Group Blog
All Blog
<<< " ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง" >>>








"ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง"

ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

เราสามารถค้นพบธรรมะได้

ในทุกอิริยาบถและทุกลมหายใจ

ไม่เคยมีใครบ่นว่าฉันไม่มีเวลาหายใจฉันใด

 เราก็ไม่สมควรตัดพ้อว่าไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมฉันนั้น

 เว้นเสียแต่ว่าเราปฏิบัติธรรมมิใช่เพื่อเข้าถึงธรรม

 แต่เพื่อความพิเศษมหัศจรรย์หรืออิทธิปาฏิหาริย์

 แต่ถ้ามีจุดมุ่งหมายอย่างนั้น

จะเรียกว่าการปฏิบัติธรรมได้อย่างไร

ธรรมขั้นสูงสุดนั้นมิได้อยู่ที่ไหน

 หากอยู่ในความธรรมดาสามัญ

เพราะธรรมดาสามัญนั้นเอง

 ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา

 กลมกลืนกับธรรมดา ไม่ขัดขืนโต้แย้งกับธรรมดา

 ทั้งไม่ผลักไสหรือยึดติดธรรมดา

 เพราะธรรมดานั้นไม่มีบวกหรือลบ สูงหรือต่ำ

 น่ายินดีหรือไม่น่ายินดี หากเป็นใจเราต่างหาก

ที่ไปกำหนดหมายหรือให้ค่าเอาเอง

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกที่เร่งรีบอึกทึก

 และถูกปรุงแต่งจนพอกหนาด้วยสมมติและมายา

 บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเร้นไปยังที่ที่สงบสงัด

และปลอดโปร่งจากภารกิจ

 เพื่อมีเวลาพินิจจิตใจของตน

จนหยั่งเห็นธรรมะหรือธรรมดา

ท่ามกลางความผันผวนของความรู้สึกนึกคิด

ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างกลมกลืน

 และเป็นมิตรกับธรรมดามากขึ้น

แต่ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสู่โลกกว้าง

และชีวิตที่เป็นจริง

 ต้องเกี่ยวข้องกับงานการและผู้คน

 เผชิญกับความแปรปรวนของสรรพสิ่งรอบตัว

 พบกับความสมหวังและไม่สมหวัง

จนบางครั้งเราอดไม่ได้ที่จะคิดหัวนกลับไป

สู่สำนักปฏิบัติอันสงบสงัด หรือไม่ก็อยากจะเก็บตัว

อยู่ในห้องพระเพื่อเจริญสมาธิภาวนานานเท่านาน

 แต่ใช่หรือไม่ว่าในชั่วขณะนั้น

เรากำลังคิดหันหลังให้กับธรรมะ

ที่อยู่ท่ามกลางความธรรมดาสามัญ

ชีวิตที่นั่งหรือเดินภาวนาทั้งวัน

เป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะจำเป็น

แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา

 เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอด

เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องพร้อม

กลับมาสู่ชีวิตธรรมดาสามัญ

 ซึ่งมีภารกิจและความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจ

แต่งานการใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม

 แท้จริงเป็นอุปกรณ์

แห่งการเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี

 ด้วยเหตุนี้เมื่อพระรูปหนึ่ง

ขอร้องให้อาจารย์สอนธรรม

 ท่านกลับถามว่า เธอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้วหรือ

 เมื่อศิษย์ตอบว่า ฉันเสร็จแล้ว ท่านกลับตอบว่า

งั้นเธอก็กลับไปล้างจานได้แล้ว

การปฏิบัติธรรมในสำนักอันสงบสงัด

 เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมของนักกีฬา

 แต่การฝึกซ้อมจะมีประโยชน์อะไร

หากไม่ลงไปสู่สนามจริง

 นักกีฬาย่อมไม่กลัวสนามจริงฉันใด

นักปฏิบัติธรรมก็ไม่พรั่นพรึงโลกกว้าง

และชีวิตจริงฉันนั้น จะว่าไปแล้ว

 โลกว้างและชีวิตจริงนั่นแหละคือสถานที่ดีที่สุด

สำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะความเป็นจริง

โดยเฉพาะความทุกข์คือครูที่ฉลาดทีสุด

ในการเคี่ยวเข็ญเราให้เข้าถึงธรรมและธรรมดา

การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้

ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย

 และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์

 สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้

 ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต

 อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูล

และเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยก

หรือเลือกที่รักมักที่ชัง

ทั้งหมดนี้เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญ

ที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู

มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง.

พระไพาล วิสาโล







ขอบคุณที่มา fb. ข้อธรรม คำสอนพระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 28 พฤษภาคม 2561
Last Update : 28 พฤษภาคม 2561 10:12:26 น.
Counter : 491 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ