Group Blog
All Blog
<<< "สร้างสรณะที่พึ่งทางใจ" >>>








“สร้างสรณะที่พึ่งทางใจ”

ถ้ายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลงอยู่ในใจ

 ต่อให้เป็นอะไรก็ตาม เป็นประธานาธิบดี

 เป็นพระมหากษัตริย์ เป็นนายกรัฐมนตรี

 เป็นคนธรรมดา เป็นขอทานข้างถนน

 เป็นสุนัข เป็นสัตว์เดรัจฉาน

 ก็ยังหนีไม่พ้นความทุกข์

เพราะความทุกข์ไม่ได้อยู่ที่เพศที่วัย

 แต่อยู่ที่กิเลสคือความโลภ

ความโกรธความหลงเท่านั้น

 ถ้ามีความโลภความโกรธความหลงมาก

 ก็จะมีความทุกข์ความวุ่นวายมาก

 ถ้ามีความโลภความโกรธความหลงน้อย

ก็จะมีความทุกข์ความวุ่นวายน้อย

วิธีที่จะทำให้ไม่โลภไม่โกรธไม่หลง

 ก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า

 ต้องไม่โลภไม่หลงกับเงินทอง

ว่าเป็นที่พึ่งที่แท้จริง

เพราะไม่ได้ให้ความสุขอย่างแท้จริง

ดับความทุกข์ใจไม่ได้

มีเงินทองไว้ดูแลรักษากายเท่านั้น

แต่ใจอย่าไปหลงยึดติด ว่าดีวิเศษ

ถ้าหลงยึดติดก็จะทำให้ทุกข์

ถ้าเอาไปเที่ยว กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน

 ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร

 เพียงแต่ให้ความเพลิดเพลินไปวันๆหนึ่งเท่านั้นเอง

 เป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดี

 พอเงินทองหมดก็จะเดือดร้อน

 ถ้าเคยเสพสุราอยู่ทุกวัน พอไม่มีเงินซื้อสุรา

ก็จะต้องทุกข์เป็นอย่างมาก

 ถ้าเคยเล่นการพนันเคยเที่ยวก็เช่นเดียวกัน

 ถ้าอาศัยเงินทองมาบำรุงบำเรอ

 พอเงินทองหมดก็จะเดือดร้อน

ไม่มีปัญญาไปหามาได้อย่างถูกต้อง

ก็ต้องไปทำบาปทำกรรม ไปปล้นธนาคาร

 ไปฆ่าไปโกหกหลอกลวงผู้อื่น

 เพื่อเอาเงินมาบำรุงบำเรออีก

 พระพุทธเจ้าจึงสอนไม่ให้หลงยึดติดกับเงินทอง

 อย่าใช้เงินทองซื้อความสุข

 เพราะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

ให้เอาเงินทองไปแจกจ่าย

 ไปทำบุญทำทานเท่านั้นแล

 ที่จะทำให้เกิดความสุขที่แท้จริง

 อย่าทำเพื่อตัวเราเพียงอย่างเดียว

ต้องทำเพื่อผู้อื่นด้วย

มีเงินทองก็เอาไปช่วยเหลือผู้อื่น

 ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวเรา

 เช่นบิดามารดาญาติพี่น้องก็ดี

หรือคนไกลตัว คนที่ไม่รู้จักก็ดี

จะทำให้มีความสุขสบายใจ

 เพราะได้กำจัดความโลภความโกรธความหลง

ไปในระดับหนึ่ง  นี่คือการสร้างสรณะทางใจ

 ถ้าทำไปเรื่อยๆแล้ว จะสุขใจอิ่มใจพอใจ

มากขึ้นไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าการทำความดี

 เป็นการนำมาซึ่งความสุขและความเจริญ

 การระงับการกระทำบาปทั้งหลาย

 เป็นการป้องกันสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย

ไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา การกำจัดความโลภ

ความโกรธความหลงที่มีอยู่ในใจ

จะทำให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

อย่างดีอย่างวิเศษ เป็นพระพุทธเจ้า

 เป็นพระอรหันต์ ก็เป็นตรงนี้แล

 เป็นที่จิตใจที่ปราศจาก

ความโลภความโกรธความหลง

 จึงควรน้อมเอาพระธรรมคำสอน

ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ ข้อนี้

คือทำดี ละบาป ชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์

 กำจัดความโลภความโกรธความหลง

 ด้วยการเสียสละ ทำบุญให้ทาน

 รักษาศีล ละเว้นอบายมุขต่างๆ

บำเพ็ญจิตตภาวนา ทำจิตใจให้สงบ

ด้วยสมถภาวนา ทำจิตใจให้เกิดปัญญา

รู้แจ้งเห็นจริง เพื่อกำจัดความหลง

 ด้วยวิปัสสนาภาวนา ถ้าปฏิบัติได้แล้ว

 จะมีธรรมะปรากฏขึ้นมาในใจ

จะปรากฏพุทธะหรือสังฆะขึ้นมาภายในใจ

 ถ้าศึกษาสร้างธรรมะให้เกิดขึ้นด้วยตนเอง

 ไม่มีใครสั่งสอนก็จะเป็นพุทธะ เป็นพระพุทธเจ้า

 เพราะไม่มีใครสั่งสอน ต้องศึกษาค้นคว้า

หาความรู้เอง เมื่อนำเอามาปฏิบัติ

ก็ปรากฏเป็นธรรมะขึ้นมา

คือความสงบสุขความสว่างไสว

 ความรู้แจ้งเห็นจริงภายในใจ

 เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา

มีพุทธะมีธรรมะเป็นที่พึ่ง

 ส่วนผู้ที่ได้ยินได้ฟัง

พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 อย่างพวกเรา เมื่อนำเอามาประพฤติปฏิบัติ

จนปรากฏมีธรรมะขึ้นมาในใจแล้ว

ก็จะเป็นสังฆะ ก็จะมีพระรัตนตรัย

 เพราะว่าพุทธะ ธรรมะ สังฆะเป็นองค์เดียวกัน

 ต่างแต่กิริยา ต่างแต่อาการเท่านั้น

แต่มีเนื้อหาสาระเหมือนกัน

มีธรรมะแล้วก็จะมีพุทธะ มีสังฆะ

เพราะทรงตรัสไว้ว่า

ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต

 ตถาคตก็คือพระพุทธเจ้า หรือพุทธะนี่เอง

ถ้าปฏิบัติธรรมจนมีดวงตาเห็นธรรมขึ้นมา

ก็จะมีธรรมะ เมื่อมีธรรมะก็จะรู้ว่านี่แลคือพุทธะ

 ผู้ที่รู้ธรรมะ รู้พุทธะ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

 ก็คือสังฆะนี่เอง ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

นี่คือการสร้างพระรัตนตรัย ให้เป็นที่พึ่งที่แท้จริง

เมื่อมีพุทธะธรรมะสังฆะอยู่ในใจแล้ว

 จะไม่มีความทุกข์ไปตลอดอนันตกาล

จะไม่ไปเกิดอีกต่อไป เมื่อไม่ไปเกิด

 ย่อมไม่มีความแก่ ไม่มีความเจ็บ ไม่มีความตาย

ไม่มีการพลัดพรากจากกัน

ไม่มีความทุกข์ ดังที่ได้ทรงตรัสไว้ว่า

 ทุกข์ย่อมไม่มีกับผู้ไม่เกิดเท่านั้น

 ตราบใดยังมีการเกิดอยู่ ก็ยังต้องมีความทุกข์

 ที่เกิดจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย

 การพลัดพรากจากกันอยู่

ถ้าได้ชำระกิเลสจนหมดสิ้นไปแล้ว

ไม่มีความโลภความโกรธความหลงแล้ว

ใจก็ไม่ต้องไปเกิดอีกต่อไป เป็นปรมังสุขัง

 เป็นความสุขที่เต็มเปี่ยม ไปตลอดอนันตกาล

 ไม่มีที่สิ้นสุด นี่คือผลที่จะเกิดขึ้น

จากการน้อมเอาพระธรรมคำสอน

ของพระพุทธเจ้าเข้ามาสู่ใจ

เพื่อให้เป็นสรณะที่พึ่งทางใจ

จึงขอให้ท่านทั้งหลายมีความเชื่อมั่น

ต่อการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน

ขอให้หมั่นเข้าวัด หมั่นศึกษา

 หมั่นฟังเทศน์ฟังธรรม หมั่นปฏิบัติ

 เพื่อความสิ้นสุดแห่งความทุกข์

 ที่จะเป็นผลตามมาต่อไป

การแสดงก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา

 จึงขอยุติไว้เพียงเท่านี้.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

กำลังใจ ๔๑, กัณฑ์ที่ ๓๖๓

วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐




<

ขอบคุณที่มา  fb.  พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ





Create Date : 30 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 19:27:26 น.
Counter : 483 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ