ความอยากคือต้นเหตุ
แห่งความทุกข์
เหตุที่ทำให้ความสงบสุขนี้เสื่อมลง
ก็คือตัณหาทั้งสาม อันนี้เป็นความรู้
ที่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่สามารถ
มองเห็นได้ด้วยตนเอง ผู้อื่นนี้ไม่มีโอกาส
ไม่มีปัญญาที่จะฉลาดรอบคอบพอที่จะเห็นว่า
ความอยากนี้เป็นต้นเหตุ ของความเสื่อม
ของความสุขของความสงบของใจ
แต่คนส่วนใหญ่กลับไปคิดเห็นว่าความอยากนี้
เป็นต้นเหตุที่จะทำให้มีความสุข
ถ้าไม่มีความอยากแล้วจะหาความสุขได้ที่ไหน
คนเราต้องอยากมีความสุขก่อนอยากรวยก่อน
ถึงจะรวยได้แล้วถึงจะมีความสุขได้
แต่ไม่รู้ว่าความสุขที่ได้
จากความรวยนี้มันเป็นทุกขลาภ
มันเป็นความสุขที่เคลือบความทุกข์เอาไว้
มันมีความทุกข์ห้อยติดมาด้วย
แต่มองไม่เห็นความทุกข์
มองไม่เห็นความเสื่อมของลาภของเงินทองนี่เอง
เวลาเงินทองหมดไป เวลานั้นเป็นเวลาสุข
หรือเป็นเวลาทุกข์กันแน่
อันนี้สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญญานั้นจะมองไม่เห็น
แต่สำหรับผู้มีปัญญาอย่างพระพุทธเจ้านี้
จะทรงเห็นว่าลาภ ยศ สรรเสริญ
และวัตถุข้าวของต่างๆ ในโลกนี้ล้วนเป็นอนิจจัง
ไม่เที่ยงทั้งนั้น เมื่อมันไม่เที่ยง
มันก็ต้องเป็นทุกข์
เพราะไม่สามารถที่จะคุ้มครองรักษาป้องกันไ
ม่ให้มันเสื่อมได้ นั้นเอง แล้วก็ทรงเห็นว่า
ความไม่สบายใจ ความไม่สงบของใจ
ก็เกิดจากความอยากนี่เอง
ถ้าอยากให้ใจสงบให้สบาย
เหมือนตอนที่อยู่ในสมาธิ
เวลาออกจากสมาธิมา เวลาเกิดความอยาก
ก็ต้องหยุดความอยากนั้นให้ได้
อย่าไปทำตามความอยาก
เช่น ขั้นของพระโสดาบัน
ก็จะมีความอยากให้ร่างกายนี้
ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ก็ต้องพิจารณาด้วยปัญญาให้เห็นว่า
ร่างกายนี้ ก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ร่างกายนี้ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย
ร่างกายนี้ไม่มีใครไปสั่งไปห้าม
ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตายได้
นี่คือ อนิจจัง อนัตตา คือถ้าเกิดความอยาก
ให้ร่างกายไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ก็จะเกิดความทุกข์ทรมานใจขึ้นมาทันที
ผู้ที่พิจารณาเห็นความจริงอันนี้
แล้วก็หยุดความอยาก
ไม่แก่ อยากไม่เจ็บ อยากไม่ตายได้
ก็จะ ไม่ทุกข์กับความแก่ ความเจ็บ ความตาย
ของร่างกาย ก็จะสามารถรักษาความสงบ ของใจ
ให้สงบสุขอยู่เหมือนเดิมได้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกาย
ร่างกายจะแก่ ร่างกายจะเจ็บ ร่างกายจะตาย
ใจไม่เดือดร้อน ใจยังอยู่ในความสงบ
อยู่เหมือนในขณะที่อยู่ในสมาธินั้น.
พระอาจารย์สุขาติ อภิชาโต
..................................
ผู้ไกลจากทุกข์
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ