Bloggang.com : นายแว่นขยันเที่ยว - สักการะ หลวงพ่อโต ซำปอกง วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

สักการะ หลวงพ่อโต ซำปอกง วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

สักการะ หลวงพ่อโต ซำปอกง วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ตั้องยู่ ซอยอรุณอมรินทร์ 6 ถนนอรุณอมรินทร์ เเขวงวัดกัลยาณ์
เขตธนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร
พิกัด : https://goo.gl/maps/2FQvpPyXdhMKfzBu7

ท่ามกลางความร้อนใน กรุงเทพ ยังมีสถานที่ที่จะทำให้จิตใจของเราได้สงบและผ่อนคลาย
ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อใจสงบ กายก็สงบเย็นตามไปด้วยค่ะ และที่ที่เราจะพามาชิล ไหว้พระ
ทำบุญ กันในวันนี้ก็คือ

วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร หนึ่งใน วัดศักดิ์สิทธิ์ ของกรุงเทพ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
และยังมีคติความเชื่อของคนไทยแต่โบราณมาว่า เมื่อได้มาไหว้พระที่นี่แล้วจะ
เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี อีกด้วย

วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดย
เจ้าพระยานิกรบดินทร์มหินทรมหากัลยาณมิตร (โต)
ได้อุทิศบ้านและที่ดินบริเวณใกล้เคียงและสร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2368

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทานนามว่า วัดกัลยาณมิตร
และทรงสร้างพระวิหารหลวงและพระประธานพระราชทาน เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชื่อ
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ด้วยมีพระประสงค์จะให้เหมือนกรุงเก่า
คือมีพระโตอยู่นอกกำแพงเมืองอย่าง วัดพนัญเชิง ที่กรุงศรีอยุธยา นั่นเอง

วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่
จึงทำให้บรรยากาศภาย ในวัดเย็นสบายและร่มรื่น เราสามารถนั่งเรือโดยใช้บริการ
เรือข้ามฟากที่ ท่าเรือปากคลองตลาด มายังท่าเรือของวัดกัลยาณมิตรได้เลย

เมื่อเข้ามาในวัดแล้ว จะมีที่ในเรา จุดธูปเทียนบูชาไปตามลำดับตามความเชื่อ
แล้วจึงเดินเข้าไปภายในพระวิหารหลวง เพื่อกราบสักการะ หลวงพ่อโต หรือ
พระพุทธไตรรัตนนายก

หรือที่คนจีนนิยมเรียกตามแบบจีนว่า ซำปอกง นั่นเอง
องค์หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยองค์ใหญ่ สีทองอร่าม
มีความงดงามอย่างยิ่ง

ในวิหารมีคนนิยมมาสวดมนต์และทำสมาธิ เพื่อสร้างความสงบให้กับจิตใจด้วย
เพราะฉะนั้นการไปไหว้สักการะ และเที่ยวชม เราจะต้องสงบเงียบ ไม่รบกวนผู้อื่นด้วยนะ

จากนั้นเราไปเดินชมสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน
มี พระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ ซึ่งรัชกาลที่ 3
ทรงสร้างพระราชทาน ทำให้ที่นี่เป็น 1 ใน 2 วัด ของกรุงเทพฯ

ที่มีพระประธานของพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ นั่นเองค่ะ ภายในพระอุโบสถ
ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงพุทธประวัติ และแสดงชีวิตชาวบ้านในสมัยรัชกาลที่ 3 อีกด้วย

นอกจากนี้ บริเวณวัดยังมี หอมณเฑียรธรรมเถลิงพระเกียรติ เป็นที่เก็บพระไตรปิฎกสมัย
รัชกาลที่ 4 และ หอระฆัง ที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งมีระฆังยักษ์ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พระประธานในศาลาการเปรียญ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อจากสำริดขนาดใหญ่
ลักษณะทางพุทธศิลป์จัดเป็นศิลปะสุโขทัยที่ได้รับการแปลงพระพักตร์ใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3
กล่าวคือ ส่วนองค์พระพุทธรูปเป็นแบบสุโขทัยที่มีพระวรกายบอบบาง
พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก

สังฆาฏิแผ่นเล็กปลายแยดเป็นสองชายคล้ายเขี้ยวตะขาบ และพระหัตถ์ยาวไม่เสมอกัน
แบบสุโขทัยหมวดใหญ่ พระพักตร์เป็นแบบที่นิยมสร้างใหม่ในรัชกาลที่ 3 คือ
พระพักตร์ค่อนข้างกลมกึ่งไข่ ขมวดพระเกษาเล็ก มีพระรัสมีเป็นเปลว

พระขนงโก่ง พระเนตรเปิดเเละมองตรง พระนาสิกค่อนข้างเล็กเเละโด่ง พระโอษฐ์เล็กแย้ม
พระโอษฐ์เล็กน้อย เส้นพระโอษฐ์โค้งเล็กน้อยเกือบเป็นเส้นตรง เรียกว่า "พระพักตร์อย่างหุ่น"