Group Blog
All Blog
<<< "หน้าที่ของวิปัสสนาของปัญญา" >>>











"หน้าที่ของวิปัสสนา ของปัญญา"

วิปัสสนาก็คือการสอนใจให้รู้ว่า

ไม่มีอะไรที่จะดีกว่าความสุขที่ได้จากความสงบ

ให้รู้ว่าความอยากได้ความสุขอย่างอื่น

จะทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมา

เพราะเป็นกามตัณหา เป็นภวตัณหา เป็นวิภวตัณหา 

ถ้ามีกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาขึ้นมาเมื่อไหร่

 ใจก็จะทุกข์ขึ้นมาเมื่อนั้น

 แต่ถ้าใจมีวิปัสสนา สอนให้รู้ว่า

สิ่งต่างๆที่ใจอยากได้นั้น เป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข

 เพราะไม่เที่ยง มีเกิดมีดับ มีเจริญมีเสื่อม

 เช่น ลาภยศ สรรเสริญ รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

 มีเจริญมีเสื่อม เวลาเจริญก็สุข

 แต่เวลาเสื่อมก็จะทุกข์

 ถ้าไม่อยากจะทุกข์ก็อย่าไปอยากมี

 อย่าไปอยากได้ลาภยศ สรรเสริญ

 รูปเสียงกลิ่นรส โผฏฐัพพะ เพราะเป็นอนัตตา

 ไม่สามารถไปสั่งให้เจริญอย่างเดียว

 ไม่อยู่ภายใต้คำสั่งของเรา ถ้าเราเห็นด้วยปัญญา

 ก็จะหยุดกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาได้

นี้คือหน้าที่ของวิปัสสนา ของปัญญา

ให้คอยเตือนใจสอนใจว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

 เป็นทุกข์ในอริยสัจ ๔ ไม่ใช่ทุกข์ในขันธ์

คือทุกขเวทนา ไม่เป็นปัญหาสำหรับใจ

 ปัญหาสำหรับใจคือ ทุกข์ที่เกิดจากสมุทัย

 คือกามตัณหา ภวตัณหาวิภวตัณหา

ทุกขเวทนาเกิดที่ร่างกาย มีร่างกายเป็นที่ตั้ง

 เช่นเวลาร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย

 ก็จะเกิดทุกขเวทนาขึ้นมา

 ทุกขเวทนาเป็นหนึ่งในขันธ์ ๕

 เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยงเป็นทุกข์

ถ้าไปอยากให้หายไป เป็นสภาวธรรม

ถ้ามีวิปัสสนาญาณ มีปัญญา จะไม่เดือดร้อน

 เพราะจะปล่อยวาง คือจะรู้เฉยๆ

จะไม่มีความอยาก คือวิภวตัณหา

 อยากให้ความเจ็บหายไป

ทุกขังในอนิจจังทุกขังอนัตตานี้

 หมายถึงทุกข์ในอริยสัจ ๔

ทุกข์ที่เกิดจากความอยาก ๓ ประการ

 คือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

ทุกข์นี้เราดับได้ พระพุทธเจ้าทรงดับมาแล้ว

 พระอรหันต์ทั้งหลายดับมาแล้ว

 เพราะละกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาได้แล้ว

 แต่ทุกขเวทนานี้ ท่านดับไม่ได้

 เวลาร่างกายของท่านเจ็บไข้ได้ป่วย

จิตของท่านก็ต้องสัมผัสรับรู้กับทุกขเวทนา

 เหมือนกับพวกเรานี่แหละ ไม่ต่างกัน

ต่างกันตรงที่ใจของท่านไม่ทรมาน ไม่ทุกข์

 เพราะไม่มีวิภวตัณหา

 ไม่มีความอยากให้ความเจ็บหายไป

หรืออยากจะหนีจากความเจ็บไป

 ใจรู้เฉยๆ สักแต่ว่ารู้

 เป็นอุเบกขา ปล่อยวาง รับรู้แล้วปล่อยวาง

นี่คือแนวของการปฏิบัติ เพื่อทำให้จิตใจไม่หวั่นไหว

 กับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น จะเกิดขึ้นกับเรา

 หรือเกิดขึ้นกับสิ่งอื่น หรือผู้อื่น

จะไม่เป็นปัญหากับผู้ที่มีสมถะและวิปัสสนาภาวนา

 จะมีสมถะและวิปัสสนาภาวนาได้ ก็ต้องมีสติก่อน

จะเจริญสติได้ ก็ต้องปลีกวิเวก สงบกายและวาจา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

................................

ธรรมะบนเขา (จุลธรรมนำใจ ๓๒)

วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๕







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 14 มิถุนายน 2561
Last Update : 14 มิถุนายน 2561 8:00:53 น.
Counter : 476 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ