Group Blog
All Blog
<<< "เรื่องของใจไม่เหมือนเรื่องของกาย" >>>










“เรื่องของใจ

  ไม่เหมือนเรื่องของกาย”

ให้รู้ทันว่าสิ่งต่างๆในโลกนี้ ล้วนเป็นไตรลักษณ์ทั้งสิ้น

 คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน

 ถ้ารู้ตามความเป็นจริงแล้วก็จะไม่หลงกับสิ่งต่างๆ

จะไม่อยากให้สิ่งต่างๆอยู่ไปนานๆ

 เพราะไม่มีอะไรอยู่ไปได้ตลอด

 ร่างกายก็อยู่ไปไม่ตลอด ๘๐ ๙๐ ปีก็ต้องตายไป

 ร่างกายของคนอื่นก็เช่นเดียวกัน

 ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองต่างๆ

ก็ต้องหมดไปเมื่อเราตายไป นี้คือความไม่เที่ยง

ของสิ่งต่างๆที่เรามองไม่เห็นกัน เพราะไม่คิดกัน

ไม่กล้าคิด เพราะกลัวว่า

คิดแล้วจะตายตามความคิดไป

 นี้เป็นความคิดของคนโง่

คนจะตายไม่ตายไม่ได้อยู่ที่คิดหรือไม่คิด

 มีใครไม่ตายบ้างจากการไม่คิดถึงความตาย

ก็ตายด้วยกันทั้งนั้น

 มีแต่คนที่คิดนี้แหละที่จะไม่ตาย

เพราะจะไม่ไปเกิดอีกต่อไป

คนที่คิดจะรู้ว่าเกิดมาแล้วต้องตาย

 ก็จะไม่ยึดไม่ติดกับร่างกาย

จะไม่ไปแสวงหาร่างกายใหม่อีก

 เพราะรู้ว่าไม่ว่าจะได้มากี่ร่าง ก็ต้องตายทุกร่าง

จึงไม่ไปหาร่างใหม่ เช่นพระพุทธเจ้า

กับพระอรหันตสาวกทั้งหลายท่าน

 หลังจากร่างกายของท่านตายไปแล้ว

ท่านก็ไม่ไปหาร่างใหม่อีกต่อไป

 เพราะท่านคิด ท่านรู้ทันว่า เกิดมาแล้วต้องตาย

 ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อย่าไปเกิด

 ถ้าไม่อยากจะตายก็อย่าไปเกิด

แต่พวกเราไม่คิดกัน

เวลาตายไปแล้วก็ยังอยากจะไปเกิดอีก

 พอไปเกิดแล้วก็ไม่อยากจะตาย

 แต่ก็หนีความตายไม่พ้น

 พอตายแล้วก็อยากจะไปเกิดอีก

ก็จะเป็นอย่างนี้อยู่ร่ำไป

เพราะไม่กล้าคิดถึงเรื่องความตาย

แต่ถ้าคิดถึงความตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกแล้ว

 สอนเราอยู่เสมอว่าเกิดมาแล้วต้องตายเป็นธรรมดา

ล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ คิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

 ต่อไปจะไม่กลัวตาย ไม่ยึดไม่ติดกับร่างกาย

จะเป็นจะตายก็จะไม่วุ่นวาย นี้คือวิธีทำให้เราฉลาด

 เมื่อฉลาดแล้วก็จะไม่ทุกข์

สาเหตุที่เราทุกข์ก็เพราะเราโง่

 หลงไปยึดไปติดกับสิ่งต่างๆ

 แล้วก็อยากไม่ให้จากเราไป

 พอจากไปก็ร้องห่มร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ

กินไม่ได้นอนไม่หลับ

 ในขณะที่อยู่ก็มีแต่ความกังวล ความหวาดกลัว

 กลัวว่าจะจากเราไป

กลัวว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

นี้ก็เป็นเพราะไม่คิดนั่นเอง ไม่คิดถึงความจริง

 ถ้าคิดแล้วใจจะรับได้ เพราะใจไม่ได้เป็นร่างกาย

 ไม่ได้เป็นสิ่งต่างๆ เพียงแต่ไปหลง

ไปยึดไปติดเท่านั้นเอง

 แล้วก็อยากจะให้อยู่กับใจไปตลอด

 แต่พอไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

 ก็เกิดความทุกข์ ความหวาดกลัว

 ความวุ่นวายใจขึ้นมา ถ้าคิดแล้วใจจะฉลาด

 จะไม่ทุกข์ ไม่วุ่นวายใจ มีอะไรก็มีได้

 หมดก็หมดไป ไม่วุ่นวาย

 เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา มีมามีไป

 เหมือนวันนี้เรามาเจอกัน เดี๋ยวก็ต้องจากกัน

 ก็ไม่วุ่นวายใจ

 เพราะไม่ได้อยากให้อยู่ด้วยกันไปตลอด

 ถ้าอยาก พอต้องแยกทางกันไป

 ก็จะเสียอกเสียใจ วุ่นวายใจ ก็มีอยู่เท่านี้

ความสุขความทุกข์ของใจ

อยู่ที่ความโง่หรือความฉลาด ถ้าโง่ก็จะทุกข์

 เพราะจะยึดจะติดจะอยากกับสิ่งต่างๆอยู่เรื่อยๆ

 อยากแล้วก็ไม่ได้สมใจอยาก

 เพราะตรงข้ามกับความเป็นจริง

 แต่ถ้าฉลาดก็จะไม่อยาก จะยินดีตามมีตามเกิด

 มีอะไรก็ยินดี เวลาไม่มีก็ไม่เสียใจ

คนฉลาดจะเป็นอย่างนี้

ถ้าอยากจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่วุ่นวายใจ

 ก็อย่าไปยึด อย่าไปติด

ให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาได้ไปได้

ต้องการอะไรที่จำเป็นก็หามา

 เมื่อหมดไปก็หาใหม่

 ถ้าหาไม่ได้ก็อยู่แบบไม่มีก็ได้

อยู่แบบไม่มีก็อยู่ได้

 อย่างพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่มีอะไรมากมาย

เหมือนกับเรามีกัน ก็มีเพียงปัจจัย ๔ เท่านั้น

 คือมีกุฏิไว้อาศัยอยู่ มีบาตรไว้บิณฑบาต

มียาไว้รักษาโรค มีจีวรไว้นุ่งห่ม

 เท่านี้ก็อยู่ได้แล้ว อยู่ที่ใจเท่านั้นเอง

 ถ้าใจโง่ใจก็หลงอยากจะได้สิ่งต่างๆ

คิดว่าได้มามากเท่าไรยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

 แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งมีมากเท่าไร

ก็ยิ่งมีความทุกข์มากขึ้นไป เพราะห่วงกังวล

 ยึดติดกับสิ่งต่างๆนั้นเอง

 แต่ถ้าไม่มีเลยก็ไม่มีปัญหาอะไร

 เพราะไม่มีความจำเป็นต้องมีอะไรมากมาย

 ถึงแม้ไม่มีร่างกายใจก็อยู่ได้

 เช่นตายไปแล้วบางทีก็ไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์

ไม่ได้เกิดเป็นเดรัจฉาน ถ้าเป็นอานิสงส์

หรือเป็นวาระของบุญที่จะส่งผล ก็เกิดเป็นเทวดา

 เป็นเทพ เป็นพรหม

ที่ไม่มีร่างกายเหมือนกับมนุษย์

และเดรัจฉานทั้งหลาย

ใจนี่แหละเป็นตัวเทพ เป็นตัวพรหม

เพราะบุญเป็นผู้สร้างเทพ

สร้างพรหมให้เกิดขึ้นในใจ

 หรือถ้าเป็นวาระของบาปที่จะต้องส่งผล

ใจก็จะต้องไปเป็นสัตว์นรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง

ก็ใจตัวนี้เอง โดยมีบาปเป็นผู้สร้างนรกขึ้นมาในใจ

 สร้างเปรตขึ้นมาในใจ

เวลาที่หิวที่อยากอยู่ตลอดเวลา

 กินเท่าไรไม่รู้จักพอ

 นั่นแหละกำลังมีเปรตอยู่ในใจ

 หรือเวลามีความรุ่มร้อน อาฆาตพยาบาท

 มีความโกรธ มีความเกลียด

 อย่างนี้ก็ใจกำลังเป็นนรกเพราะบาปที่ทำไว้ 

เรื่องของใจจึงไม่เหมือนเรื่องของกาย

 ถ้าเป็นเรื่องของกายมีปัจจัย ๔ ก็พอแล้ว

มากกว่านั้นก็เป็นเรื่องของกิเลส

 มีปัจจัย ๔ แล้วยังไม่พอ ต้องมีสามี มีภรรยา

 มีโทรทัศน์ มีวิทยุ มีเครื่องอำนวยความสุขต่างๆ

ซึ่งเป็นอาหารของกิเลส ของความโลภ

ของความอยากต่างๆ มีมากเท่าไร

ก็ยิ่งสร้างความทุกข์ให้กับใจมากขึ้นไปเท่านั้น

 ทุกวันนี้เรามีความสุขหรือมีความทุกข์กัน

 ถามตัวเราดูก็รู้ เรามีอะไรต่างๆมากมายก่ายกอง

 แต่ก็ยังต้องร้องห่มร้องไห้ ต้องโกรธ ต้องเสียใจ

 ต้องวุ่นวายใจ ต้องกลัว ต้องห่วง

เป็นความทุกข์ทั้งนั้น แต่เราไม่ดูกันเลย

ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในใจของเรา แทนที่จะแก้มัน

กลับไปเสริมสร้างให้มันมีมากยิ่งขึ้นไป

 เวลามีทุกข์ก็ออกไปเที่ยว

ออกไปซื้อข้าวซื้อของอีก

ก็ยิ่งสร้างความทุกข์เพิ่มมากขึ้นไปอีกโดยไม่รู้ตัว

 แทนที่จะเข้าวัดทำจิตใจให้สงบ

 ด้วยการทำบุญทำทาน รักษาศีล

 ไหว้พระสวดมนต์ ฟังเทศน์ฟังธรรม นั่งสมาธิ

 ปลงอนิจจังทุกขังอนันตตา ก็ไม่ทำกัน

ความทุกข์ความวุ่นวายใจต่างๆ

 จึงไม่หมดไปจากจิตจากใจของเรา

แต่วันนี้เราได้มาวัดแล้ว ได้ยินได้ฟังแล้ว

ก็อยู่ที่เราว่าจะฉลาดพอที่จะเอาไปปฏิบัติได้หรือไม่

 หรือยังแพ้ความโง่อยู่ ยังถูกความโง่ฉุดลาก

ให้ไปหาความสุขจากสิ่งต่างๆภายนอกอยู่

ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ก็ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์

 ถ้ายังไม่รู้จักแก้ไขปัญหาของตนเอง

ปล่อยให้หมักหมมอยู่ต่อไป เวลาทุกข์

 เวลาเศร้าโศกเสียใจ เวลาวุ่นวายใจ

 ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ เราต้องเป็นผู้ช่วยตัวเราเอง

 อัตตา หิ อัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

 ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม

คำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

ถึงจะพึ่งตัวเราเองได้

ถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์

ความวุ่นวายใจทั้งหลายได้ อย่างอื่นทำไม่ได้

 ต้องมาทางนี้ทางเดียวเท่านั้น

ทางของทาน ศีล ภาวนา ของการทำความดี

 ละเว้นความชั่ว ชำระจิตใจให้สะอาดหมดจด

 ทางนี้เท่านั้นที่จะพาเราไปสู่ความสุข

 ความหลุดพ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริง

จึงขอฝากทางเลือกทั้ง ๒ ทางนี้

ให้ท่านได้นำไปพินิจพิจารณาและไปปฏิบัติ

เพื่อประโยชน์สุขที่จะตามมาต่อไป

 การแสดงก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา

จึงขอยุติไว้เพียงเท่านี้.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...............................

กำลังใจ ๒๓, กัณฑ์ที่ ๒๕๗

วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๙








ชอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 14 ตุลาคม 2561
Last Update : 14 ตุลาคม 2561 6:08:28 น.
Counter : 419 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ