Group Blog
All Blog
--- U N B R O K E N ---




















เมื่อวาน ดูหนังเรื่อง UNBROKEN จนจบ ฉากสวยมาก ทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ท้องทะเลน่าหลงใหลและอัศจรรย์ในธรรมชาติดิบ ๆ ที่มีความซื่อตรงและตรงไปตรงมา สัมผัสทั้งความสงบและน่าสะพรึง ในภาวะนั้น หัวใจใฝ่ฝันถึงฝั่ง ผืนดินเพื่อหยั่งรากฝังกายใจในอ้อมกอดของคนรัก แต่เราก็ไม่อยากตกน้ำตกทะเลเวิ้งว้างกว้างกว่ากว้างอย่างนั้นกว่า 47 วัน บนแพยาง ขาดน้ำขาดอาหาร แสงแดดแผดเผา ฉลามลอยวนรังควาน กว่าจะเอาชีวิตรอดไปแต่ละวัน ฝันร้ายแล้วฝันร้ายอีก ซ้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ครั้นเครื่องบินผ่านมาแต่ละลำ ก็ฉายให้เห็นแสงแห่งความหวัง ทว่ากลับตาลปัตรเป็นกระสุนปืนกลมาแทน แพยางเป็นรูพรุน เกยเกาะ กว่าจะเอาชีวิตรอดขึ้นฝั่งได้ก็เหมือนกับหนีเสือปะจระเข้ เพราะเกาะนั้นเป็นเกาะที่ทหารญี่ปุ่นครองอยู่ พาสองชีวิตที่เหลือรอดไปตกระกำลำบากและถูกทรมานทั้งกายและจิตใจราวนรกบนดินที่ค่ายกักกัน ตกนรกขุมแรก อีกขุมและอีกขุม... นรกที่ทำลายศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ให้สิ้นขณะยังมีลมหายใจ กว่าจะผ่านไปได้แต่ละนาที แต่ละวัน แทบขาดใจ แม้ฉันจะรู้เรื่องราวตอนจบมาก่อนแล้วว่า ท้ายที่สุด เขาก็ได้กลับไปสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นอย่างปลอดภัย


ฉันไม่ควรจะเปรียบเทียบการอ่านหนังสือและดูหนัง ด้วยว่าต่างก็คืองานศิลปะ เรารับและเห็นในบางมุมที่เราอาจไม่ชัดในหนังสือ และบางมุม เราก็เก็บในตัวหนังสือได้มากกว่าในเรื่องรายละเอียดโดยเฉพาะเรื่องสายตาและการบรรยายความรู้สึก ลึก ๆ บางมุมอาจดึงใจเราไปไม่สุด ปูมหลังของเด็กแสบอย่างลูอี้ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนนั้นน่าสนใจมาก ๆ เพราะเรามีจินตนาการกับภาพที่เห็นในหนังสือ อย่างการบรรยายเรื่องวิ่ง เร้าใจและตื่นเต้นมาก เผลอกระทืบเท้าเชียร์ลูอี้โดยไม่รู้ตัว ขณะวิ่งตามความฝันไปกับลูอี้ ก็ไกลเกินจะคว้า ภาพที่ทหารญี่ปุ่นทารุณเขานั่นก็โหดร้ายมากจนต้องคว่ำหนังสือลงชั่วขณะ


แต่ในหนัง เก็บความรู้สึกสวยงาม ละมุนละไมในเรื่องความรักของพี่ชาย พีตให้กำลังใจลูอี้เพราะเขาขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง พีตผลักดันให้น้องชายเข้าสู่การวิ่ง ให้กำลังใจ สอนเทคนิคการวิ่งทุกอย่าง ลูอี้สู้ ฝึกฝน ฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง พาตัวเองเข้าสู่วงการวิ่งยิ่งใหญ่จนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก


หนังจะเล่าย้อนไปย้อนมา เห็นปูมหลังวัยเด็กสลับกับช่วงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงที่เขาถูกไอ้เบิร์ด ทหารญี่ปุ่นทรมานเพื่อทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขานั้น ทำให้เห็นความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกลึก ๆ ของไอ้เบิร์ดมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งลูอี้ไม่ยอมแพ้ มันกลับยิ่งพ่ายแพ้...


แต่จะกี่คนที่จะกอดศักดิ์ศรีนี้ไว้กับตัวได้ไม่เป็นใบไม้ปลิดปลิวจากต้นท่ามกลางภาวะที่ถูกทรมานเหมือนซากศพเดินได้ในนรกบนดินนั่น

ทำไมคนเราถึงอยากมีชีวิตรอด หาคำตอบให้ตัวเองได้


ฉากสุดท้าย ทำเอาน้ำตาไหลพราก ผู้กำกับนำภาพจริงของคุณปู่ลูอี้ แซมเปอรินี่ ตอนอายุ 97 ปี มาให้ชมด้วย เป็นภาพที่ประทับใจฉันมาก เป็นรอยยิ้มที่ปราศจากอารมณ์คั่งแค้น เห็นสันติสุขในดวงตาขณะที่คุณปู่กำลังวิ่งอย่างมีความสุขบนสนามบ้านเกิดของคนที่ทรมานเขา


เพราะการอโหสิกรรมต่างหากที่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ และดำรงศักดิ์ศรีของมนุษย์ไว้ได้ในทุกย่างก้าวของชีวิต



สปอยล์สุด ๆ เหมือนเคยค่ะ แต่ไม่ได้โคว้ทคำคมที่ชอบจากหนังมาฝากเท่านั้น


ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
15 กุมภาพันธ์ 2561












Don't give up, don't give in.
There's always an answer for everything.

อย่ายอมพ่าย อย่าค้อมยอมจำนน
ทุกเรื่องมีคำตอบเสมอ

ลูอี้ แซมเปอรินี







ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ ลอรา ฮิลเล็นเบรนด์ มีผลงานหนังสือ ซีบิสกิต อีกเพียงหนึ่งเล่ม เธอป่วยด้วยโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะเดินออกไปนอกบ้าน ต้องจำกัดตัวเองอยู่บนชั้นสองของบ้าน การวิจัยข้อมูลละเอียดถี่ถ้วนทุกแง่ทุกมุม...เจ็ดปีเต็ม บ่งถึงความเด็ดเดี่ยวทรหด แม้จะไม่มีพละกำลังในร่างกาย

ช่วงเจ็ดปีที่เธอเขียนหนังสือเล่มนี้ เธอไม่ยอมพบหน้าลูอี้ ไม่อยากพบชายชราอายุแปดสิบ อยากวาดภาพเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าบนลู่วิ่งโอลิมปิก และนายทหารหนุ่มทรหดรักษาชีวิตให้รอดในค่ายเชลยศึก แต่ในทุกคราวที่เธอเหนื่อยล้าอัดอั้นตันใจ เธอจะโทรศัพท์ไปถึงลูอี้ จุดแรงบันดาลใจให้สู้งานเขียนต่อไปได้อีกครั้ง

ลูอี้โทรศัพท์ถึงเธอบ่อยครั้ง ยืนยันว่าเธอเป็นแรงบันดาลใจของเขา 'ผมทนทานความทุกข์เพียงแค่ไม่กี่ปี เธอทุกข์ทรมานไม่มีที่สิ้นสุดนานถึง 30 ปี'

--

ฉันคุ้นกับชีวิตของลูอี้เท่าเทียมกับชีวิตของฉันเอง ลูอี้พูดกับเพื่อนไว้ว่า 'ในยามใดที่ผมอยากรู้เรื่องราวที่เกิดต่อตัวผมในญี่ปุ่น...ผมจะโทรไปถามลอรา'

ในการเปิดโลกส่วนตัวให้ฉันได้รับรู้ ลูอี้อ่อนโยนเยือกเย็น เขานั่งให้สัมภาษณ์ 75 ครั้ง ตอบคำถามนับพันนับหมื่นโดยไม่มีท่าทางหงุดหงิดหรือการบ่นรำคาญ ลูอี้สัตย์ซื่อ ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง และแก้ไขจุดคลาดเคลื่อนที่นักข่าวเขียนถึงเขา ความทรงจำของเขาถือได้ว่าเป็นเลิศ แทบทุกคราวที่ฉันสอบทานเหตุการณ์กับเรื่องราวในหนังสือพิมพ์ บันทึกทางการ และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ การย้อนนึกของลูอี้แม่นยำแทบจะเจาะลึกถึงรายละเอียดแม้เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อ 85 ปีล่วงมาแล้ว

ลูอี้เป็นนักสะสมตัวยง ดูเหมือนจะเก็บรักษาโบราณวัตถุทุกชิ้นในชีวิตไว้อย่างดี ตั้งแต่ป้าย 'ห้ามรบกวน' ที่ฉกมาจากหน้าห้องของเจสสี โอเว็นส์ในเบอร์ลิน จนถึงแผ่นกระดาษหมายเลขนักวิ่งในการแข่งขันการวิ่งหนึ่งไมล์ระดับมหาวิทยาลัยที่เขาทำสถิติได้อย่างงดงามในปี 1934 หนังสือข่าวตัดเล่มหนึ่งเก็บข้อมูลเฉพาะปี 1917-1938 มีน้ำหนัก หกสิบสามปอนด์ เขามอบหลักฐานทุกอย่างให้ฉัน (ผ่านมือเดบี จินสเบิร์ก ผู้ล่วงลับไปแล้ว เธอจัดการรวบรวมลงกล่องส่งไปรษณีย์มาให้) นอกจากนี้ยังส่งหนังสือข่าวตัดเล่มอื่น ๆ (โชคดีที่มีขนาดเล็ก) รูปถ่ายหลายร้อยใบ จดหมาย อนุทิน และหลักฐานเลอค่าที่สุด : ข่าวตัดหนังสือพิมพ์เก็บไว้ในกระเป๋าเงินที่ติดตัวไปบนแพยาง หลักฐานเหล่านี้แทบเป็นหีบมหาสมบัติของฉัน ทุกชิ้นพาฉันดิ่งลึกลงไปในชีวิตเขา เผยรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในนั้น ฉันซาบซึ้งใจยิ่งที่ลูอี้วางใจมอบข้อมูลของชีวิตที่มีค่าล้ำยิ่งต่อตัวเขา และต้อนรับฉันเข้าไปในประวัติชีวิตยาวนานของเขา...


บางส่วนจากคำขอบคุณของผู้เขียน
ลอรา ฮิลเล็นเบรนด์
















Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2561 11:27:40 น.
Counter : 800 Pageviews.

1 comments
  
เล็งไว้ทั้งหนังและหนังสือเลยครับ แต่ก็พลาดไม่ได้ดูและยังไม่ได้ซื้อเลย เพิ่งรู้เลยว่าเป็นคนเขียนเรื่อง ซีบิสกิตด้วย
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:18:50:33 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com