Group Blog
All Blog
<<< "ทำใจให้สงบดีกว่า" >>>











“ ทำใจให้สงบดีกว่า”

ให้มันเห็นว่า มันเป็นทุกข์

ของต่างๆที่เราหากันนี่มันเป็นทุกข์

 หาเงินก็เป็นทุกข์ เวลาหาก็ทุกข์ใช่ไหม

 เวลาหามาได้เดี๋ยวหายไปก็ทุกข์

หรือหมดไปใช้หมดก็ทุกข์ ก็ไม่พอใช้

ดังนั้นอย่าไปหามันดีกว่า หาวิธีอื่นดีกว่า

เอาวิธีอื่นที่ไม่ต้องหาเงินดีกว่า

หาความสุขวิธีอื่นดีกว่า ก็มีวิธีเดียว ก็คือ

 วิธีนั่งสมาธิ เพราะวิธีอื่นมันก็ต้องมีเงิน

หรือมีสิ่งนั้นสิ่งนี้มาให้เรามีความสุข

 คือให้มองเห็นว่าทุกอย่างที่เราคิดว่าเป็นความสุขนี่

 มันเป็นทุกข์เพราะว่ามัน หนึ่งต้องหา

สองหามาได้แล้วเราต้องรักษา

สามถ้ารักษาไม่ได้ก็ทุกข์ นี่มันทุกข์ตลอดเวลา

 อันนี้คือไตรลักษณ์ ไม่เที่ยงคือว่า มันไม่แน่นอน

มันเสื่อมได้ มันหมดได้ มันเปลี่ยนได้

คำว่าไม่เที่ยง เป็นอย่างนี้ อนัตตาเราไปควบคุม

บังคับมันไม่ได้ ไปสั่งมันไม่ได้ ให้มันเที่ยงไม่ได้

 เช่นร่างกายนี้ เราสั่งให้มันอยู่แค่อายุสามสิบไม่ได้

 มันก็เจริญเติบโตไปเรื่อยๆตามวาระของมัน

 ห้ามไม่ให้แก่ไม่ได้ห้ามไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วยไม่ได้

 ห้ามไม่ให้มันตายไม่ได้ นี่ให้พิจารณาปัญญา

 เพื่อที่เราจะได้เกิดความที่ว่าเบื่อหน่ายก็ได้

แต่ความจริงจะได้เกิดปัญญา

จะได้เห็นว่ามันทุกข์ มันเป็นภัยต่อจิตใจ

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นทุกข์ เป็นภัยก็เลยเบื่อ

 เบื่อหน่ายต่อสิ่งต่างๆเพราะได้มาแล้ว

จะต้องทำให้เสียอกเสียใจในไม่ช้าก็เร็ว

อยากได้ลูกมานี่ดีใจ ตอนได้มาดีใจ

 แล้วอยู่ไปอยู่ไปความดีใจมันก็หายไป

 บางเวลาก็เสียใจกับลูกใช่ไหม

ได้สามีได้ภรรยามาก็เหมือนกัน

เวลาได้มาใหม่ๆก็ดีใจพออยู่ไปอยู่ไป

เอ๊ะ มันเปลี่ยนไปใช่ไหม (หัวเราะ)

พอเปลี่ยนไปก็เสียใจ นี่แหละพวกเรา

 มองไม่เห็นว่าทุกอย่างมันต้องเปลี่ยน

 เราไปคิดว่าเป็นเหมือนตุ๊กตา

 ได้มาแล้วมันจะต้องเหมือนเดิมทุกวัน

มันไม่ได้เป็นตุ๊กตา แม้แต่ตุ๊กตามันก็ยังเปลี่ยน

 มันยังเก่าไป นานๆเข้ามันก็พังได้

ของทุกอย่างในโลกมันเป็นอย่างนี้

ของมันต้องเสื่อม ของมันต้องเสีย

 มันต้องพัง ต้องหมดไปหรือเปลี่ยนไป

จากดีก็กลายเป็นไม่ดีไป

พอมันไม่ดีมันก็ทำให้เราเสียใจ ทุกข์ใจ

แต่เราไม่มีปัญญาตรงนี้ เรามองไม่เห็น

 เราเห็นอะไรเราก็จะคิดว่าดี

 นี่ไปเดินแถวศูนย์การค้าดูสิ

ของในนั้นน่ะดีทั้งหมดเลยใช่ไหม

ถ้าเค้าบอกเข้ามาหยิบไปได้นี้คงจะแย่งกันเลยล่ะ

 แต่คนที่ฉลาดคนที่เห็นไตรลักษณ์

จะไม่ไปแย่งหรอก เดี๋ยวถูกเขาเหยียบตาย

 นี่ก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง

 ถ้าเกิดศูนย์การค้าวันไหนเขาเปิดประตูร้าน

 บอกว่าวันนี้แจกฟรี

 ดูสิคนที่มีปัญญาจะไม่เข้าไปหรอก

 แต่คนที่เข้าไปนี้แสดงว่า คนไม่มีปัญญาคนโง่

 คนไปเห็นของที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุขกัน เข้าใจไหม

ถ้าเห็นว่าทุกอย่างมันเป็นทุกข์

ก็จะไม่ไปไหนแล้ว จะไม่ไปช็อปปิ้ง

จะไม่ไปหาอะไร อยู่บ้านดีกว่า ทำใจให้สงบดีกว่า

 เพียงแต่ว่าถ้ามีปัญญาแต่ไม่มีความสงบ

ก็ อยู่ไม่ได้ พอรู้ว่ามันเป็นทุกข์

 แต่อยู่เฉยๆมันก็ทุกข์น่ะ

มันก็เลยต้องสู้ความทุกข์ที่อยู่เฉยๆไม่ได้

 มันยอมไปทุกข์กับการไปหาสิ่งที่มันอยากได้

ปัญหาคือพวกเรานี้

 ได้ยินได้ฟังไตรลักษณ์กันเยอะแล้ว

 อาจจะได้ยินได้ฟัง

 แต่ยังอาจจะมองไม่เห็นอย่างถึงใจ

 มองเห็นว่ามันทุกข์ อ้าวทุกข์ก็ทุกข์

มองไปในลักษณะแบบทฤษฎีมากกว่า

 มันทุกข์เพราะมันเปลี่ยนนะ

 เข้าใจ มันทุกข์เพราะว่าเราห้ามมันไม่ได้

 เข้าใจ แต่พอเวลาเกิดความอยากได้มันขึ้นมานี้

ห้ามมันไม่ได้ มันลืมไปแล้ว รู้ว่าเป็นทุกข์

 พอเห็นแฟนนี้ห้ามไม่ได้แล้ว

อยากจะไปหาแฟนแล้ว

มองไม่เห็นแล้วว่าแฟนนี้ไม่เที่ยง

มองไม่เห็นว่าต่อไปแฟนต้องเปลี่ยน

 อันนี้มองไม่เห็นแล้ว

 เพราะตอนนั้นมันอยากจะได้แฟน

อยากจะได้สิ่งนั้นอย่างเดียว

อันนี้เป็นสิ่งที่ตอนต้นนี้เราจึงใช้ปัญญาไม่ได้

 ใช้ปัญญาแต่ก็ไม่มีกำลังห้ามใจได้

ต้องรู้จักห้ามใจด้วยการใช้สติก่อน พุทโธ พุทโธไป

 หยุดความคิดหยุดความอยากไปก่อน

 เพียงแต่ว่าการใช้สตินี้ มันหยุดได้เป็นพักๆ

เวลามีพุทโธ มีสติก็หยุดมัน มันก็หายไป

 แต่พอเวลาเราเผลอสติ มันก็โผล่ขึ้นมาใหม่

มันจะหายไปอย่างถาวร ต้องหายด้วยปัญญา

เพราะว่า ความอยากมันเกิดจากความเข้าใจผิดไง

เข้าใจผิดคิดว่าสิ่งที่เราอยากได้มันดี

มันจะให้ความสุขกับเรา

แล้วปัญญาก็จะบอกว่าไม่ใช่

 ความจริงไม่ใช่เป็นอย่างนั้น

สิ่งที่เราคิดว่ามันดีมันดีเดี๋ยวเดียว

 เดี๋ยวมันก็ต้องเปลี่ยนไปหรือหมดไป

 เวลามันเปลี่ยนไปหมดไปเราก็เสียใจ

 อันนี้แหละ ที่เรามองไม่เห็นกัน

 หรือถ้ามองเห็น ก็มองไปในลักษณะทฤษฎี

พอถึงเวลาเกิดความอยากขึ้นมา

 มันเกิดความทุกข์ทรมารใจมาก

มันลืมไปหมดแล้วว่า มันไม่เที่ยงมันเป็นทุกข์

 ตอนนั้นรู้อย่างเดียวว่าขอให้ได้มันมา

ได้มันมาแล้วมันสุข เหมือนคนอยากจะสูบบุหรี่นี้

 พอมันอยากจะสูบบุหรี่ขึ้นมา

ไม่ได้สูบนี้มือไม้สั่นหมด

 ตอนนั้นมันจะไม่คิดอะไรแล้ว

คิดยังไงจะหาวิธีทำให้ใจหายสั่นมือไม้หายสั่น

วิธีมันจะหายก็คือเคยสูบบุหรี่แล้วหาย

 มันก็จะไปสูบบุหรี่กัน

 ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นโทษต่อร่างกาย

 เป็นโทษต่อจิตใจ เพราะจะทำให้ติด

แล้วเวลาขาดมัน ก็จะทรมานใจ

 แต่มันไม่คิดแล้วตอนนั้น มันคิดเพียงอย่างเดียวว่า

 จะทำยังไงให้หาบุหรี่ให้ได้

 บางทีเจอก้นบุหรี่ทิ้งไว้ยังหยิบขึ้นมาสูบเลย

 เชื่อไหม นั่นแหละเพราะความทรมานใจ

 ตอนนั้นมันทำให้ไม่มีสติสตังที่จะมาคิดด้วยปัญญา

 ดังนั้นขั้นแรกเราต้องสร้างสติขึ้นมาก่อน

 เพื่อควบคุมใจไม่ให้มันสั่น

เวลามันเกิดความอยากขึ้นมา

 เวลาสั่นก็ใช้สติหยุดมันได้

พอหยุดมาแล้วก็ใช้ปัญญาสอนใจมัน อย่าไปนะ

 ไปแล้วเดี๋ยวมันก็ต้องติด

 เพราะว่าสูบแล้วมันก็ต้องสูบอีก

ไม่ใช่สูบมวนเดียวแล้วมันจะจบ มันไม่จบ

 สูบมวนเดียวมันจบเดี๋ยวเดียว จบชั่วคราว

 แล้วเดี๋ยวก็จะเกิดความอยากจะสูบขึ้นมาใหม่

 ฉะนั้นถ้าเรามาทำสมาธิได้ ทำใจให้สงบได้ด้วยสติ

 เราก็จะสามารถควบคุม

 เวลาใจเกิดความอยากขึ้นมา

ควบคุมไม่ให้มันสั่นได้

 แล้วหยุดความอยาก

คือไม่ไปทำตามความอยากได้

 เพราะจะไม่รู้สึกทรมานเวลาเกิดความอยาก

 ถ้าเรามีสติทำใจให้สงบได้

 แต่ถ้าเราไม่มีสติทำใจให้สงบได้

เวลาเกิดความอยากขึ้นมาใจมันจะสั่น

 จะทรมาน แล้วจะไม่สามารถฝืนความอยากได้

ถึงแม้จะมีปัญญา ถึงแม้จะรู้ว่าไปทำ ไม่ดี

ทำแล้วจะติดจะต้องทำอยู่เรื่อยๆ

แต่ความทรมานใจมันทำให้มันไม่มีทางเลือก

 เข้าใจไหม มันต้องไปทำ

เพื่อที่จะได้ระงับความทรมานใจ

 แต่ถ้าเรามีสติ เราสามารถใช้สติ

ระงับความทรมานใจได้

 แล้วเราสามารถทำตามที่ปัญญาสอนเราได้ว่า

อย่าไปทำตามความอยาก แล้วพอเราทำอย่างนี้

 ต่อไปความอยากมันก็จะหมดกำลังไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..................................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๑





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 12 เมษายน 2561
Last Update : 12 เมษายน 2561 7:37:04 น.
Counter : 729 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ