ต้องชนะตนไม่ใช่ชนะผู้อื่น
ถาม : ทำไมคนภาวนาจึงดูเหมือนไม่ค่อยสู้คน
ไม่ตอบโต้ ยอมคนอื่นง่ายๆ
ทำให้คนรอบข้างมองว่าเป็นคนไม่ทันคน
เพราะเหตุใดเจ้าคะ
พระอาจารย์ : เพราะคนฉลาดไง
เพราะว่าคนรอบข้างไม่ใช่ศัตรูของเขา
ศัตรูของเขาคือกิเลสตัณหา ไอ้ตัวที่มักใหญ่ใฝ่สูง
ตัวที่คิดว่าตัวเองเก่งตัวเองดีนี่แหละ
ไอ้ตัวนี้แหละเป็นตัวที่สร้างปัญหาให้กับเรา
คนรอบข้างเราไม่ใช่เป็นคนที่สร้างปัญหา
สร้างความทุกข์ให้กับเรา
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าการชนะคนอื่น
เป็นหมื่นเป็นแสนก็สู้ชนะตนไม่ได้
เพราะชนะคนอื่นก็เป็นเวรเป็นกรรมกัน
เราชนะเขา เขาก็โกรธแค้นโกรธเคืองเรา
เราแพ้เขาเราก็โกรธแค้นโกรธเคืองเขา
อาฆาตพยาบาทจองเวรกันไป
แต่ถ้าเราชนะความโกรธในตัวเรา
ชนะความโลภในตัวเรา ใจเราก็จะสงบ
แล้วเราก็ไม่ต้องไปมีปัญหากับใคร
อันนี้แหละคือการชนะที่แท้จริง
ต้องชนะตน ไม่ใช่ชนะผู้อื่น
คนฉลาดเขาจึงไม่ไปต่อกรกับคนอื่น
ก็เลยลักษณะเหมือนกับว่าเป็นคนยอมแพ้
แต่ความจริงกำลังต่อสู้กับข้าศึกศัตรูที่สู้ยากที่สุด
ก็คือตัวเองนี่แหละ ไอ้ตัวที่จะเอาชนะตนเอง
ตัวนี้มันสู้ยาก เอาชนะคนอื่นมันง่าย
ทุบหัวเขาตีหัวเขา เขาก็ตายแล้ว
แต่ไอ้ตัวนี้มันไม่ตายง่ายๆ ถึงต้องใช้สูตร ๓ ย.
เข้าใจไหม ยอม หยุด แล้วก็เย็น ก็ยอมแพ้นั่นแหละ
ไม่ยุ่งแล้ว ใครจะพูดอะไร
ใครจะด่าอะไรก็ปล่อยเขาด่าไป เรายอมแพ้
ปล่อยให้เขาด่าไป เราจะได้หยุด
ความโกรธแค้นโกรธเคืองได้ พอเราหยุดได้แล้ว
ใจเราก็จะเย็น มีความสุข ดีกว่าไปชนะเขา
แล้วใจก็ร้อน หวาดกลัวว่าเขาจะต้องมาทำร้ายเราต่อไป
ถ้าแพ้เขาก็ร้อนเพราะความเครียด
พยาบาทเคียดแค้นอีก นั่นไม่ใช่วิธี
ที่ต่อสู้ที่แท้จริงของนักปราชญ์
นักปราชญ์ต่อสู้กับพี่ศัตรูที่แท้จริง
ก็คือกิเลสตัณหา
ที่มีอยู่ในใจนี่เอง คือความเคียดแค้น
อาฆาตพยาบาทจองเวรจองกรรม
ชนะตัวนี้แล้วใจเย็นใจสงบใจสบาย
ไม่มีเวรมีกรรมกับใครอีกต่อไป.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
...................................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ