Group Blog
All Blog
<<< "เห็นด้วยปัญญา" >>>









"เห็นด้วยปัญญา"

รากของกิเลสตัณหาก็คือความหลง

 ความหลงที่ไม่เห็นว่า

สิ่งที่กิเลสความโลภความอยากต้องการนั้น

มันเป็นทุกข์ ไม่ใช่เป็นสุข

 เช่น เราเห็นลาภยศสรรเสริญนี้เป็นสุขกัน

 เห็นเงินทองนี้เป็นสุขกัน อยากได้เงินได้ทองกัน

 แล้วเดี๋ยวก็ต้องมาทุกข์กับเรื่องเงินเรื่องทอง

 เพราะเงินทองมันไม่พอใช้ขึ้นมา

หรือเงินทองมันหมด

เราตอนนั้นก็กลายเป็นความทุกข์ไป

 แต่ถ้าเราไม่ใช้เงินทอง

 มันหมดหรือไม่หมดเราก็ไม่ทุกข์

อย่างพระมาบวชนี้ไม่มีเงินทองแล้ว

ไม่มีเงินก็ไม่ทุกข์ มีก็ไม่ทุกข์

เพราะไม่ต้องยุ่งกับเรื่องเงินทอง

ถ้ามายุ่งกับเรื่องเงินทอง

มันต้องมีอย่างเดียวใช่ไหมถึงจะสุข

พอไม่มีปั๊บมันก็ทุกข์ขึ้นมา

 นี่คือให้ใช้ปัญญาพิจารณาว่าสิ่งต่างๆ

 ที่ตัณหาความอยากต้องการนี้มันเป็นทุกข์

 แต่เราไปมองไม่เห็น เราไปเห็นแต่ว่ามันเป็นสุข

 เพราะว่ามันมีทั้งสุขมีทั้งทุกข์มาด้วยกัน

แต่สุขมันจะมาก่อนใช่ไหม

 เวลาได้เงินนี้สุขมาแล้ว

 เวลาสิ้นเนื้อประดาตัวทุกข์ถึงจะตามมา

 คนล้มละลายถามเขาดูว่าสุขไหม

แต่ถ้าคนที่เขามาบวชนี้

เขาก็ล้มละลายแต่เขาไม่ทุกข์นะ

เพราะเขาไม่ต้องพึ่งเงินทอง

คนที่มาบวชนี้ส่วนใหญ่เขามีสติมีปัญญา

ในระดับที่ทำให้เขาไม่ต้องพึ่งเงินทองได้

 เขาถึงมาบวชได้ คนที่ยังบวชไม่ได้ก็เพราะ

ยังไม่มีสติปัญญาพอที่จะสู้กับกิเลสตัณหา

 ที่จะคอยดึงให้ใจไปหาความสุข

จากการใช้เงินใช้ทองต่างๆ นี่ก็คือปัญญา

ถ้าเราชำนาญทางสมาธิแล้ว

เราสามารถนั่งสมาธิได้ทุกเวลาที่เราต้องการ

 เวลาจิตฟุ้งเมื่อไหร่ ทำให้มันสงบได้เมื่อนั้น

อย่างนั้นแหละ ถึงเวลาที่จะต้องมาใช้ปัญญาต่อไป

แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น พยายามฝึกสติไปก่อน

พยายามทำให้สามารถควบคุมใจของเรา

ไม่ให้มันพยศ เวลามันพยศก็หยุดมันได้

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการหยุดชั่วคราว

ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย ฉะนั้นขั้นแรก

เราต้องฝึกสติให้สามารถควบคุมใจ

ให้สงบได้ในทุกอิริยาบท

 เพียงแต่ว่ามันก็ยังมีโอกาศที่กิเลสตัณหา

มันจะโผล่ขึ้นมาสร้างความทุกข์

สร้างความวุ่นวายใจได้ เป็นแบบพักๆ

เป็นแบบแป๊บๆ เดี๋ยวเดียว

 แต่โดยธรรมดาแล้วมันจะสงบไปตลอดเวลา

 นอกจากมันไปเจอเหตุการณ์

โดนใครเขาด่าขึ้นมาอย่างเนี่ย กิเลสก็โผล่ขึ้นมา

 หรือเห็นของชอบของรักอย่างนี้

ก็เกิดความอยากขึ้นมา

หรือมีเรื่องเกี่ยวกับร่างกาย ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย

 ร่างกายจะตายนี้ มันก็จะเกิดกิเลสขึ้นมา

มันจะทำให้ใจทุกข์ ถ้าเราไม่มีปัญญา

เราก็ใช้สติบริกรรมไป

 ความทุกข์ที่เกิดจากกิเลสมันก็จะสยบ

สงบตัวไว้ชั่วคราว แต่ถ้าเราอยาก

 จะใช้ให้มันสงบอย่างถาวร ให้กิเลสหายไป

 เราก็ต้องใช้ปัญญา เวลาเกิดกับความทุกข์ขึ้นมา

เกี่ยวกับเรื่องใด เราก็ใช้ปัญญาเข้าไปวิเคราะห์

เช่น เราทุกข์กับความเจ็บไข้ได้ป่วย

 เราก็ต้องพิจารณาดูว่า

ต้นเหตุของความทุกข์นี้เกิดจากอะไร

 ในอริยสัจ๔ ท่านก็บอกว่าเกิดจากสมุทัย คือ ตัณหา

ในกรณีนี้ตัณหาแบบไหน ก็ตัณหาก็คือ

อยากไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วยหรืออยากให้หาย

อยากให้หายหรืออยากไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วย

ก็เป็นเหมือนวิภวตัณหา แล้วเราห้ามมันได้หรือเปล่า

 อยากแล้วสั่งให้มันหายได้หรือเปล่า

ร่างกายมันเป็นอะไร มันเป็นอนัตตา หรือมันเป็นอัตตา

 มันเป็นของเรา หรือมันไม่ได้เป็นของเรา

ถ้าเป็นของเรา เราต้องสั่งมันได้ไหม

 ถ้ามันสั่งไม่ได้ ก็แสดงว่ามันไม่เป็นของเรา

มันเป็นของธรรมชาติ

ร่างกายนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

เราไปเคลมมัน เราไปครอบครองมัน

 แล้วก็ไปหลงว่ามันเป็นของเรา

 ความจริงเดี๋ยวมันก็กลับไปสู่ธรรมชาติใช่ไหม

ดินมาจากธรรมชาติอะไร ก็คือดินน้ำลมไฟ

 แล้วเดี๋ยวมันจะไปไหนต่อ มันก็กลับไปสู่ดินน้ำลมไฟ

 แล้วไปห้ามมันได้หรือเปล่า เวลามันจะกลับไป

เวลามันจะตายนี้ไปห้ามมันได้เหรอ

 เวลามันจะเจ็บไข้ได้ป่วยก็แสดงว่า

มันกำลังจะกลับไปคืนสู่ธรรมชาติของมัน

เราห้ามมันไม่ได้ ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่าเราทุกข์

เพราะเราอยากให้เขาไม่เจ็บหรืออยากให้เขาหาย

 ถ้าเราไม่อยากทุกข์ เราก็อย่าไปอยากเสียเท่านั้นเอง

เราก็ทำใจเฉยๆ อุเบกขาไป อย่าไปอยาก

 ยอมให้เจ็บไป ยอมให้ตายไป ใจก็จะหายทุกข์

 แล้วใจก็จะไม่ทุกข์กับร่างกายอีกต่อไป

 ไม่ทุกข์กับความเจ็บไข้ได้ป่วย ไมทุข์กับความตาย

เพราะเห็นด้วยปัญญาว่าร่างกายไม่เที่ยง

 เกิดแล้วต้องดับ เกิดแล้วต้องแก่ เกิดแล้วต้องเจ็บ

 อนัตตา ห้ามไม่ได้ บังคับเขาไม่ได้

หยุดเขาไม่ได้ สั่งเขาไม่ได้

 เมื่อเราเห็นว่าเขาเป็นอนิจจัง เห็นว่าเป็นอนัตตา

เห็นว่าเราทุกข์เพราะว่าเราไปอยาก

เราก็หยุดความทุกข์ หยุดความอยากเท่านั้นเอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๐






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของถาพค่ะ




Create Date : 04 สิงหาคม 2560
Last Update : 4 สิงหาคม 2560 4:58:40 น.
Counter : 665 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ