เรื่องฝุ่นๆและโยคะ...ครั้งแรก
เนื่องจากว่าสภาพอากาศไม่ค่อยดีทั่วภาคเหนือ ทำให้เรารู้สึกว่า
ออกไปวิ่งเหมือนเดิม คงได้ตายเร็วขึ้นแน่นอน วิ่งไปร่างกายแข็งแรง
พร้อมปอดดำขึ้น เหมือนสูบบุหรี่ตลอดทั้งวัน เราไม่ไหวจริงๆ

การวิ่งร่างกายต้องการออกซิเจนมากขึ้น ทำให้หายใจถี่มากขึ้น
การวิ่งท่ามกลางฝุ่น ไม่ได้ทำให้ใครสุขภาพดีขึ้น หากแต่แย่ลง
ต่อให้ร่างกายแข็งแรงจริง แต่ปอดดำขึ้นทุกๆ ครั้งที่หายใจ
นั่นหมายถึงมะเร็งปอดใกล้เข้ามาทุกทีๆ ซึ่งไม่ดีแน่นอน

ที่กล้าพูดแบบนี้ เนื่องจากว่าช่วงที่ไปเรียนโทอยู่ที่เชียงใหม่
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราหายหน้าหายตาจาก อ.ที่ปรึกษาไปหลายเดือน
เพราะป่วยหนัก ไอถี่ขึ้นทุกวันๆ จนสุดท้าย เราไอเป็นเลือด
ไปตรวจก็ป่วยติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ จนเราขอแฟนเรา
ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ ให้ช่วยหาหน้ากากให้เราหน่อย
ซึ่งเขาก็ไปหามาให้ บอกเราว่า ไม่ต้องจ่ายเงิน ซื้อให้ 2 อัน
ต้องใช้ตลอดนะ อะไรแบบนี้ ซึ่งพอเราใช้ เราก็เลิกไอได้ซักที

แต่ช่วงก่อนหน้านั้น คือ อาการเราหนักมาก แฟนเรานัดเราทุกสัปดาห์
คือเราไปทานข้าวด้วยกันตลอด สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จนเราเริ่มไอ
เราเริ่มไม่อยากไปเจอเขา เราไม่ได้รังเกียจอะไรเขา แต่เราไอตลอด
กลายเป็นเจอกัน ทานข้าวด้วยกันเดือนละ 1 ครั้ง พอเจอกันหลังจากนั้น
เราไอตั้งแต่ทานข้าว จนทานข้าวเสร็จ คือ ไอตลอดเวลา
แค่จะอ้าปากพูด ก็ไอจามตลอด เราก็พยายามพูดบอกเขาตลอด
ว่าที่เราไม่อยากมาเจอ นัดแล้วไม่อยากมา คือไม่อยากพูด
พูดอะไรแล้วมันก็จะคันๆ คอตลอดเวลา ก็จะไอค่อกๆ แค่กๆ ตลอด
จนตอนนี้เราไอเป็นเลือดแล้วนะ เขาเลยไล่ให้เรารีบกลับบ้าน
ตอนนั้นก็รีบกลับไปรักษาตัวเอง

ระยะเวลาที่เราเริ่มสูดฝุ่น จะเป็นช่วงตั้งแต่เดือน พ.ย. ลากยาว
มาจนถึงช่วงเดือน มิ.ย. ปีต่อมา คือยาวนานมากๆ แต่ช่วงที่
ฝุ่นหนักปีนั้น เราจำได้ว่าตั้งแต่เดือน ม.ค. ไปจนถึงพฤษภาคม
เราเริ่มไอตั้งแต่เดือนมกราคม ไอต่อเนื่องไปจนถึง มี.ค.
ความถี่คือ ไอทุกๆ 5 นาที ตอนนั้นรณรงค์ให้ใส่หน้ากากอนามัย
ซึ่งเอาจริงๆ หน้ากากอนามัย มันกันได้แค่น้ำลาย แค่นั้น
มันไม่ได้กันฝุ่น เราใช้หน้ากากอนามัยมาตลอด แล้วเราก็ป่วย
หมอก็ไม่รู้ว่า PM 2.5 คืออะไร ไม่มีการรณรงค์ให้ใช้หน้ากาก
ที่มันกัน PM 2.5 ได้ มันเลยทำให้ช่วงนั้น คนป่วยเยอะมากๆๆ
หมอก็ยังแนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยที่กันได้แค่น้ำลายนั่นแหละ

พอเรากลับไปอยู่บ้านช่วง เม.ย. เราก็รักษาตัวเองอยู่ประมาณ
เดือนนึง คือต้องแยกตัวเองจากคนในบ้าน ต้องอยู่คนเดียว
mail ไปแจ้ง อ.ที่ปรึกษา เรื่องการป่วยจนไม่สามารถเข้าพบ
ไปรายงานความคืบหน้าได้ ตอนนั้นคิดตลอดเวลา ว่าจะตายไหม
เพราะไอ และไอหนักขึ้นทุกที ไอจนเลือดติดออกมา กลิ่นเลือด
แทบจะอยู่กับเราตลอดเวลา พอหายดีแล้วเราก็กลับไปสะสางงานต่อ
แฟนเราก็เอาหน้ากากมาให้เราตอนเรากลับไปเชียงใหม่นั่นแหละ

หลังจากนั้นก็ใส่แต่หน้ากากที่เขาซื้อให้เรามาตลอด เริ่มจาก
อันละไม่ถึงร้อย แล้วขยับรุ่นเป็นของอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ แพงขึ้นอีก
แล้วเราก็รู้สึกว่า เออเชียงใหม่อากาศก็แย่ บ้านเราก็พอๆๆ กันอ่ะ
เราอยากได้หน้ากากอีก 2 อัน เอาให้พ่อกับแม่เรา เราก็เลย
ฝากเขาซื้อให้ แต่พอวันที่เขาเอามาให้ เขาบอกว่า เขาขอซื้อให้
พ่อกับแม่เราเลยละกัน เราไม่ต้องเอาเงินให้เขานะ อะไรแบบนี้
ตอนนั้นก็พยายามเถียง เพราะเราฝากเขาซื้อ เขาก็บอกว่า
ซื้อให้พ่อแม่ไม่กี่บาทหรอก ทำงานชั่วโมงเดียวก็ซื้อได้หลายอันแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็ซื้อให้พ่อแม่เราตลอด ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม
ก็ยังซื้อให้พ่อแม่เราเหมือนเดิม

แม้กระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ พ่อแม่ต้องบินมาจากแถวๆ ระยอง
คราวก่อนที่พ่อแม่บินมา แฟนเราก็เตรียมหน้ากากไว้ให้ล่วงหน้า
พอพ่อแม่บินมาคราวนี้ ทั้งคู่พยายามจะไม่ใส่หน้ากาก แต่เรา
ก็เตือนแล้วว่าออกนอกสนามบินมาให้ใส่หน้ากากเลย สุดท้าย
ก็ต้องใส่ จนไปถึงโรงพยาบาลก็ใส่ตลอดเวลาทั้งวันเลยแหละ
แต่แม่เราก็บ่นว่าแสบตามากนะ คราวหน้าคงต้องเตรียมพวก
น้ำตาเทียมหรือน้ำยาล้างตาให้ด้วยเลย มันระคายเคืองมากๆ

พูดถึงเรื่องฝุ่นเนี่ย คิดว่าคงไม่มีใครเคยเห็นมันจริงๆ จังๆ
เพราะในอากาศมันเป็นสีขาวๆ นวลๆ ส่วนเรา เราเคยเห็น
ตอนที่พยายามทำความสะอาดห้องหลังหายป่วยแหละ
เราเอานิ้วปาดตรงซอกข้างมุ้งลวด มันเป็นผงละเอียดกว่าแป้ง
สีดำสนิท มันๆ แล้วเราก็คิดนะ ไอ้นี่น่ะหรอ ที่เราสูดเข้าไปอ่ะ
เราก็เลยรู้เลย ว่าทำไมเราถึงไอ มันระคายเคืองปอดเรามากๆ
พอเราติดแผ่นกรองอากาศไว้หลังห้องเรา ก็โป๊ะเช๊ะเลยแหละ
แค่เดือนเดียวก็สีเทาๆ พอ 2 เดือนแผ่นกรองดำสนิทจนต้องเปลี่ยน
ปีนึงใช้แผ่นกรอง 2 แผ่นโดยประมาณ ช่วงฝุ่นไม่เยอะ
ไม่เท่าไหร่ แต่พอฝุ่นเยอะก็ถึงต้องเปลี่ยน

มาถึงเรื่องออกกำลังกาย เรากับแฟนยังต้องแข่งกันลดน้ำหนักอยู่
แต่พอเจอฝุ่นหนักๆ เราก็ไม่ไปวิ่งอีกเลย เราไม่ไหว แฟนก็ไม่ไหว
คือ ยังไม่อยากตายกันในปีสองปีนี้ ก็เลี่ยงที่จะไม่ไปวิ่งเลย
เห็นวิ่งมาราธอนกันเยอะๆ นี่ก็สงสารนะ ตายไวกว่าเราแน่ๆ
สูดฝุ่นหนักกันขนาดนั้น แล้ววิ่งไกลมากด้วย สูดฝุ่นเข้าปอด
ตลอดเวลาแบบนั้น ไม่เกิน 3 เดือนเข้า รพ. แน่นอน
เราก็ยังอยากออกกำลังกายอยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะออกกำลังกายในร่ม
ในห้องของตัวเองยังไงดี ก็เลยคิดว่า ลองโยคะดูดีไหม

เราเริ่มหัดโยคะตอนที่แฟนเราไปยุโรปแหละ ซื้ออุปกรณ์ใหม่
ทั้งหมดเลย 555+ แต่หมดไม่ถึง 1000 เพราะว่าตอนที่ไปซื้อ
อุปกรณ์มันเป็นช่วงลดราคาวันสุดท้ายพอดี จากราคาพันนิดๆ
เหลือ 800ต้นๆ บาท ตอนเริ่มก็แบบทุลักทุเลมากๆ ไม่เคยทำ
พอทำแค่แบบ 10 นาทีแรก เหงื่อท่วมตัวแล้ว แต่สบายตัวสุดๆ
รู้สึกว่า เออ แบบนี้ก็ดีนะ เรียกเหงื่อได้ พอเราเล่นโยคะได้ประมาณ
3-4 วันเราก็ถึงบอกแฟนว่า ตอนนี้เราหัดโยคะอยู่นะ เหงื่อท่วมเลย
แอบไปซื้ออุปกรณ์มา 555+ แฟนก็ไม่ว่าอะไรนะ แฟนว่าดีแล้วๆ
ตอนนี้ก็โยคะมาเกือบเดือนแล้ว มันก็มีผลนะ

เพราะครอบครัวแฟนติดหวัดแฟนเราไปทุกคนเรียบเลยแหละ
ส่วนเรานั้นไม่ติดหวัดเขา ทั้งๆ ที่ตอนที่เขามาหาเรา เขาอยู่กับเรา
4-5 ชั่วโมง นั่งคุยกันหลายเรื่องมากๆ ฟังแฟนเล่าเรื่องที่ไปเที่ยว
เรื่องที่ไปเรียนมา อะไรที่ไปเจอมา เขาก็เล่าให้ฟังทั้งหมด
แล้วก็เอารูปถ่ายในโทรศัพท์ให้ดูทุกรูปเลย อยู่ข้างๆ กันตลอด
ขนาดนี้ เราไม่ติดหวัดเขา ซึ่งประหลาดมากสำหรับคนป่วยง่าย
แบบเรา เราก็เลยคิดว่า เออ หน้าฝุ่นแบบนี้อ่ะ ไม่วิ่งดีกว่า
เราโยคะดีกว่า ร่างกายแข็งแรงขึ้น หุ่นกระชับขึ้น

เผื่อมีคนถามว่า ทำไมถึงไม่ไปตามฟิตเนส คือที่พักเรามีฟิตเนส
แต่มันเป็นฟิตเนสเปิด จะให้ไปฟิตเนสข้างนอกก็ไกลมากๆๆ
และตอนนี้ ฝุ่นมันส่งผลรุนแรงมากๆๆ คือ แค่เราออกไปทำอาหาร
มีฝุ่นติดบนผมและใบหน้า หน้าเราสิวขึ้นทั่วหน้า แล้วอักเสบแบบสุดๆ
ทุกวันนี้ เวลาไปไหนมาไหนมาก็ตาม ก็ต้องรีบล้างมือ ล้างเท้า
ล้างหน้า ก่อนเลยเวลาเข้าบ้านมา แล้วถึงจะทำอะไรในบ้านได้
ไม่อย่างนั้นคือ ฝุ่นเกาะ ใกล้แฟนก็ไอ แฟนใกล้ก็ไอ 55555
 

มปล. สำหรับใครที่อยู่เชียงใหม่ และอยู่ไม่ไกลจาก มช.
เราแนะนำให้ซื้อหน้ากากจากร้านเภสัชชุมชน ของ มช. ได้นะ
ตอนที่แม่เรามาพบแพทย์ พ่อเราเดินเล่นไป ก็ไปเจอว่า
ร้านเค้าสั่งหน้ากากมาล็อตใหญ่มากๆ และขายราคาไม่แพง
ราคาที่คนทั่วไปก็ซื้อได้อ่ะ บอกเลยว่า ต้องรีบไปซื้อ
อย่าใส่หน้ากากอนามัยธรรมดาๆ คุณจะป่วยและป่วยหนักขึ้น
ค่ารักษา กับสุขภาพปอดของคุณที่เสียไปแล้ว มันเรียกคืน
ไม่ได้นะคะ ส่วนใครที่อยู่ภาคเหนือ ไปวิ่งกลางแจ้ง งดเด็ดขาด!
ก่อนที่จะไอเป็นเลือดแบบเรา มันไม่คุ้ม แล้วมันรักษานาน
กว่าจะหาย ไม่ได้รักษาวันสองวันหาย กว่าจะหาย เป็นเดือน
แล้วต้องอยู่ในห้องปิด ปลอดฝุ่นตลอดเวลา ถึงจะหายอีก
เราไม่ได้พูดเล่นๆ เพราะเราป่วยมาก่อน ไอเป็นเลือดมาก่อน



Create Date : 16 มีนาคม 2562
Last Update : 16 มีนาคม 2562 1:43:57 น.
Counter : 438 Pageviews.

1 comments
  

สวัสดียามเช้าครับ

เรื่องราวของน้องเหม่งเข้ากับสถานการณ์ในช่วงนี้ของเชียงใหม่เลย
เมื่อก่อนเชียงใหม่ไม่เคยมีปัญหาควันรุนแรงแบบนี้นะครับ
พี่ก๋าไม่เคยรู้จักหน้ากากอนามัยเลย
จนเข้า 10 ปีหลังมานี้เผากันหนักมากทุกปี

และปีนี้หนักหนาสาหัสมาก

พี่ก๋างดออกกำลังกายไปเลยครับ
ถ้าจะเล่นก็เล่นในห้อง

ตอนนี้เพจผู้ว่าฯ แทบจะมีแต่คำด่าครับ
ตามหาคนหาย 555

โทษใครไม่ได้จริงๆ
ปัญหาแบบนี้ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน
จึงจะแก้ปัญหาได้ครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 มีนาคม 2562 เวลา:6:33:23 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
มีนาคม 2562

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
14
15
17
18
19
20
22
23
24
25
28
29
30
31
 
 
All Blog