Group Blog
All Blog
<<< “ความสุขที่เกิดจากการหยุดคิด” >>>











“ความสุขที่เกิดจากการหยุดคิด”

จิตกับร่างกายนี้เป็นคนสองคน เชื่อมต่อด้วยสาย

 เหมือนสายปลั๊กที่เราเสียบกับทีวีอย่างนี้

 ถ้าเราถอดปลั๊กออกไฟก็ไม่เข้าเครื่อง

 จิตเรานี้ถ้านั่งสมาธิก็เหมือนกับ

ถอดปลั๊กออกจากร่างกาย

 มันจะไม่รับรู้เรื่องของร่างกาย

 จะไม่รับรู้เรื่องรูปเสียงกลิ่นรส

 ความรู้สึกของร่างกาย

หนาวหรือร้อนนี้มันจะไม่รับรู้

 มันจะยุติการรับรู้ชั่วคราว

 เราใช้สติดึงมันออกมา

 ใช้สติไปถอดปลั๊ก จิตเรานี้มาอยู่อีกที่หนึ่ง

อยู่คนละที่กับร่างกาย อยู่คนละโลกกัน

 ร่างกายอยู่โลกธาตุ แต่จิตนี้อยู่ในโลกทิพย์

เนี่ยเวลาที่ร่างกายตายไป

ก็เหมือนถอดปลั๊กออกจากร่างกาย

 จิตก็ยังอยู่ จิตไม่ได้ตายไปกับร่างกาย

จิตอยู่ในโลกทิพย์เป็นร่างทิพย์เป็นกายทิพย์

 ถ้าเป็นกายทิพย์ที่มีความสุขเราเรียกว่าเทวดา

 ถ้ากายทิพย์ที่มีความทุกข์เราก็เรียกว่านรก

 หรือเปรต หรือผี แล้วก็ร่างทิพย์นี้

ก็จะไปหาร่างกายอันใหม่

พอได้ร่างกายอันใหม่

 ก็เสียบปลั๊กเชื่อมเข้าหากัน

 แล้วก็เกิดออกมาจากท้องแม่ก็มาใช้ร่างกายนี้

เป็นตัวรับสิ่งต่างๆ รับรูปรับเสียงรับกลิ่นรับรส

 รับความรู้สึกหนาวเย็นแข็งนุ่มผ่านทางร่างกาย

 แล้วใจก็เสพรูปเสียงกลิ่นรสเหล่านี้ มีความสุข

ถ้าได้เสพกับรูปเสียงกลิ่นรสที่ถูกใจ

 มีความทุกข์เวลาต้องเสพ

กับรูปเสียงกลิ่นรสที่ไม่ถูกใจ

นี่ก็คือการหาความสุขของใจ คือกายทิพย์

 อาศัยร่างกาย อาศัยตาหูจมูกลิ้นกาย

รับรูปเสียงกลิ่นรสมาเสพ

ทุกวันนี้เราก็เสพห้าอย่างนี้

 เรามีตาเราดู เห็นอะไรก็ดู

 ดูแล้วมีความสุขบ้างมีความทุกข์บ้าง

 ไปเห็นสิ่งที่ถูกใจก็สุข เห็นที่ไม่ถูกใจก็ทุกข์

ก็เสพไปอย่างนี้ ถ้าเจอทุกข์ก็หนีมัน

 เห็นภาพที่ไม่ถูกใจก็หนีมัน ไปหาภาพที่ถูกใจดู

 แล้วก็สุข ทุกข์ก็หายไป รับรู้แล้วก็หายไป

 ใจก็อยากจะมีความสุขก็ต้องหาอยู่เรื่อยๆ

 ต้องดูอยู่เรื่อยๆ ต้องฟังอยู่เรื่อยๆ

ต้องหาอะไรดื่มหาอะไรกินอยู่เรื่อยๆ

ถึงจะมีความสุข อยู่เฉยๆ แล้วมันอึดอัด

หงุดหงิดรำคาญใจ เพราะมีความอยาก

ที่จะเสพรูปเสียงกลิ่นรส เหมือนคนติดบุหรี่

ติดสุรา ติดยาเสพติด เวลาไม่ได้เสพสุราบุหรี่

หรือยาเสพติดมันจะหงุดหงิด

 พวกเรานี้ติดเหมือนคนติดยาเสพติด

 ติดรูปเสียงกลิ่นรสของคนนั้นของคนนี้

อยากอยู่ใกล้คนนั้นอยากอยู่ใกล้คนนี้

 แล้วเวลาไม่ได้อยู่ใกล้ก็เหงาว้าเหว่

 นี่คือชีวิตของพวกเรา

เราคือจิตผู้อยู่ในโลกทิพย์

แล้วมาเสียบปลั๊กเข้ากับร่างกาย

และที่อยู่ในโลกธาตุ

คำว่าโลกธาตุ ก็ธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ

 ร่างกายนี้ทำมาจากธาตุ ๔

ทำมาจากดินน้ำลมไฟ

ร่างกายเราโตขึ้นมาได้เพราะข้าว ผัก

อาหารมันก็มาจากดินน้ำที่เราดื่มเข้าไป

 ลมที่เราหายใจเข้าออกอย่างนี้

 แล้วก็เกิดความร้อน

ขึ้นมาในร่างกายธาตุไฟ คือธาตุ ๔

โลกนี้ทั้งโลกทำด้วยธาตุ ๔ ทั้งนั้น

 ทุกอย่างนี้ต้นไม้ กุฎิ ไฟ

 หลอดไฟอะไร ของต่างๆ

เหล่านี้เป็นธาตุทั้งนั้น

 ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเป็นธาตุดิน

 ของแข็งๆ นี้เรียกว่าธาตุดิน

 ถ้าของเหลวก็ธาตุน้ำ

 เครื่องดื่มต่างๆ นี่ก็ธาตุน้ำ

 ลมก็ลมที่เราหายใจที่พัดไปพัดมา

 ในโลกนี้มีแค่ ๔ อย่างเท่านั้นแหละ

มีดิน น้ำ ลม ไฟ

พอมารวมกันก็เป็นต้นไม้บ้าง

 เป็นภูเขา เป็นคน เป็นสัตว์ เนี่ยทุกอย่างเนี่ย

มาจากดินน้ำลมไฟ

มีคนกับสัตว์เท่านั้นที่มีธาตุที่ ๕ คือธาตุรู้

คือใจมาเกี่ยวข้องด้วย มาครอบครอง

 ใจเรานี้มาครอบครองร่างกาย

เหมือนเราไปครอบครองรถยนต์

แล้วเราก็ขับรถยนต์ไปไหนมาไหน

ใจก็มาครอบครองร่างกาย

แล้วก็ขับร่างกายให้ไปไหนมาไหนไง

นี่เราจะมาได้นี่ก็ต้องสั่งร่างกายก่อน

 ผู้ที่สั่งก็คือใจ ใจคือผู้รู้ผู้คิด

ร่างกายไม่รู้อะไรไม่คิดอะไร

ร่างกายไม่มีความรู้ไม่มีความคิด

 ความรู้ความคิดนี้อยู่ที่ใจ ใจเป็นผู้คิดผู้รู้

 ใจก็คิดอยากได้รูปเสียงกลิ่นรส

ใจก็สั่งให้ร่างกายไปหารูปเสียงกลิ่นรสมาเสพ

แต่รูปเสียงกลิ่นรสนี้มันเป็นของชั่วคราว

 ได้มาแล้วเดี๋ยวก็หมดไป

หมดไปแล้วก็ทำให้เหงาให้หิวทำให้อยาก

ก็ต้องไปหาใหม่ เวลาหาได้ก็มีความสุข

เวลาหาไม่ได้ก็มีความทุกข์

 เสียใจไม่สบายใจว้าเหว่หงุดหงิดรำคาญใจ

นี่คือวิธีหาความสุขของพวกเรา

 เพราะเราไม่รู้ว่ามีความสุขอีกแบบหนึ่ง

ที่ดีกว่าความสุขที่เรากำลังหาอยู่นี้

 เพราะความสุขที่เราหาอยู่นี้

มันได้มาแล้วก็หมดไป

 แล้วต่อไปร่างกายมันก็ต้องตายไป

พอร่างกายตายไป

ก็ไม่สามารถหาความสุขได้ ก็จะทุกข์

 พระพุทธเจ้าทรงหาวิธีหาความสุขอีกแบบหนึ่ง

ก็คือวิธีมานั่งทำใจให้สงบ

 จากการทำใจให้สงบ

 หยุดความคิด หยุดความอยาก

 ถ้าใจหยุดคิดมันก็หยุดอยาก

 ก็หยุดอยากแล้วมันก็จะสุข

 เกิดความสุขขึ้นมาภายในใจ

 ไม่ต้องไปหาอะไรมาให้ความสุขกับใจ

 ใจสามารถมีความสุขในตัวเองได้

 อันนี้พวกเราไม่รู้กันไม่เคยเจอกัน

เจอแต่ความสุขจากรูปเสียงกินรส

เจอแต่ความสุขจากคนนั้นคนนี้

 เราก็เลยต้องวิ่งหา

ได้มาก็ดีใจ เดี๋ยวพอเสียไปก็เสียใจ

แล้วก็ต้องหาใหม่ ได้แฟนคนนี้มา

เดี๋ยวถ้าเกิดเขาจากไปก็ต้องหาแฟนคนใหม่

 เพราะอยู่คนเดียวไม่ได้

 อยู่คนเดียวแล้วมันไม่สุข

ก็ต้องหาแฟนใหม่ ถ้าหาได้ก็สุข

ถ้าหาไม่ได้ก็ทุกข์ เหงา

การหาความสุขของพวกเราตอนนี้

เป็นการหาพร้อมๆ กับความทุกข์

 เพราะความสุขที่เราได้มันจะต้องหมดไป

 พอมันหมดไปเราก็ทุกข์กัน

 หรือเวลาเราไม่สามารถใช้ร่างกาย

เป็นเครื่องมือหาความสุขได้ เวลาร่างกายแก่

 ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายตายไป

 เราไม่สามารถใช้ร่างกายหาความสุขได้

เราก็จะมีแต่ความทุกข์

 มีแต่ความซึมเศร้า ว้าเหว่

 เศร้าสร้อยหงอยเหงา หงุดหงิดรำคาญใจ

 อารมณ์ไม่ดี เพราะไม่สามารถหาความสุข

ผ่านทางร่างกายได้ ไม่รู้จักวิธีหาความสุข

แบบไม่ต้องใช้ร่างกาย

คือการหยุดความคิดทำใจให้สงบ

การทำใจให้สงบนี้ไม่ต้องใช้ร่างกาย

 แต่ต้องใช้ธรรมะ ธรรมะที่มีอยู่ในใจเรา

แต่เราไม่เคยสร้างมันขึ้นมา คือสติ

 เราไม่ค่อยมีสติ มีเหมือนกันแต่มีไม่มาก

 มีพอที่จะทำอะไรได้

 แต่ไม่มีพอที่จะหยุดความคิด

 มีพอที่จะรู้ว่ากำลังคิดอะไรกำลังจะไปทำอะไร

 แต่ไม่มีกำลังที่จะหยุดความคิด

 ใจของเราก็เลยต้องไปหาความสุข

ตามความคิดไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครสอน

ไม่มีใครรู้ว่าความสุขที่ดีกว่า

คือความสุขที่เกิดจากการหยุดคิด

ความสุขที่เกิดจากการทำใจให้สงบให้สบาย

 อยู่คนเดียวได้ เวลาใจสงบแล้วนี้

มีความ ไม่ต้องมีร่างกายก็ได้

ต้องใช้ร่างกายก็ได้ ไม่ต้องดูไม่ต้องฟัง

 ไม่ต้องมีแฟนไม่ต้องมีอะไร

อันนี้แหละคือความสุข

ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ

 แล้วนำมาสอนพวกเราว่าเป็นความสุข

ที่เหนือกว่าความสุขทั้งปวง

 เป็นความสุขที่ถาวร

 ได้มาแล้วจะไม่จากเราไป เราจะมีความสุขตลอดเวลา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...........................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๐






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 21 ธันวาคม 2560
Last Update : 21 ธันวาคม 2560 10:28:13 น.
Counter : 727 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ