Group Blog
All Blog
<<< "ความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง" >>>











"ความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง"

ร่างกายที่เราใช้ในการหาลาภยศ สรรเสริญ

 หรือหารูปเสียงกลิ่นรสก็เช่นเดียวกัน

ร่างกายของพวกเราก็อนิจจังเหมือนกัน

เกิดแล้วก็ต้องแก่และต้องเจ็บต้องตายไป

แล้วตายเวลาแก่เวลาเจ็บก็เป็นเวลาทุกข์กัน

ไม่มีใครอยากแก่ ไม่มีใครอยากเจ็บ

 ไม่มีใครอยากตายกัน แต่ไม่มีใครหลีกเลี่ยง

ความแก่ความเจ็บความตายได้

 เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการมาเกิด

 ถ้าไม่อยากจะแก่จะเจ็บจะตาย

ก็ต้องไม่กลับมาเกิดเท่านั้น

 และการที่จะไม่กลับมาเกิดได้

ก็ต้องทำใจให้มีความสุข

ทำใจให้หายจากความอยากต่างๆ

 ความอยากต่างๆทำให้ใจไม่มีความสุข

 ก็ทำให้ใจต้องกลับมาหาความสุข

จากลาภยศสรรเสริญ

 จากรูปเสียงกลิ่นรสโผสฐัพพะชนิดต่างๆ

 แต่ถ้าเรามาสร้างความสุขให้แก่ใจ

ได้พอใจมีความสุขแล้ว

 ใจก็ไม่ต้องใช้ความสุขจากลาภยศสรรเสริญ

ความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผสฐัพพะ

 ใจก็ไม่ต้องกลับมาหาลาภยศสรรเสริญ

 หารูปเสียงกลิ่นรสโผสฐัพพะอีกต่อไป

ใจก็ไม่ต้องกลับมาเกิดมามีร่างกาย

พอมามีร่างกายแล้วก็ต้องมามีร่างกาย

ที่จะต้องแก่ต้องเจ็บและก็ต้องตายไป

 เวลาแก่เวลาเจ็บเวลาตาย ใจก็ทุกข์

กับความแก่ความเจ็บความตาย

นี่คือความจริงของพระพุทธศาสนา

 ของคำสอนของพระพุทธเจ้า

ให้เรารู้จักวิธีหาความสุขกันอย่างถูกต้องอย่างแท้จริง

 ต้องหาความสุขด้วยการทำใจให้สงบกัน

 อย่าไปหาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ

 จากรูปเสียงกลิ่นรสโผสฐัพพะกัน

 เพราะมันจะนำพาไปสู่ความทุกข์ในลำดับต่อไป

เวลาที่ลาภยศสรรเสริญเสื่อมไป

 เวลาที่ความสุขทางตาหูจมูกลิ้นเสื่อมไป

 ความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่

แต่ถ้าเรามาสร้างความสุขทางใจ

ความสุขที่เกิดจากความสงบของใจกันได้

เราจะมีความสุขตลอดเวลา

 เพราะความสุขที่ได้จากความสงบนี้

จะอยู่กับเราไปเรื่อยๆ เพราะเราจะรู้จัก

วิธีสร้างมันแล้วก็จะรู้จักวิธีรักษามันให้คงอยู่ไ

ปกับใจของเราได้อย่างถาวร

 เป็นความสุขที่เป็นอกาลิโก ไม่มีวันเสื่อมไม่มีวันหมด

ความสุขที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย

ได้รับกันนั้น ตอนนี้ก็ยังมีอยู่กับใจของพระพุทธเจ้า

 กับใจของพระอรหันต์สาวก

 ใจของท่านไม่ได้ตายไปกับร่างกายของท่าน

 แต่ท่านไม่มีร่างกายที่จะมาติดต่อ

กับพวกเราได้แล้วเท่านั้นเอง

 เพราะใจของท่านไม่ต้องการมีร่างกายแล้ว

 ไม่จำเป็นที่จะต้องมีร่างกายแล้ว

 ท่านจึงไม่ได้กลับมาเกิดมาสอนมาบอกพวกเรา

ให้รู้ความจริงอันนี้

ท่านก็เลยต้องทิ้งพระธรรมคำสอน

ทำหน้าที่แทนท่าน

ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะจากพวกเราไป

 ก่อนที่ร่างกายของท่านจะตายไป

 ท่านก็พูดสอนฝากไว้ว่า

 พวกเธอจะไม่ได้อยู่ปราศจากศาสดา

 ปราศจากครูบาอาจารย์ เพราะว่าคำสอนของเรานี้

จะเป็นครูเป็นอาจารย์ของพวกเธอต่อไป

ขอให้พวกเธอเข้าหาพระธรรมคำสอนของพวกเรา

 แล้วพวกเธอจะไม่ปราศจากการมีครูอาจารย์

 พวกเธอจะมีอาจารย์คอยสั่งคอยสอน

คอยบอกให้พวกเธอได้ไปสู่การหลุดพ้น

จากความทุกข์ทั้งหลาย

 พาให้พวกเธอไปสู่ความสุขที่ถาวรที่เราได้รับ

 จะเป็นความสุขเช่นเดียวกันกับที่พวกเธอจะได้รับ

 นี่คือสิ่งที่พวกเราจะต้องมีศรัทธามีความเชื่อ

 เชื่อว่าการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้านี้

ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดสมัยใด

 สามารถให้ผลได้เช่นเดียวกัน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb' พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 31 ธันวาคม 2561
Last Update : 31 ธันวาคม 2561 8:57:48 น.
Counter : 394 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ