่เยอะ เช่น ดูหนังออนไลน์ ดูซีรีย์ออนไลน์  ดูทีวีสดช่องต่างๆผ่านทางมือถือ ไลฟ์สดFacebook  จะเล่น TikTok หรือจะไลฟ์สดผ่าน Youtube รวมไปถึงการ Upload และ Download ไฟล์ขนาดใหญ่ ต่างๆ ก็สามารถทำได้

 

เราจะมาดูกันว่าควรเลือกใช้งานแพ็กเกจเเบบไหนถึงจะคุ้มที่สุด?

 

จะเลือกแพ็กเกจเน็ตที่ดีที่สุดสำหรับเรา เราต้องพิจารณาการใช้งานของเราก่อน ว่าเป็นแบบไหน เพื่อที่จะได้เลือกใช้แพ็กเกจที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเราได้

 

• สายเดินทาง : คนที่เดินทางบ่อยๆ ใช้ชีวิตนอกบ้านแทบทั้งวัน จะต้องพึ่งพาเน็ตมือถือเป็นหลัก สำหรับการติดต่อสื่อสาร พูดคุยผ่านไลน์ ดูYoutube ฟังเพลง เข้าเว็บไซต์ คือเหมาะมาก คือไม่ต้องการเน็ตเร็วปู๊ดป๊าดมากมาย แค่เน้นปริมาณให้ใช้งานได้ตลอดทั้งเดือนก็เพียงพอแล้ว ควรเลือกใช้แพ็กเกจ“เน็ตไม่ลดสปีด” จึงจะดีที่สุด เพราะในระหว่างวันเราไม่ต้องมากังวลว่าเน็ตจะหมดตอนไหน 

 

• สายบันเทิง : ดูทีวีออนไลน์, LINE TV หรือ Youtube ทั้งวันตลอดเวลา เน็ตเดือนนึงใช้งานมากกว่า 200 GB ต้องเลือกแพ็กเกจนี้เลย “เน็ตไม่ลดสปีด” ใช้งานตามปกติเยอะแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหมด ซีรีย์ของคุณดูได้ไม่ขาดตอนเเน่นอน

 

• สายเกมส์เมอร์ : PUBG, ROV, FREE FIGHT  ต้องเลือกแพ็กเกจนี้เลย “เน็ตไม่ลดสปีด”  ใช้งานตามปกติเยอะแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหมด เล่นได้ไม่มีสะดุด

 

• สายอยู่บ้านทั้งวัน  : Work From Home (WFH) นานๆทีแม่ใช้ไปตลาด อินเตอร์เน็ตบ้านก็มีพร้อม เเต่เมื่อออกนอกบ้านเน็ตมือถือต้องพร้อมใช้ ก็ต้องเลือกเป็นเเพ็กเกจ “เน็ตจำกัดปริมาณ ไม่จำกัดความเร็ว” คุณสามารถเลือกใช้ตามปริมาณการใช้งานได้เลย 

 

“เน็ตไม่ลดสปีด”

 คิดว่าใครหลายๆคนคงจะสังเกตุเห็นแล้วว่าตัวโปรเน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีดนั้น เล่นเน็ตไม่อั้นก็จริง และก็ยังมีหลากหลายความเร็วให้เลือก ดังนั้นเพื่อนๆต้องรู้ก่อนว่าเราจะนำไปใช้งานอะไร แบบไหน ถึงจะใช้งานได้คุ้มค่าที่สุด เลือกให้ตรงกับความต้องการทำให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโปรเน็ตไม่ลดสปีดในแต่ละเดือนได้ โดยโปรเน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีดปัจจุบัน จำแนกออกตามความเร็วได้ดังนี้

 

2Mbps ความหมายคือ เราสามารถใช้ความเร็วได้ที่ 128Kbps -2,000Kbps (2Mbps) เหมาะสำหรับ เล่น Social ฟังเพลงออน์ไลน์ เล่นเกมส์ขำๆได้ ดู Youtube บนมือถือความละเอียด 420p ได้แบบเหลือๆ ลื่นหัวแตก แต่เล่น Youtube ที่ความละเอียด 720p อาจจะมีกระตุกบ้างหากคลิปนั้นมีความยาวมากๆ หากจะนำไปใช้งาน Vedio Call หรือการโทรแบบเห็นหน้า ไม่แนะนำ เพราะภาพจะแตกและเสียงอาจจะขาดๆหายๆหรือกระตุก คุยกันไม่รู้เรื่อง

 

4Mbps ความหมายคือ เราสามารถใช้ความเร็วได้ที่ 128Kbps -4,000Kbps (4Mbps) เหมาะสำหรับ ใช้งานระดับกลางๆถึงทั่วไป  เล่น Social ดูหนัง ดูละครย้อนหลัง เล่น TikTok หรือจะเล่นเกมส์พวก Rov ,PubG ,Freefire ได้ เพราะมีความเร็วมากขึ้นถึง 2 เท่า ดู Youtube ได้ที่ความละเอียด HD 720p ได้สบายๆ  แต่จะดูพวกความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้ไม่ดีเท่าไหร่ หากคลิบมีความยาวมากๆ  ส่วนในเรื่องของการนำมาวิดิโอคอล ตัวโปรเน็ตนี้ใช้ได้ ไม่ค่อยมีอาการกระตุก ดีเลย์ของเสียงหรืออาการแลคให้เห็น

 

10Mbps ความหมายคือ เราสามารถใช้ความเร็วได้ที่ 128Kbps -10,000Kbps (10Mbps)เหมาะสำหรับใช้งานได้ทั่วไป ถึงเร็วมาก  เล่นSocial เล่นเกมส์ ดูหนัง ดูละครย้อนหลัง และสามารถดู Youtube ได้ที่ความละเอียดระดับ FullHD 1080p สบาย เพราะมีความเร็วมากขึ้นกว่าตัว 2Mbps เดิมถึง 5 เท่า และมีความเร็วมากกว่า 4Mbps เดิมถึงเกือบ 3 เท่า สามารถใช้งานวิดิโอคอลได้เป็นอย่างดี ภาพชัด เสียงไม่ดีเลย์ และสามารถนำไปไลฟ์สดได้ทั้งบน Facebook และ Youtube ดีเลย์จะค่อยข้างน้อยมากๆ

 

ซึ่งความเร็วจะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่นกัน เช่น ระดับความแรงของสัญญาญ จำนวนความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่การใช้งาน ความเร็วของแพคเกจหรือโปรเน็ตที่เราเลือกใช้งาน ราคาและความเร็วย่อมมีผลเกี่ยวเนื่องกันจากการใช้งานแน่นอน

 

เป็นที่น่าจับตาว่า หลังจากนี้การ Work From Home (WFH) หรือการทำงานที่บ้าน อาจไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในภาวะวิกฤติเท่านั้น แต่อาจพัฒนาไปสู่การทำงานไร้พรมแดนอย่าง "การทำงานที่ไหนก็ได้" หรือ  "Work Everywhere" ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้การทำงานในออฟฟิศ จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของแทบทุกองค์กรก็เป็นได้

เพราะฉะนั้นเเล้ว การเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องใช้ชีวิตเเบบนี้ไปอีกนานเเค่ไหน ถึงเเม้จะเปิดประเทศเเล้วก็ยังคงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่ต้องกลับมา Work From Home กันอีก 




Create Date : 13 ตุลาคม 2564
Last Update : 13 ตุลาคม 2564 15:54:42 น. 0 comments
Counter : 780 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 6690193
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6690193's blog to your web]
space
space
space
space
space