"นา ๕๒ ไร่"
เป็นเวลาที่ดีที่เราจะได้มาทบทวนดูเหตุการณ์
ที่ผ่านมาในระยะเวลา ๑ ปี ว่าได้ทำอะไรไปบ้าง
ที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ และได้ทำอะไรไปบ้าง
ที่เป็นโทษกับตัวเราและผู้อื่น
ปีหนึ่งๆ พระพุทธเจ้าทรงมอบวันพระ
ให้พวกเราถึง ๕๒ วันพระด้วยกัน
เป็นมรดกของพระพุทธเจ้า
ที่มอบให้กับพุทธศาสนิกชน
พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเหมือนกับชาวนา
ผู้มีที่นาเยอะ เวลาชาวนาตายไป
ก็ทิ้งที่นาเป็นมรดกให้กับลูกหลานไว้
เพื่อจะได้ทำประโยชน์ ทำมาหากิน
ลูกๆ หลานๆ ทุกๆ คนของพระพุทธเจ้า
ก็จะได้ที่นาคนละ ๕๒ ไร่ด้วยกัน
ลูกหลานแต่ละคนที่ได้รับมรดกคือเนื้อที่นา ๕๒ ไร่
หรือวันพระ ๕๒ วันนี้ จะเอาไปทำประโยชน์
ได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญา
กำลังความสามารถของแต่ละคน
ที่จะกระทำกัน อย่างพวกเรานี้
ในปีนี้เราได้ทำนาหมดทั้ง ๕๒ ไร่หรือเปล่า
คือเราได้มาวัดทุกๆ วันพระ
ครบ ๕๒ ครั้งหรือเปล่า
การมาวัดทุกๆ วันพระเป็นเหตุที่จะนำมาในสิ่งต่างๆ
ที่เราปรารถนากัน คือความสุขและความเจริญ
พระพุทธเจ้าทรงชี้บอกถึงเหตุที่จะนำมา
ซึ่ง ความสุขและความเจริญในตัวของเรา
ว่าเกิดจากการกระทำของเรา
ทางกาย ทางวาจา และทางใจที่เป็นมงคล
พระพุทธองค์จึงได้ทรงกำหนดพิธีกรรม
การประกอบกิจทางศาสนา
ให้ศรัทธาญาติโยมได้มาปฏิบัติที่วัดกันทุกๆวันพระ
เป็นการสร้างเหตุที่จะนำมา
ซึ่งความสุขความเจริญ ความเป็นสิริมงคล
เพราะเวลาที่มาวัดในวันพระแต่ละครั้งนั้น
จะได้กระทำสิ่งที่เป็นมงคล
เริ่มตั้งแต่การบูชาพระรัตนตรัย
การทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน
การสมาทานและรักษาศีล การฟังเทศน์ฟังธรรม
และการปฏิบัติธรรมตามสมควร
แก่กำลังสติปัญญาของแต่ละท่าน
กิจกรรมเหล่านี้เป็นเหตุที่จะนำมา
ซึ่งความสุข ความเจริญ
เพราะเป็นการขัดเกลาชำระจิตใจ
ที่มีมลทินเครื่องเศร้าหมองคือกิเลสตัณหา
ที่มีอยู่ในจิตใจของปุถุชน
อย่างเราอย่างท่านทุกๆ คนด้วยกัน
ถ้ามีกิเลสตัณหามากอยู่ในใจ ผลก็คือความทุกข์
ความเสื่อมเสียก็จะมีมาก
ถ้าได้ชำระขัดเกลากิเลสตัณหาที่มีอยู่ในใจ
ให้เบาบางลงไป จิตใจก็จะเป็นจิตใจที่สะอาด
เป็นจิตใจที่มีความสุข มีความสงบ.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
....................................
ธรรมะบนเขา (กำลังใจ ๖)
วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๔
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ