Group Blog
All Blog
<<< "ผู้กำกับใจคือสติ" >>>









“ผู้กำกับใจคือสติ”

ฟังเทศน์มันก็ดีอย่างจะได้รู้วิธีทำใจให้เฉย

 จะรู้ว่าทำไมเราต้องมาทำใจให้เฉย

 เพราะเราอยู่กับธรรมชาติเราจะไปบังคับธรรมชาติไม่ได้

 เราต้องบังคับใจเรา ใจเราชอบไปบังคับธรรมชาติ

 พอบังคับไม่ได้ก็ทุกข์ ถ้าเราอยากจะให้ใจเราไม่ทุกข์

เราต้องบังคับใจเราเอง อย่าให้ไปบังคับธรรมชาติ

 ให้ใจเราหัดอยู่กับธรรมชาติ ให้อยู่กับสิ่งที่เรามีอยู่

 มันเป็นอย่างไรก็อยู่กับมันไป มันดีก็อยู่กับมันไป

 มันไม่ดีก็อยู่กับมันไป แล้วใจเราจะไม่ทุกข์กับอะไร

 ที่เราทุกข์เพราะเราอยากจะอยู่กับของที่ดี

 พอของที่ไม่ดีเปลี่ยนไปก็ไม่อยากจะอยู่กับมันแล้ว

 พอไปหาของดีใหม่เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนไปไม่ดี

 เพราะของทุกอย่างมันต้องเปลี่ยนจากดีเป็นไปไม่ดี

จากใหม่เป็นเก่า พอเวลามันเก่าแล้วมันก็ไม่ดีแล้ว

 มันเสียแล้ว แต่ถ้ายังต้องอยู่กับมันก็ต้องอยู่กับมันไป

เช่น ร่างกายเวลาเป็นหนุ่มเป็นสาวมันก็ดีมันใช้งานได้ดี

 พอมันแก่มันเจ็บนี้มันไม่ดีแล้ว แต่จะทิ้งมันก็ไม่ได้

 ก็ต้องอยู่กับมันไปให้ได้ ถ้าเฉยไม่เป็นก็จะทุกข์

 ถ้าเฉยเป็นก็จะไม่ทุกข์จะอยู่กับมันได้

 แทนที่เราจะอยู่กับอะไรที่เราจะต้องอยู่ด้วย

ก็ต้องหัดทำใจให้เฉยให้ได้

ต้องอยู่กับคนที่เราไม่อยากจะอยู่แต่ก็ต้องอยู่

 เพราะเป็นแฟนกันมาอย่างนี้ แต่เขาเปลี่ยนไป

 ตอนเป็นแฟนใหม่ๆเขาก็ดีแต่พออยู่ไปนานๆ

เข้าเขาเริ่มไม่ดีแล้ว เคยเอาใจเรา

เดี๋ยวนี้เขาไม่เอาใจเราแล้ว เขาเอาใจเขาแล้ว

 แต่จะไม่อยู่กับเขาก็ไม่ได้เพราะได้สัญญากันไว้แล้ว

ว่าจะต้องอยู่กันไป ก็เลยต้องทำใจเฉยไป

ถ้าทำใจเฉยก็จะไม่ทุกข์ แต่ถ้าทำใจเฉยไม่ได้

 อยากจะให้เขาไปหรืออยากจะหนีจากเขาไป

 แต่พอทำไม่ได้ก็อึดอัดหงุดหงิดใจทุกข์ขึ้นมา

 เนี่ยความทุกข์ของเราอยู่ที่การทำใจเฉยไม่ได้

 ถ้าเราทำใจเฉยได้แล้วความทุกข์ในใจเราจะไม่มี

ฉะนั้น เราลองหัดทำใจเฉยกัน มาหัดนั่งสมาธิกัน

 ทำใจให้สงบ ใจสงบใจเฉยแล้วใจก็จะมีความสุข

 นี่ก็คือสรุปการมาพบกับพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์

ก็เพื่อมาให้รู้จักวิธีทำตัวเราให้มีความสุข

 เราสามารถมีความสุขได้ไม่ว่าเราจะอยู่กับอะไร

หรือไม่อยู่กับอะไร เราสามารถมีความสุขได้

ถ้าเราทำใจให้เฉย เพราะใจเราเฉยแล้ว

เราจะอยู่กับอะไรก็ได้ไม่อยู่กับอะไรก็ได้

 เพราะใจเราไม่ได้สุขไปกับสิ่งที่อยู่กับเรา

หรือไม่ได้อยู่กับเรา ใจเราสุขเพราะใจเราสงบ

ใจเรานิ่งเฉย ใจเราจะนิ่งเฉยก็ต้องมีตัวกำกับ

 ผู้กำกับใจ ผู้กำกับใจก็คือสติ

 ถ้ามีสติสั่งให้ใจหยุดคิดได้ใจก็สงบได้

ถ้าสั่งแล้วมันไม่สงบก็แสดงว่ายังไม่มีสติ

 หรือมีสติกำลังไม่มากพอที่จะหยุดความคิดได้

 ก็ต้องสร้างสติเพิ่มขึ้นมาด้วยการเจริญสติอยู่บ่อยๆ

 วิธีสร้างสติเจริญสติก็คือ

ให้ใช้กรรมฐานใดกรรมฐานหนึ่ง

มี ๔๐ กรรมฐานด้วยกัน กรรมฐานนี้เป็นตัวสร้างสติ

 ซึ่งพุทธานุสตินี้ก็เป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง

 ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าพุทโธๆๆไป

 ถ้าเราอยู่กับพุทโธๆมันก็จะไปคิดนั่นคิดนี่ไม่ได้

 เราก็จะหยุดความคิดได้ด้วยการใช้พุทโธ

 หรือถ้าไม่อยากจะพุทโธ

 ถ้านั่งเฉยๆก็ดูลมหายใจเข้าออกไป

คอยเฝ้าดูลมว่าตอนนี้กำลังเข้าหรือกำลังออก

เท่านั้นเอง ให้ดูลมไปไม่ต้องไปบังคับลม

ไม่ต้องไปควบคุมลม ให้ดูลมเฝ้าดูลม

ลมเข้าก็รู้ว่าเข้า ลมออกก็รู้ว่าออก

ถ้าคอยเฝ้าดูลมมันก็จะไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้

ถ้าไม่คิด อยู่กับลมเดี๋ยวจิตก็สงบ

 พอสงบแล้วก็จะเฉยจะมีความสุข

จะไม่เดือดร้อนกับอะไรทั้งนั้น ฝนจะตกก็ตกไป

 ร่างกายจะเจ็บก็เจ็บไป แต่ใจก็จะเฉย

 จะไม่วุ่นวายไปกับเหตุการณ์ต่างๆ

ที่ใจไปสัมผัสรับรู้ด้วย จะไม่หิวไม่อยากกับอะไร

 จะไม่อยากดูอยากฟังไม่อยากลิ้มรสดมกลิ่น

 แล้วไม่ต้องใช้ร่างกาย ร่างกายใช้ไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน

 เวลาร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่เดือดร้อน

 เวลาร่างกายตายไปก็ไม่เดือดร้อน

และก็จะไม่ไปมีร่างกายอันใหม่อีกต่อไป

นี่คือสิ่งที่เราต้องมาทำกันให้ได้

ต้องมาควบคุมจิตใจให้สงบให้เฉย

ให้ปราศจากความรักชังกลัวหลง

ให้ปราศจากความโลภความโกรธความหลง

 ปราศจากความอยากในรูปเสียงกลิ่นรส

 ความอยากมีอยากเป็น

ความอยากไม่มีอยากไม่เป็นให้ได้

ของพวกนี้เราทำได้เพราะพระพุทธเจ้าทำมาแล้ว

พระอริยสงฆ์ทำมาแล้ว ท่านเป็นเหมือนคนว่ายน้ำเป็น

 เรายังว่ายน้ำไม่เป็นท่านจะมาสอนให้เราว่ายน้ำกัน

 เราจะได้ว่ายน้ำข้ามฝากไป

ตอนนี้เราอยู่ฝั่งที่มีแต่ความทุกข์

ท่านได้ว่ายไปอีกฝั่งหนึ่งที่มีแต่ความสุข

ถ้าเราอยากจะมีความสุขเราต้องมาหัดว่ายน้ำให้เป็น

มาเรียนรู้จากพระพุทธเจ้าวิธีว่ายน้ำของจิต

ก็คือว่ายด้วยสติด้วยปัญญา

 ว่ายด้วยสติเพื่อหยุดจิตให้จิตสงบ

 แล้วก็สอนจิตให้ฉลาดให้จิตอยู่เฉยๆ

อย่าไปอยากกับสิ่งต่างๆที่จิตไปสัมผัสรับรู้

 เพราะว่าพอไปอยากแล้วมันจะทำให้จิตวุ่นวายขึ้นมา

 แล้วจะทำให้ต้องมีปัญหาต่างๆตามมา

 มีความทุกข์ต่างๆตามมา แก้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันจบ

 วิธีที่จะแก้ปัญหาก็คือ

หยุดการกระทำตามความอยากต่างๆ เท่านั้นเอง

นี่คือเรื่องการมาฟังเทศน์ฟังธรรม มาเพื่อศึกษา

ให้รู้วิธีสร้างความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ถาวร

ความสุขที่ไม่มีความทุกข์ตามมา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.................................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 13 กรกฎาคม 2561
Last Update : 13 กรกฎาคม 2561 5:54:26 น.
Counter : 441 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ