Group Blog
All Blog
<<< " ทดแทนบุญคุณต่อพ่อแม่" >>>









"ทดแทนบุญคุณต่อพ่อแม่"

วิธีหาความสุขแบบไม่มีความทุกข์ใจ

 ก็หาด้วยการทำความดี

 วันไหนได้ทำความดี วันนั้นก็มีความสุขใจ

 วันไหนไม่ว่าง ไม่ได้ทำความดี ก็ไม่ทุกข์ใจ

 แต่ถ้าหาความสุขจากการทำตามความอยาก

 วันไหนไม่สามารถทำตามความอยากได้

 วันนั้นก็ทุกข์ใจ ฉะนั้นเราควรจะเลิกหาความสุข

จากการทำตามความอยากต่างๆ

 แล้วหันมาหาความสุขจากการทำความดี ทำบุญ

แล้วก็หาความสุขจากการไม่ทำบาป

การทำบาปนี้ก็เป็นทุกข์

 เวลาเราทำบาปใจเราก็จะทุกข์ ใจเราจะไม่สบาย

 แต่ถ้าเราไม่ทำบาป ใจเราก็จะไม่ทุกข์

ใจเราก็จะเฉยๆ ไม่เดือดร้อน

นี่คือการหาความสุขแบบพระพุทธเจ้า

 ท่านสอนให้เราหาความสุขจากการทำบุญ

ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น

 โดยเฉพาะผู้ที่มีพระคุณกับเรานี้

 เราควรจะทำ เป็นบุคคลที่เราควร

จะต้องพุ่งเป้าหมายไปก่อน

 ทำประโยชน์กับคนที่มีบุญคุณกับเรา

 ทดแทนบุญคุณให้แก่ผู้มีพระคุณ

เสร็จแล้วเราค่อยไปทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นต่อไป

ตัวเราไม่ควรลืมคนที่สำคัญในชีวิตของเรา

 คนที่เสียสละ คนที่ให้อะไรกับเราอย่างมากมาย

ถ้าเราเป็นคนที่ให้อะไรใคร เราก็จะมีความรู้สึกน้อยใจ

 ที่คนที่เราให้นี้ไม่เคยคิดถึงเราเลย

 ลูกๆ นี้บางทีไม่ค่อยคิดถึงพ่อแม่

 กลับไปคิดถึงภรรยาสามีกับลูกๆ ของเขามากกว่า

แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้หวังอะไรจากลูกๆ

พ่อแม่ก็ทำด้วยความเมตตา ทำด้วยเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ

 เมื่อมีลูกแล้วก็ต้องเป็นความรับผิดชอบ

ที่ต้องเลี้ยงดูลูกให้ดี ไม่ให้ไปตกทุกข์ยากลำบาก

 เวลามีปัญหาอะไรก็ต้องพยายามมาช่วยเหลือ

 แต่คนอื่นไม่มีใครเขาทำอย่างนี้กับเราหรอก

ไม่มีใครเขาจะคอยดูแลเราช่วยเหลือเรา ไม่มี

 และก็ไม่ได้หวังอะไรจากเราเป็นผลเป็นสิ่งตอบแทน

 แต่เราควรที่จะรำลึกถึงพระคุณ

ของคนที่มีพระคุณกับเรา แล้วถ้าตอบแทนได้

 ตอบแทนบุญคุณได้ก็จะดี จะทำให้พ่อแม่

หรือคนที่มีพระคุณนี้เขามีความปลื้มอกปลื้มใจ

มีความสุขใจ เขาไม่ได้สุขใจจากสิ่งที่เราให้เขาหรอก

 แต่เขาได้จากความที่เรามีจิตสำนึกที่เรามี

 ความดีงามในตัวเรา ทำให้เขาเหมือนกับว่า

ไม่เสียกำลังใจที่ได้ปั้นคนดีขึ้นมา

 ได้สร้างคนดีขึ้นมา ทำให้เขาไม่เหน็ดเหนื่อย

 เหมือนกับเราทำงานแล้วได้ผลงานดี

 ได้รับรางวัลนี้เราก็จะมีความสุขใจ

รางวัลของพ่อของแม่ ของผู้มีพระคุณ

 ก็คือ การทดแทนบุญคุณของเราต่อพ่อแม่

ต่อผู้มีพระคุณ การทดแทนก็มีหลายวิธี

 การทำตัวเราให้เป็นคนดี สมมุติว่าเราไม่มีปัญญา

ที่จะให้เงินให้ทองพ่อแม่มากมาย

 อย่างน้อยเราทำตัวเราให้เป็นคนดี

 ก็เป็นการทดแทนบุญคุณ

 ทำให้พ่อแม่ไม่ต้องมาหนักอกหนักใจกับเรา

 ทำตัวเราไม่ให้ไปมีปัญหา เช่น ไม่ไปทำบาป

ไม่ไปทำผิดกฎหมาย รักษาชื่อเสียงของตระกูล

 อันนี้ก็เป็นการทดแทนบุญคุณอย่างหนึ่งเหมือนกัน

 หรือเคารพพ่อแม่ ก็เป็นการทดแทนบุญคุณ

ให้ความเคารพพ่อแม่เวลาพ่อแม่ดุด่าว่ากล่าวตักเตือน

ก็ควรที่จะน้อมรับมา ไม่ควรที่จะโต้เถียง

เวลาพ่อแม่พูดว่าเราหรือบอกอะไรเรานี้

 ถือว่าเป็นการสั่งสอน เหมือนพระสงฆ์องค์เจ้า

กำลังสั่งสอนเรา ท่านสอนด้วยความเมตตา

 ท่านสอนด้วยความปรารถนาดี

เมื่อท่านเห็นว่าเราทำอะไรไม่ถูก

 ก็ต้องว่ากล่าวตักเตือนกัน

 เพราะถ้าไม่ว่ากล่าวตักเตือนแล้ว

ใครจะมาว่ากล่าวตักเตือนล่ะ เป็นหน้าที่ของพ่อแม่

 พ่อแม่นี้เป็นครูอาจารย์คนแรกของลูกๆ

 เราเรียนรู้อะไรต่างๆ จากพ่อแม่มามากมาย

 ภาษานี้เราก็เรียนจากพ่อจากแม่

 ที่เราจะพูดได้นี้ก็อาศัยพ่อแม่คอยเป็นคนสั่งสอน

 วิธีกินวิธีอยู่ วิธีหลับวิธีนอน มารยาทต่างๆ

 เพราะพ่อแม่เป็นคนสอนเราทั้งนั้นแหละ

ฉะนั้น เวลาพ่อแม่พูดอะไร ถึงแม้ไม่ถูกใจเรา

 เราก็ต้องสำรวมอาการกิริยาความไม่พอใจ

 มันเป็นเรื่องที่เป็นธรรมดา

เวลาใครเขาพูดอะไรไม่ถูกใจเรา

 เราก็อาจจะโกรธได้ แต่เราต้องมีสติ

 เวลาที่เราอยู่ต่อหน้าพ่อแม่

ให้คิดว่าเรากำลังอยู่ต่อหน้าพระสงฆ์องค์เจ้า

 ต่อคนที่สำคัญ เช่น อยู่ต่อหน้าพระเจ้าแผ่นดิน

 เราจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา

 ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่พอใจ เราก็ต้องอดทนอดกลั้น

 ฟังอย่างเดียว พ่อแม่สั่งพ่อแม่สอนนี้ไม่ควรไปเถียง

 จะถูกจะผิดนั้นค่อยมาพิจารณากันอีกที

ถ้าสิ่งที่พ่อแม่สอนผิดก็ไม่ต้องทำตามก็ได้

 เช่น ถ้ามาสอนให้ไปฉ้อโกง ไปลักทรัพย์อย่างนี้

 ถ้าสอนอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำตามก็ได้

แต่เวลาที่ท่านสอนไม่ต้องไปเถียงท่าน

 ปล่อยให้ท่านพูดไป แล้วเราก็มาพิจารณาของเราดูอีกที

 ว่าถูกหรือไม่ถูก ควรจะทำหรือไม่ทำ

การไม่ทำตามพ่อแม่เพราะมันไม่ถูกนี้ ไม่บาป

ไม่เสียหาย ไม่ได้เป็นความอกตัญญูแต่อย่างใด

 หรือการไม่ได้ทำตามที่สิ่งถูกต้อง

ก็ไม่ได้เป็นการอกตัญญู

 บางทีเราอาจจะไม่มีปัญญาทำตามก็ได้

 ก็ทำเท่าที่เราจะทำได้ก็แล้วกัน

 แต่ข้อสำคัญไม่ควรไปตอบโต้ โต้เถียง

 หรือด่าพ่อด่าแม่ ว่าพ่อว่าแม่ อันนี้แหละไม่ควร

 แสดงถึงความไม่มีความกตัญญู ไม่มีความเคารพ

 เวลาพ่อแม่พูดอะไรก็ต้องครับอย่างเดียวผมอย่างเดียว

 หรือไม่ก็เฉยๆ ฟังไป เพราะพ่อแม่

ไม่ต้องการอะไรจากเราหรอก ต้องการให้เราเป็นคนดี

 เพราะการเป็นคนดีทำให้เรามีความสุขนั่นเอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...........................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 12 สิงหาคม 2561
Last Update : 12 สิงหาคม 2561 6:21:40 น.
Counter : 427 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ