"คราบของนักบุญ"
จำใว้นะ อย่าไปเชื่อใครง่ายๆ
ยิ่งสมัยนี้เริ่มมีคนจะแอบอ้างเรา รู้จักเรา
เป็นอะไรกับเรา แล้วเดี๋ยวมาขอความช่วยเหลือ
อย่ามาโทษเราทีหลังนะถ้าไปเชื่อเขา
เดี๋ยวเขามาขอความช่วยเหลือขอสิ่งโน้น ขอสิ่งนี้
ขอยืมเงิน ขอไอ้โน่นขอนี่
แล้วก็เห็นเขามาวัดมาทำบุญ
ก็เลยคิดว่าเขาเป็นคนน่าเชื่อถือ
แล้วก็ให้เขาไป แล้วพอเขาไม่คืน ก็มาด่าอาจารย์
มาโทษอาจารย์ หาว่าลูกศิษย์อาจารย์
มายืมเงินแล้วไม่ยอมคืนเงินให้
อาจารย์ไม่รู้เรื่องสักหน่อย ก็เลยต้องออกมาพูด
เพราะมันมีแล้วเนี่ย มีกรณีนี้เกิดขึ้น
เราก็ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
กลายเป็นอะไรเขาเรียก กลายเป็นจำเลยไป
เนี่ยเพราะอาจารย์เนี่ย ถูกหลอกเนี่ยเพราะอาจารย์
ความจริงโง่ถึงถูกหลอก ไม่โทษตัวเอง
โง่เงินอยู่ในมือแท้ๆ ยังปล่อยให้เขาไปได้น่ะ ใช่มั้ย
เอ้าถ้าเราสั่งก็มาโทษเราได้นะว่า
เอ้อถ้าอาจารย์บอกให้ไปให้เขายืมอย่างนี้
เอ้อ อย่างนี้เราก็ยินดียอมเป็นจำเลย
นี่เราไม่ได้พูดไม่ได้ทำอะไร ไม่รู้เรื่องเลย
ไม่เกี่ยวข้องเลย แล้วพอไม่ได้เงินก็มาด่ามาโวยวาย
อันนี้พูดเป็นเชิงทฤษฎี
ไม่อยากจะให้กระทบกระเทือนใคร
แต่อยากจะให้ปัญญา อยากจะให้ความรู้
ว่าคนมาวัดนี้ไม่ใช่จะเป็นคนที่ใจบุญเสมอ
เป็นมารมาในคราบของนักบุญก็มีนะ
เราไม่รู้ว่าเขามานี่เขามาเพื่ออะไร
บางทีเขาทำตัวแบบนักบุญแต่ใจบาปก็ได้
พอเขาเห็นช่องทางเขาจะสามารถทำอะไรได้
เขาก็อาจจะทำก็ได้ เพราะคนที่มาทำบุญนี้
ก็เป็นคนมองคนในแง่ดี เลยเชื่อว่า
คนทุกคนเป็นคนใจบุญมาวัดกันมาทำบุญกัน
เวลาใครเขาพูดอะไรก็จะเชื่อเขา
ก็นี่แหละถึงต้องมาพูดบ้าง
เดี๋ยวเราจะกลายเป็นจำเลยโดยไม่รู้สึกตัว
ใช้เหตุผล ใช้ความรอบคอบ
โบราณเขาบอกว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน
จะจนใจตาย อันนี้ก็บอกให้รู้ก่อน
สำหรับเรา เราอยู่ของเรามาคนเดียวมาตลอด
เราไม่มีปัญหาอะไรกับใคร
พอคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับเรา
แล้วมักจะไปมีปัญหากันด้วยกับคนอื่น
แล้วก็มาเอาเราเป็นจำเลย
เพราะเขามาวัดนี่ก็เลยเชื่อเขา
เพราะเขาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อก็เลยเชื่อเขา
แต่ตอนนี้เราขอปลดตัวเองจากการเป็นจำเลยนะ
ไม่รับผิดชอบทุกกรณี
ใครทำอะไรนี่รู้ว่าตัวเองเป็นคนทำ
มีใครเขาบังคับให้เราทำหรือเปล่า
มีใครเขารับรองหรือเปล่า รับประกันหรือเปล่า
เราบางทีเราเป็นคนที่เชื่อคนง่าย
แล้วก็มีความเมตตาสงสาร
เขามาขอความช่วยเหลือเขาเดือดร้อน
ก็เลยอยากจะช่วยเหลือเขา
เดี๋ยวเวลาเผลอถูกเขาตีหัวเอาไม่รู้สึกตัว
ก็เชื่อได้ในระดับหนึ่งนะ
แต่อย่าเชื่อแบบขาดทุนก็แล้วกัน
ถ้าเชื่อแล้วกำไรเชื่อเลย
ถ้าเขาจะเอาเงินมาให้รับไว้ก็ได้
แต่ถ้าเขาจะมาเอาเงินเราก็อย่าไปเชื่อ (หัวเราะ)
แต่เราไม่เคยเรี่ยไรบริจาคขอเงินใครนะ
ฉะนั้น ใครจะมาใช้ชื่อเราขอซื้อของต่างๆ
ซื้ออะไรต่างๆ นี้เราไม่รู้เรื่องนะ
แม้แต่เครื่องใช้ไม้สอยที่ใช้ในการถ่ายทอดสด
นี่เราไม่รู้เรื่องเลยนะ ไม่เกี่ยวข้องนะ
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้มา ใครอะไรมา ได้มาอย่างไร
อันนี้เราไม่รู้เรื่องจริงๆ ไม่ได้บอกไม่ได้อะไรทั้งนั้น
แต่ก็เชื่อบางอย่างมันก็ช่วยด้วยเหตุด้วยผล
มันก็ดี มันก็ได้ประโยชน์
ได้เครื่องไม้เครื่องมือมาถ่ายทอด
มีคนมาเป็นเจ้าภาพจ่ายค่าโทรศัพท์รายเดือน
ค่าอะไรต่างๆ แต่ถ้าเกิดมีเรื่องขึ้นมาอย่ามาว่าเรานะ
เราไม่ได้อะไรนะจากการกระทำต่างๆ เหล่านี้.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
......................................
สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ