My Tear: Chapter 11 Clues
คุยกันก่อนอ่านนะคะ ขอโทษจริง ๆ ที่ดองฟิคเรื่องนี้ไปเนิ่นนาน ขอโทษและไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งนั้นค่ะ แต่ตอนนี้เรากลับมาแล้ว และตั้งใจจริง ๆ ว่าจะเขียนฟิคเรื่องนี้ (รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ) ให้จบค่ะ สำหรับตอนนี้บอกก่อนเลยว่ายังไม่มีฉากพระนางนะคะ เพราะตอนนี้จะเป็นการปูไปยังตอนต่อไปค่ะ คือจริง ๆ เราเขียนตอนนี้ไว้ยาวมาก ๆ จนเราต้องเอามาตัดแบ่งเป็น 2 ตอนค่ะ ซึ่งตอนต่อไปน่าจะลงอย่างช้าก็สัปดาห์หน้านะคะ ยังไงถือว่าอ่านตอนนี้รอฉากพระนางไปก่อนนะคะ อ้อ เราคิดว่าจะเอาฟิคเรื่องนี้ไปลงที่แฟลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วยค่ะ เพราะรู้สึกว่าที่บล็อกแกงซ์ไม่สะดวกจะอ่านในมือถือเท่าไหร่ ยังไงถ้าเราได้บ้านหลังใหม่แล้วจะบอกนะคะ แต่ที่บล็อกแกงซ์ก็จะลงต่อเหมือนเดิมค่ะ บ้านใหม่เอาไว้เป็นตัวเลือกเพิ่มค่ะ เพื่อน ๆ อ่านตอนนี้แล้วคิดเห็นยังไงอย่าลืมเม้นคุยกันนะคะ หรือใครที่เล่นทวิตเตอร์ก็มาคุยกับเราได้นะคะ ที่ @little_piksi ค่ะ ***Chapter 11 เบาะแส: Clues*** หลังจากผ่านการตระเตรียมแผนการอยู่เกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดคืนวันศุกร์ก็มาถึงเสียที (คืนที่เดรโกไปปรากฏตัวที่ผับของมักเกิ้ลเป็นคืนวันอาทิตย์) เหล่ามือปราบมารที่ถูกคัดเลือกเป็นอย่างดีจากทางกระทรวงได้เตรียมตัวแฝงกายเข้าไปในผับของมักเกิ้ลที่ชื่อว่า Night Song เพื่อทำการจับกุมแกร์รี่ มิลเลอร์ที่คาดว่าน่าจะมาปรากฏตัวที่ผับแห่งนี้ตามปรกติ โดยเจ้าหน้าที่ที่ถูกคัดเลือกมาปฏิบัติงานในครั้งนี้ล้วนเป็นเลือดผสมหรือไม่ก็คนที่รู้เรื่องของมักเกิ้ลเป็นอย่างดีเพราะพวกเขาจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นมักเกิ้ลให้ได้อย่างแนบเนียนรวมทั้งปฏิบัติตัวราวกับเป็นนักท่องราตรีทั่วไปโดยไม่มีใครสงสัย และนอกจากนั้นพวกเขายังต้องเป็นมือปราบมารที่มีฝีมืออยู่ในระดับที่วางใจได้เพราะการเข้าจับกุมครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่น ๆ ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่แกร์รี่ มิลเลอร์เป็นผู้เสพความตายที่กระทรวงหมายหัวเป็นอันดับต้น ๆ มาหลายต่อหลายปีแล้วเท่านั้น แต่ความหวังทั้งหมดในการหาตัวเฮอร์ไมโอนี่พบได้ฝากไว้ที่การจับกุมตัวมิลเลอร์ในค่ำคืนนี้เท่านั้น เพราะถ้าหากว่าพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว เขาอาจจะหนีไปซ่อนตัวและไม่ออกมาปรากฏตัวในที่สาธารณะอีกไปเป็นปี ๆ เลยก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นหนทางที่จะล่อเดรโก มัลฟอยซึ่งแฮร์รี่และแม้ด-อาย มู้ดดี้เชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารแฮร์รี่รวมทั้งการจับตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปนั้นก็ย่อมหายวับไปกับตา หลังจากผ่านการตระเตรียมการมาอย่างดีตลอดเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ในช่วงเย็นวันศุกร์แม้ด-อาย มู้ดดี้ก็มาปรากฏตัวที่ห้องพักของแฮร์รี่โดยเอาน้ำยาสรรพรสมาพร้อมกับเส้นผมของมักเกิ้ลสองคนซึ่งเขาและรอนจะต้องดื่มมันเข้าไปมาให้รวมทั้งบอกพวกเขาทั้งสองว่าทางกระทรวงได้ร่ายคาถากันการหายตัวไว้บริเวณรอบ ๆ ผับนั้นแล้ว แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถร่ายคาถาให้ครอบคลุมถนนทั้งสายได้เพราะมันอาจจะทำให้แกร์รี่ มิลเลอร์สงสัยได้ “เราเตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปสอดแนมในผับทั้งหมดแปดคนสำหรับงานนี้ รวมพวกเธอด้วยเป็นสิบคน ส่วนฉันจะสวมผ้าคลุมล่องหนและรอดูสถานการณ์จากอีกฝั่งหนึ่งของถนน และฉันจะส่งข้อความบอกเธอผ่านทางเหรียญแกลเลียนนี้ ถ้าหากว่าฉันได้เบาะแสอะไร เข้าใจไหม” มู้ดดี้พูดพลางวางเหรียญแกลเลียนสองเหรียญลงบนโต๊ะ ซึ่งมันเป็นวิธีการติดต่อกันแบบใหม่ของมือปราบมารที่แฮร์รี่เป็นคนนำมาใช้หลังจากที่เขาเข้าทำงานได้ไม่นาน และแน่นอนว่าวิธีนี้นั้นถูกคิดค้นโดยเฮอร์ไมโอนี่ในตอนที่พวกเขาอยู่ปีห้า เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่คิดถึงชื่อหญิงสาวที่เขารักอย่างห่วงหา ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักแต่เขากลับปกป้องไว้ไม่ได้ และเท่าที่เขารู้ในตอนนี้ก็คือมีความเป็นไปได้มากที่เธอจะถูกมัลฟอยจับตัวไปเพื่อแก้แค้นเขา และถ้าหากมันเป็นเช่นนั้นจริงล่ะก็ ถ้าหากมัลฟอยทำร้ายเธอหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่ล่ะก็ แฮร์รี่คงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองได้เลย “ฉันจะทยอยส่งสายของเราเข้าไปสอดแนมตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ส่วนพวกเธอสองคนให้เข้าไปที่ผับนั้นตอนสี่ทุ่มและพยายามทำตัวให้เหมือนนักท่องเที่ยวมักเกิ้ลมากที่สุด โดยเฉพาะเธอวีสลีย์” เขามองไปที่รอนซึ่งพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหันมาทางแฮร์รี่ “อีกอย่างที่ฉันอยากจะเตือนก็คือพยายามจิบน้ำยาสรรพรสอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ชั่วโมง เพราะถ้าหากพวกเธอเกิดคืนร่างเดิมขึ้นมาในตอนที่แกร์รี่ มิลเลอร์กำลังจะเดินเข้ามาในผับล่ะก็เราคงจบเห่กันแน่ ฉันเลยเอาไอ้นี่มาให้พวกเธอ” เขาพูดพลางวางขวดสแตนเลสสำหรับใส่เหล้าขนาดพกพาแบบที่พวกมักเกิ้ลชอบพกจำนวนสองขวดไว้บนโต๊ะข้างเตียงของแฮร์รี่ “ใส่น้ำยาสรรพรสที่เหลือลงในนั้น และอย่าลืมดื่มมันเป็นอันขาด โดยเฉพาะเธอพอตเตอร์ เมอร์ลินเท่านั้นที่รู้ว่ามันจะวุ่นวายแค่ไหนถ้าหากข่าวว่าเธอยังมีชีวิตอยู่แพร่ออกไปก่อนที่เราจะจับไอ้เศษสวะนั่นได้น่ะ” เขากำชับกับทั้งสอง ขณะที่แฮร์รี่มองเขาด้วยดวงตาที่ฉายแววเด็ดเดี่ยว “ผมรับรองว่าผมจะไม่พลาดแน่นอนครับ” เขาพูดด้วยท่าทีมุ่งมั่นแบบที่มู้ดดี้หรือแม้แต่รอนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับชายหนุ่มรู้ดีว่าความหวังทั้งหมดของเขาฝากไว้ในค่ำคืนนี้เท่านั้น และดูเหมือนแม้ด-อายจะเข้าใจเจตนาอันแรงกล้าของแฮร์รี่ที่จะจับกุมแกร์รี่ มิลเลอร์ให้ได้เป็นอย่างดี เขาจึงพยักหน้าเบา ๆ “ฉันจะให้เธอทั้งสองคนเตรียมตัวก็แล้วกัน เราคงได้เจอกันในการจับกุมคืนนี้ โชคดีนะ พอตเตอร์ วีสลีย์” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป หลังจากมู้ดดี้ออกจากห้องไปแล้ว แฮร์รี่ก็เหลือบดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลาห้าโมงเย็น เขาและรอนยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าก่อนการจับกุม แต่ถึงกระนั้นมันกลับไม่ได้ทำให้แฮร์รี่สบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย รอนซึ่งสังเกตเห็นท่าทีวิตกของเพื่อนจึงเดินมาบีบไหล่แฮร์รี่เบา ๆ “ฉันเชื่อว่านายทำได้ แฮร์รี่ ฉันเชื่อว่านายต้องจับกุมไอ้สารเลวนั่นได้อย่างแน่นอน” ชายหนุ่มผมแดงพูด ขณะที่เพื่อนรักมองเขาด้วยสายตาที่ดูกังวล แม้สีหน้าของแฮร์รี่จะดูดีขึ้นมากหลังจากอาการบาดเจ็บครั้งก่อนแล้วก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาของเขาก็คือดวงตาสีเขียวที่ดูวิตกกังวลและเศร้าสร้อย ราวกับประกายในดวงตาคู่นั้นค่อย ๆ หรี่แสงลงในแต่ละวันที่ผ่านพ้นไป “ใช่ ฉันอาจจะจับกุมเขาได้รอน ไม่ใช่สิ ฉันเองก็เชื่อเหมือนนายว่าฉันจะจับกุมเขาได้ในคืนนี้” แฮร์รี่พูดอย่างมั่นใจ “แต่ที่ฉันกังวลไม่ใช่เรื่องนี้นี่สิ ฉันไม่ห่วงเรื่องจับกุมมิลเลอร์เลยในเมื่อเราวางแผนทั้งหมดไว้ดีขนาดนี้แล้ว เพียงแต่ที่ฉันกังวลก็คือเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่ต่างหาก ฉัน........ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าเมื่อมัลฟอยจับเธอไปนานขนาดนี้” เขาพูดด้วยสีหน้าทุกข์ระทม ราวกับเขาเพิ่งสูญเสียหญิงสาวผู้เป็นที่รักไป ซึ่งแฮร์รี่เองก็เป็นเช่นนั้น เพราะตอนนี้มันเปรียบเสมือนเขาได้สูญเสียหญิงสาวที่กำลังจะมาเป็นภรรยาของเขาไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถตามหาเธอพบได้หรือเปล่า และถ้าหากเขาสามารถหาเธอพบได้จริง ๆ เธอจะอยู่ในสภาพไหนกัน นี่เป็นสิ่งที่แฮร์รี่หวาดกลัวเกินกว่าจะจิตนาการถึง เพราะแฮร์รี่ไม่คิดว่ามัลฟอยจะเก็บเฮอร์ไมโอนี่ไว้ทรมานเล่นนานนัก อย่างน้อย ๆ มันก็คงไม่กินเวลานานหลายเดือนแบบนี้ ยิ่งเรื่องที่มัลฟอยส่งคนมาฆ่าสังหารเขาก็ยิ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามัลฟอยนั้นเบื่อกับการแก้แค้นชายหนุ่มโดยทางอ้อมแล้ว เขาจึงส่งคนมาปลิดชีวิตแฮร์รี่แทน และเมื่อเป็นเช่นนั้นมัลฟอยจะยังเก็บเฮอร์ไมโอนี่ไว้ทำไมเล่า! แต่แฮร์รี่ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเขากำลังคิดผิด ยิ่งไปกว่านั้นความจริงที่เขากำลังจะได้ค้นพบนั้นมันเลวร้ายยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก! ระหว่างที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดนั้น แฮร์รี่รู้สึกถึงแรงกดที่บ่า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นชายหนุ่มก็พบว่าเพื่อนรักของเขากำลังบีบที่บ่าของเขาอย่างปลอบโยน แววตาที่มองมาทางเขานั้นดูเห็นใจยิ่งนัก “เราจะต้องหาเธอให้เจอแฮร์รี่ ฉันเชื่อ ฉันเชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องไม่เป็นอะไร” รอนพูดเพื่อให้เพื่อนรักมั่นใจ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเขามั่นใจในคำพูดของตนเองที่ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องไม่เป็นอะไรมากแค่ไหน แฮร์รี่พยักหน้ารับคำของรอน สีหน้าของชายหนุ่มดูหมองเศร้ายิ่งนัก “ฉันก็หวังอย่างนั้น รอน” เขาพูดออกมาเบา ๆ พลางจับมือเพื่อนรักที่กำลังบีบไหล่ของเขาไว้แน่น ราวกับว่ามันเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวของเขาในช่วงเวลาเลวร้ายเช่นนี้ .................................................................. เกือบห้าชั่วโมงผ่านไป เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มห้าสิบนาที แฮร์รี่กับรอนในคราบของมักเกิ้ลนักท่องราตรีก็ได้มาปรากฏตัวที่ถนนสายหนึ่งของมักเกิ้ลในลอนดอนที่เต็มไปด้วยผับรวมทั้งคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนที่พากับมาสังสรรค์ยามค่ำคืน แฮร์รี่เดินนำรอนไปตามถนน แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเพื่อนรักของเขาหยุดอยู่ที่หน้าผับแห่งหนึ่งเพื่อสำรวจเงาของเขาในกระจกซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นชายหนุ่มผิวดำ ตัดผมทรงสกินเฮดและแต่งตัวแบบนักร้องเพลงแร็ป รอนย่นหน้าให้กับภาพสะท้อนของเขาเองพลางยกมือขึ้นลูปศีรษะเกรียน ๆ ของตนอย่างขัดใจจนกระทั่งแฮร์รี่เดินเข้ามาประชิดตัวเขา “รอน นายทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มกระซิบอย่างเครียด ๆ เขาไม่ต้องการหยุดแวะที่ไหนนอกจากตรงไปที่ร้าน Night Song อย่างรวดเร็ว “โทษที แฮร์รี่” เพื่อนรักของเขาบอกเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองทำตัวนอกเหนือจากแผน “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าแม้ด-อายคิดอะไรอยู่ถึงให้ฉันแปลงร่างแบบนี้ หน้าฉันเหมือนดีน โทมัสนักหรือไง” รอนบ่นออกมาเบา ๆ โดยที่แน่ใจว่ามีเพียงเขาและแฮร์รี่เท่านั้นที่ได้ยิน แต่แฮร์รี่ไม่มีท่าทีสนใจคำอุทรณ์ของเพื่อนรักเสียเท่าไหร่ “ฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่านายซักเท่าไหร่หรอกนะ แต่นายอย่าลืมสิว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร” เขาเตือนเสียงแข็ง พลางฉุดรอนให้เดินไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยฝูงชนโดยที่ไม่เผลอไปชนใครเข้า แต่อันที่จริงแฮร์รี่ก็รู้สึกว่าเขาโชคดีกว่ารอนเล็กน้อยที่ได้เส้นผมของมักเกิ้ลรูปร่างผอมสูง ติดอยู่แค่ว่าเขาต้องสวมกางเกงหนังรัดติ้วพร้อมกับสวมเสื้อยืดทับแจ็คเก็ตหนังราวกับเขาเป็นร็อคสตาร์ แม้ว่าการคัดเลือกมักเกิ้ลมาให้พวกเขาสวมรอยของแม้ด-อายนั้นจะดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรนัก แต่แฮร์รี่เองก็ประทับใจไม่น้อยในการเลือกเสื้อผ้าที่ดูจะเข้ากับพวกมักเกิ้ลที่มาท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี แม้ว่ารอนซึ่งเป็นพ่อมดจะไม่ค่อยชินกับมันนักก็ตาม “ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องใส่กางเกงหลวมโพรกขนาดนี้ด้วย นี่มันแฟชั่นใหม่หรือไงกัน” รอนบ่นออกมาเบา ๆ แฮร์รี่เหลือบตามองเพื่อนรัก “ใช่ พวกมักเกิ้ลเค้าใส่กันแบบนี้แหละ และเพื่อเห็นแก่พระเจ้านะรอน เลิกดึงกางเกงนายขึ้นเสียที!” แฮร์รี่กระซิบเตือนอย่างดุ ๆ แม้ว่าปรกติเขาจะไม่ค่อยพูดกับรอนด้วยน้ำเสียงแบบนี้ก็ตาม แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าการจับกุมในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่น ๆ ที่ผ่านมา เพราะว่าชีวิตของผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักนั้นฝากไว้กับการจับกุมในค่ำคืนนี้เท่านั้น “โทษที” รอนตอบเสียงอ่อย ๆ “แต่มันไม่ใช่ความผิดฉันนะ ก็พวกเขาดันเลือกเสื้อผ้ามาหลวมขนาดนี้ทำไมล่ะ” เขาแก้ตัวเสียงอ่อนขณะที่แฮร์รี่ส่ายหัวให้กับพฤติกรรมของเพื่อนรัก ไม่เกินสิบนาทีสองพ่อมดหนุ่มในร่างมักเกิ้ลก็มาถึงร้าน Night Song อันเป็นเป้าหมายของพวกเขา แฮร์รี่มองภาพป้ายภายนอกคลับที่ตกแต่งเป็นชื่อร้านด้วยไฟสีฟ้าเพื่อความแน่ใจก่อนจะก้าวเข้าไป อันที่จริงแฮร์รี่เคยขออนุญาตแม้ด-อายมาดูสถานที่จับกุมก่อนวันลงมือจริงอยู่หลายครั้ง แต่เนื่องจากมู้ดดี้เห็นว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะปล่อยให้ชายหนุ่มออกไปข้างนอกก่อนวันลงมือจริง เขาจึงให้แฮร์รี่เข้าไปดูความทรงจำของมือปราบมารที่เข้าไปสำรวจร้านแทน สิ่งแรกที่แฮร์รี่รับรู้เมื่อเข้าไปในผับคือความมืดมิดและเสียงเพลงที่ดังแสบแก้วหู ภายในผับเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเที่ยวหาความสำราญในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางเสียงอื้ออึงและฝูงคน แฮร์รี่สะกิดรอนให้เดินเข้าไปทางหน้าเวทีตามแผนที่เขาได้ตกลงไว้กับแม้ด-อาย ในทุก ๆ ย่างก้าว ชายหนุ่มพยายามคุมสติของเขาและเปิดรับสัมผัสทุกอย่างให้มากที่สุด อย่างที่เขาทำทุกครั้งที่เขาต้องออกไปจับกุมผู้ร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ ๆ มืด อึกทึก และคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแบบนี้มันยิ่งทำให้ชายหนุ่มต้องระวังตัวขึ้นเป็นสองเท่าจากปรกติ เพราะเขาไม่มีวันรู้เลยว่าคนที่กำลังยืนประชิดตัวเขาอยู่ตอนนี้จะเป็นศัตรูแฝงกายมารึเปล่า นอกจากจะระวังตัวทุกฝีก้าวแล้ว แฮร์รี่ยังพยายามมองหาคนของกระทรวงที่แม้ด-อายส่งมาร่วมการจับกุมกับเขาในคราวนี้ แน่นอนว่าทุกคนปลอมตัวเป็นมักเกิ้ลด้วยน้ำยาสรรพรสเหมือนกันหมด แต่แม้ด-อายก็รอบคอบพอที่จะนำรูปของมักเกิ้ลทุกคนที่เขานำเส้นผมมาใช้ในการปลอมตัวให้เหล่ามือปราบมารจดจำหน้าตาก่อน เพื่อป้องกันการร่ายคาถาถูกพวกเดียวกันเข้า “หนวกหูเป็นบ้าเลย นายว่าไหม” รอนกระซิบแข่งกับเสียงดนตรี แต่แฮร์รี่ไม่สนใจ เขาเดินนำเพื่อนรักไปที่บาร์ บาร์เทนเดอร์ซึ่งเป็นหญิงสาวผมบลอนด์หน้าตาจัดได้ว่าสวยทักพวกเขา “รับอะไรดี รูปหล่อ” “เบียร์สองขวดครับ” เขาพูด ก่อนจะหยิบเงินมักเกิ้ลมาวางบนเคาท์เตอร์ บาร์เทนเดอร์ยื่นเบียร์ที่เปิดขวดแล้วให้เขาอย่างรวดเร็วและแฮร์รี่ก็ส่งต่อให้รอน “แน่ใจเหรอว่าไม่อยากรับอย่างอื่นเพิ่มด้วยน่ะ” เธอพูดทีเล่นทีจริง แฮร์รี่ยิ้ม “ไม่ครับ อันที่จริง ผมสงสัยว่าเมื่อไหร่โชว์จะเริ่ม พอดีรู้มาว่าที่นี่มีโชว์ที่น่าอัศจรรย์มาก” เขาถามด้วยท่าทีราวกับเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก “อ้อ ฉันแน่ใจว่าคุณคงมาที่นี่เพราะอยากมาดูแม่พวกนั้นล่ะสินะ” หล่อนพูดพลางยิ้มเหยียด ๆ “โชว์จะเริ่มอีกครึ่งชั่วโมง คุณควรจะไปหาที่นั่งดี ๆ นะ จะได้เห็นอะไร ๆ ได้ชัด ๆ” หญิงสาวคนนั้นพูดอย่างคลุมเครือ แต่ก่อนที่เธอจะหันไปสนใจลูกค้าอีกคนที่เพิ่งเข้ามาที่บาร์ แฮร์รี่ก็เรียกเธอไว้ “เดี๋ยวครับ เอ่อ ผมอยากรู้ว่าโชว์ที่กำลังจะเริ่มนี่ ใครเป็นคนแสดงหรือครับ ผมหมายถึงเพื่อนของผมเคยมาดูโชว์ที่นี่แล้วบอกกับผมว่าสาวที่ขึ้นโชว์บนเวทีสวยเป็นบ้าเลย” บาร์เทนเดอร์สาวมองหน้าแฮร์รี่ราวกับเขาเป็นชายหนุ่มที่โง่เง่าที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา อันที่จริงแฮร์รี่ก็พอจะเดาออกว่าเธอไม่พอใจเรื่องที่เขาชมผู้หญิงคนอื่นว่า ‘ สวยเป็นบ้า ’ ต่อหน้าเธอต่างหาก แต่ที่เขาพูดอย่างนั้นออกไปเพราะเขาต้องการข้อมูลบางอย่าง “ยัยคนที่แสดงนำชื่อเคย์ลีน เดี๋ยวคุณก็ได้เห็นหล่อน หล่อนมีผมสีดำแล้วก็รูปร่างเหมือนพวกนักเต้นระบำเปลื้องผ้าน่ะ” เธอตอบอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักก่อนจะหันไปสนใจลูกค้าอีกคนแทน และทันทีที่บาร์เทนเดอร์คนนั้นเดินไป รอนก็พูดขึ้น “ฉันว่าเราไปหาที่นั่งกันดีกว่า แฮร์.....” เมื่อเพื่อนรักที่อยู่ในร่างมักเกิ้ลที่แต่งตัวเหมือนร็อคสตาร์จ้องเขากลับรอนถึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “สตีเฟ่น เราไปหาที่นั่งกันเถอะสตีเฟ่น ฉันคิดว่าอีกไม่นาน ‘ เขา ’ ก็คงจะมาถึงที่นี่แล้ว” แฮร์รี่รู้ดีว่า ‘ เขา ’ ที่รอนว่านั้นหมายถึงใคร ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มดูล้ำลึกขึ้นทันทีที่เพื่อนรักเอ่ยถึงชายซึ่งเป็นเป้าหมายการจับกุมในคืนนี้ “งั้นก็ดี จิม เราไปกันเถอะ” และแล้วทั้งแฮร์รี่และรอนในคราบของมักเกิ้ลที่ไม่มีใครรู้จักก็เดินแหวกฝูงชนเพื่อมุ่งหน้าไปยังเวทีการแสดง ....................................................................... เมื่อทั้งสองไปถึงที่หมายบริเวณด้านหน้าเวทีนั้นก็เริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแล้ว แต่ทั้งสองเองก็หาที่นั่งได้ไม่ยากเพราะยังอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าโชว์จะเริ่มขึ้น แต่แฮร์รี่ต้องการมานั่งเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยเหตุผลสองข้อคือ หนึ่งเขาต้องการสำรวจสถานที่รอบ ๆ เวทีให้แน่ใจ ในกรณีที่อาจจะเกิดการต่อสู้ขึ้นบริเวณนี้ ซึ่งแน่นอนว่าคงจะต้องเป็นอย่างนั้น ข้อสองก็คือเขาต้องการมาดักรอแกร์รี่ มิลเลอร์เสียตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมทั้งมาสำรวจด้วยว่ามือปราบมารที่ปลอมตัวเข้ามาในผับนั้นนั่งอยู่บริเวณไหนรอบ ๆ ที่นั่งตรงหน้าเวทีบ้าง อันที่จริงมือปราบมารส่วนมากนั้นแฝงตัวเข้ามาในผับตั้งแต่ก่อนที่แฮร์รี่กับรอนจะมาถึงที่นี่แล้ว โดยพวกเขาทยอยกันเข้ามาเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่จนถึงเวลานี้แฮร์รี่กับรอนซึ่งติดต่อกับพวกเขาทางเหรียญแกลเลียนยังไม่ได้รับรายงานเลยว่าแกร์รี่ มิลเลอร์เข้ามาในผับแต่อย่างใด แฮร์รี่กับรอนซึ่งตอนนี้อยู่ในร่างของมักเกิ้ลสองคนเลือกที่นั่งบริเวณแถวหน้าติดหน้าเวทีซึ่งสายรายงานมาว่ามันติดกับที่นั่งประจำของแกร์รี่ มิลเลอร์ และเขามักจะมาถึงผับในเวลาใกล้จะเริ่มการแสดงหรืออีกประมาณยี่สิบนาทีนับจากนี้ และเมื่อแฮร์รี่ที่เพิ่งเดินมาถึงที่นั่งบริเวณด้านหน้าเวทีเหลือบไปมองที่นั่งซึ่งเขารู้มาว่าเป็นที่ ๆ มิลเลอร์มักจะมานั่งประจำเขาก็พบว่ามันถูกติดป้ายจองเอาไว้ ทั้งเขาและรอนเดินผ่านที่นั่งประจำของมิลเลอร์ไปและตัดสินใจนั่งลงที่บ็อกข้าง ๆ ติดกับที่นั่งของมิลเลอร์ที่ยังว่างเปล่า และทันทีที่เขาและรอนนั่งลงตรงนั้นก็มีบริกรเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสอง “รับอะไรดีครับ” เขาถามอย่างสุภาพแข่งกับเสียงเพลงที่ดังอยู่ แฮร์รี่หันไปมองเขา แน่นอนว่าบริกรคนนี้เห็นว่าทั้งรอนและแฮร์รี่ต่างถือขวดเบียร์อยู่ในมือ และคำถามนั้นทำให้แฮร์รี่รู้ดีว่าพวกเขาคงต้องสั่งอะไรเพิ่มเพื่อที่จะสามารถนั่งที่พิเศษหน้าเวทีการแสดงได้ เมื่อรู้เช่นนั้นแฮร์รี่จึงเลือกสั่งไวน์ที่มีราคาค่อนข้างสูงออกไป แต่ก่อนที่บริกรคนนั้นจะเดินไปจัดออเดอร์ของเขามาให้ แฮร์รี่ก็รั้งตัวเขาไว้ก่อน “โทษนะครับ โชว์จะเริ่มเมื่อไหร่” แฮร์รี่ในร่างมักเกิ้ลถาม บริกรคนดังกล่าวเหลือบดูนาฬิกาของตัวเองก่อนจะตอบออกมา “โชว์จะเริ่มสี่ทุ่มครึ่ง อีกประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงครับ สาว ๆ กำลังเตรียมตัวอยู่น่ะครับ” บริกรคนดังกล่าวตอบอย่างสุภาพกลางมองไปยังทางเดินที่ทอดตัวยาวอยู่ทางซ้ายมือด้านหลังเวที เห็นได้ชัดว่าห้องแต่งตัวนักแสดงคงจะอยู่ทางนั้น “อ้อ งั้นผมไปเข้าห้องน้ำก่อนคงทันสินะ” แฮร์รี่ถามขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับเขาเป็นนักท่องราตรีธรรมดาที่กลัวว่าจะกลับมาไม่ทันโชว์อันเป็นไฮไลท์ของร้าน บริกรยิ้มให้เขา “แน่นอนครับ ห้องน้ำผู้ชายอยู่ทางนั้นครับ” เขาชี้ไปยังประตูซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเวทีไม่ไกลจากทางเดินมืดมิดที่น่าจะนำไปสู่หลังร้านซึ่งคงเป็นที่ตั้งของห้องแต่งตัวนักแสดงก่อนจะขอตัวไปจัดเตรียมออเดอร์ที่แฮร์รี่สั่ง หลังจากบริกรคนดังกล่าวเดินจากไปแล้ว รอนในคราบมักเกิ้ลผิวสีก็หันมาพูดกับแฮร์รี่ “นายทำอะไรน่ะ ฉันว่านายคงไม่อยากจะไปห้องน้ำเอาตอนนี้จริง ๆ ใช่ไหม” รอนพูดอย่างรู้ทัน แฮร์รี่ส่ายหน้าน้อย ๆ “ไม่ล่ะ แต่ฉันอยากจะไปสืบอะไรสักหน่อย” ชายหนุ่มกล่าว “แต่นี่มันใกล้เวลาที่ไอ้สวะนั่นจะมาปรากฎตัวแล้วนะ” รอนกระซิบกับเพื่อนรักท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังแสบแก้วหู แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้แฮร์รี่เปลี่ยนใจได้ เพราะแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะไปตรวจตราดูก็คือทางเดินที่น่าจะนำไปสู่บริเวณหลังร้านแห่งนี้ และที่เขาต้องการจะทำเช่นนั้นเป็นเพราะว่าแฮร์รี่ต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าผับแห่งนี้มีทางเข้าออกกี่ทางกันแน่ เพราะแม้ว่าชายหนุ่มจะได้ดูความทรงจำของมือปราบมารที่เข้ามาสำรวจสถานที่แห่งนี้ก่อนวันลงมือจริงแล้วก็ตาม แต่การได้ไปดูด้วยตัวเองนั้นย่อมทำให้เขามั่นใจมากขึ้นเป็นแน่ “ฉันแค่อยากจะไปดูทางหนีที่ไล่ตรงหลังร้านเท่านั้น เผื่อว่าไอ้หมอนั่นมันจะใช้หนีขึ้นมาไงล่ะ จิม” เขากระซิบกับเพื่อนรัก รอนมีสีหน้าเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย “แต่นี่มันใกล้ถึงเวลาแล้วนะ” ชายหนุ่มผมแดงในร่างมักเกิ้ลผิวสีท้วงขึ้น แฮร์รี่รู้ดีว่าคำว่า ‘ ใกล้ถึงเวลา ’ ของรอนนั้นหมายถึงเวลาที่แกร์รี่มิลเลอร์มักจะมาปรากฎตัวที่ผับแห่งนี้ หากแต่เหตุผลที่ว่านั้นก็ดูจะฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่นักเมื่อแฮร์รี่ก้มลงดูนาฬิกาที่ตัวเองใส่อยู่และพบว่ามันบอกเวลาสี่ทุ่มแปดนาที และจากข้อมูลที่เขาได้มาแกร์รี่ มิลเลอร์มักจะปรากฏตัวที่ผับแห่งนี้เวลาสี่ทุ่มยี่สิบถึงสี่ทุ่มยี่สิบห้า ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่การแสดงจะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ดังนั้นแฮร์รี่คิดว่าเขามีเวลาเพียงพอที่จะไปสำรวจหลังร้านอย่างรีบเร่งและกลับมาให้ทันเวลาที่มิลเลอร์มาถึงที่นี่ “และอีกอย่างถ้ามีใครเห็นนายเข้า…..” รอนเตือนขณะที่แฮร์รี่มีท่าทีครุ่นคิด หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่เปลี่ยนใจแต่อย่างใด เขารู้ดีว่ามันเสี่ยงไม่น้อยที่เขาจะเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อสำรวจสถานที่ในเวลานี้ หากแต่เขาไม่มีทางเลือก เพราะเขาจะไม่ยอมให้แกร์รี่ มิลเลอร์มีโอกาสหนีรอดไปได้อีกเป็นครั้งที่สอง และเมื่อนึกถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็รู้สึกขอบคุณรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูราวกับนักร้องเพลงร็อคของเขาในตอนนี้อยู่ไม่น้อย เพราะมันคงช่วยทำให้เขาดูน่าสงสัยน้อยลงถ้าหากเขาเดินไปหลังร้านและปะปนกับนักดนตรีคนอื่น ๆ ที่มาร้องเพลงที่นี่ในค่ำคืนนี้ “ฉันไปเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ฝากทางนี้ด้วยล่ะ” แฮร์รี่พูดก่อนที่ร่างผอมสูงของเขาในคราบมักเกิ้ลจะลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินอ้อมเวทีไปทางหลังร้าน ....................................................................... หลังจากที่แฮร์รี่ลุกจากที่นั่งของเขาเพื่อเดินไปสำรวจหลังร้านอันเป็นที่ตั้งของห้องแต่งตัวนักแสดงได้ไม่นาน แกร์รี่ มิลเลอร์ก็มาถึงหน้าร้าน Night Song พอดี แม้ว่าครั้งนี้ชายหนุ่มจะมาปรากฏตัวเร็วกว่าเวลาที่เขามักจะมาถึงร้านตามปรกติก็ตาม แต่การมาของเขาก็ไม่อาจจะเล็ดลอดสายตาของแม้ด-อาย มู้ดดี้ที่กำลังสวมผ้าคลุมล่องหนและเฝ้าจับตาดูด้านหน้าของร้าน Night Song มาจากถนนฝั่งตรงข้ามได้เลย ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ตอนนี้แต่งตัวราวกับมักเกิ้ลที่มาท่องราตรีในคืนวันศุกร์ตามปรกติก้าวยาว ๆ ผ่านฝูงชนอย่างรีบเร่งเพื่อไปให้ถึงร้าน Night Song ที่เขามักจะมาประจำในคืนวันศุกร์ หากแต่วัตถุประสงค์ในการมาที่นี่ของเขาในครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง เพราะในครั้งนี้เขาดูรีบเร่งและระวังตัวมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และในขณะที่มิลเลอร์ซึ่งกำลังต่อแถวเพื่อเข้าไปในร้านอยู่กำลังจะก้าวเท้าผ่านเข้าธรณีประตูมาในร้านที่มีมือปราบมารรอคอยเขาอยู่แล้วนั้น จู่ ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้าขึ้นทันที! จู่ ๆ แกร์รี่ก็หยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตูร้านจนคนข้างหลังเขาเสียหลักชนแผ่นหลังของร่างสูงนั้นเข้าไปเต็ม ๆ แต่เขากลับไม่สนใจเสียงสบถด้วยความไม่พอใจจากมักเกิ้ลที่เพิ่งชนหลังเขาเมื่อชายหนุ่มเดินถอยห่างออกมาจากประตู เขากล่าวคำขอโทษมักเกิ้ลคนที่มาชนเขาเพราะเขาหยุดกะทันหันอย่างลวก ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและทำท่าทางเหมือนกำลังโทรศัพท์ได้อย่างแนบเนียน หากแต่แท้ที่จริงแล้วที่ชายหนุ่มทำท่าราวกับยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยนั้นก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจว่าเขากำลังโทรหาใครสักคนจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขากำลังมองสำรวจโดยรอบ ๆ ร้านอยู่ว่ามีใครที่น่าสงสัยดักซุ่มอยู่ทั้งในและนอกร้านหรือไม่ และที่เขาทำเช่นนั้นก็เป็นเพราะเขารู้ดีกว่าในร้านมีพ่อมดอยู่! และไม่ใช่เพียงจำนวนไม่กี่คนด้วย แต่ในร้านนั้นมีพ่อมดแม่มดอยู่นับสิบคน ซึ่งมันแทบจะเป็นไม่ได้เลยที่ไนซ์คลับของมักเกิ้ลที่ปรกติแทบจะไม่มีพ่อมดหรือแม่มดย่างกรายเข้ามาเลยนอกจากเขาเกิดจะได้รับความนิยมในหมู่พ่อมดแม่มดขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาเพิ่งไปลอบสังหารแฮร์รี่ พอตเตอร์มาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้เท่านั้น! และสิ่งที่ทำให้แกร์รี่รู้ว่าในร้านนั้นมีพ่อมดหรือแม่มดอยู่ แถมเขายังรู้จำนวนคร่าว ๆ ของพวกมันด้วยนั้นเป็นเพราะแกร์รี่มีวัตถุเวทย์มนต์ที่หายากพกติดตัวอยู่ชิ้นหนึ่ง วัตถุเวทย์มนต์นี้จะเตือนเขาทันทีที่สถานที่ที่เขากำลังจะเข้าไปมีพ่อมดหรือแม่มดแฝงตัวอยู่ และจากความร้อนที่วัตถุชิ้นนี้เปล่งออกมาทำให้แกร์รี่รู้ว่าภายในร้าน Night Song ที่ปกติแทบจะไม่มีพ่อมดแม่มดแวะเวียนมาเลยนอกจากเขานั้นมีพ่อมดแม่มดแฝงตัวอยู่นับสิบราย และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปในร้านอย่างที่เขาทำเมื่อครู่ ตรงกันข้ามเขากลับเดินถอยออกมาและแสร้งทำท่าเหมือนกำลังโทรศัพท์เพื่อลอบสังเกตรอบ ๆ ตัวของเขารวมถึงถนนฝั่งตรงข้ามด้วยว่ามีคนน่าสงสัยจับตาดูเขาอยู่หรือเปล่า และหลังจากแสร้งเป็นคุยโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง แกร์รี่ก็พบว่าเขาไม่สามารถระบุได้ว่ามีใครที่กำลังจับตาดูเขาอยู่จากภายนอกร้านในตอนนี้ บางทีพวกนั้นอาจจะใส่ผ้าคลุมล่องหนอยู่ก็เป็นได้ เขาคิดก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แน่นอนว่าเขาเข้าไปในร้านไม่ได้ เพราะมันเปรียบเสมือนการเดินเข้าไปหากับดักสำหรับเขา แต่เขาก็มีธุระสำคัญที่จะต้องไปทำก่อนที่เขาจะหลบไปกบดานสักพักหนึ่งในขณะที่กระทรวงกำลังตามล่าตัวเขาอยู่แบบนี้ และถ้าเขาดึงดันจะไปทำธุระที่ว่านั่นให้เสร็จมันก็เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสให้มือปราบมารที่อาจจะแฝงตัวอยู่ในร้านในตอนนี้จับตัวเขาได้! รวดเร็วเท่าความคิดและโดยปราศจากการใตร่ตรองให้ดีเสียก่อน แกร์รี่ มิลเลอร์ตัดสินใจเดินหลบจากหน้าร้าน Night Song ชายหนุ่มเหลียวมองรอบกายอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเลี้ยวเข้าตรอกเล็ก ๆ ข้างร้านและหายลับเข้าไปในตรอกนั้น! แม้ด-อาย มู้ดดี้มองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงถนนฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าราวกับเขาเพิ่งเห็นว่าปลาที่เขาเฝ้ารอให้มาติดกับนั้นไม่ยอมกินเหยื่อตรงหน้าเสียดื้อ ๆ หากแต่ทันทีที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของแกร์รี่ มิลเลอร์นั้นผิดไปจากแผนที่พวกเขาวางเอาไว้ มือปราบมารอาวุโสก็รีบหยิบเหรียญแกลเลียนในมือมาใช้ส่งข้อความบอกแฮร์รี่ รอน รวมทั้งมือปราบมารที่อยู่ในร้านที่เหลือให้ทราบทันทีว่าบัดนี้แกร์รี่ มิลเลอร์ไหวตัวทันเสียแล้ว! ในวินาทีต่อมา แฮร์รี่และมือปราบมารที่เหลือก็รู้ร้อนวาบที่กระเป๋า แต่ละคนล้วนหยิบเหรียญแกลเลียนของตนเองขึ้นมาดูซึ่งในสายตาของมักเกิ้ลทั่วไปเหรียญแกลเลียนเหล่านั้นจะมีรูปร่างเหมือนเหรียญเพนนธรรมดา ๆ และสาเหตุที่เหล่ามือปราบมารไม่ได้นำเทคโนโลยีของมักเกิ้ลมาใช้ในการสื่อสารก็เนื่องจากว่า ไม่ใช่ว่ามือปราบมารทุกคนจะสามารถใช้เทคโนโลยีของมักเกิ้ลเช่นการส่งข้อความเป็น อีกทั้งวิธีการของมักเกิ้ลนั้นยังมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่มันสามารถถูกดักขโมยข้อมูลได้ง่าย แฮร์รี่ในร่างของมักเกิ้ลอ่านข้อความที่ปรากฎบนเหรียญแกลเลียนด้วยท่าทีเคร่งเครียด ข้อความที่บอกว่าไอ้สารเลวมิลเลอร์มันไหวตัวทันและหลบหนีไปได้ก่อนที่มันจะก้าวเท้าเข้ามาในร้านด้วยซ้ำ! และในขณะที่แฮร์รี่ที่บัดนี้ยังไม่ได้เริ่มสำรวจทางเดินที่นำไปสู่ด้านหลังร้านเลยกำลังจะเดินออกไปสมทบกับมือปราบมารคนอื่น ๆ นอกร้านตามคำสั่งของมู้ดดี้เพื่อไล่ล่ามิลเลอร์อยู่นั้น สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับร่าง ๆ หนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูห้อง ๆ หนึ่งบริเวณทางเดินที่มืดมิดแห่งนี้ ร่างเพรียวบางนั้นมีผมสีน้ำตาลหยักศกยาวเกือบถึงกลางหลัง มันเป็นผมทรงเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่ผิดเพี้ยน! และเมื่อเห็นเช่นนั้น โดยไม่ต้องเสียเวลามานึกสงสัยว่าผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนั้น แฮร์รี่ในร่างมักเกิ้ลนักท่องราตรีก็รีบรุดหน้าตามร่างที่แสนจะคุ้นเคยร่างนั้นไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะต้องออกไปสมทบมือปราบมารคนอื่น ๆ ด้านนอกร้านเพื่อจับกุมแกร์รี่ มิลเลอร์ก่อนที่เขาจะสามารถหนีออกไปนอกเขตป้องกันการหายตัวได้! ขณะที่แฮร์รี่พยายามเร่งฝีเท้าเพื่อก้าวให้ทันร่างดังกล่าวที่กำลังเดินเข้าไปตามทางเดินที่มืดมิดอยู่นั้น ปากของเขาก็ร้องเรียกชื่อเธอแข่งกับเสียงเพลงที่ดังแสบแก้วหู “เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่เรียกชื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักออกมาพร้อมกับที่เขาก้าวทันร่าง ๆ นั้นพอดี มือของเขารั้งแขนของเธอไว้ “เฮอร์…….” ชายหนุ่มชะงักไปเมื่อร่างนั้นหันกลับมาหาเขา แน่นอนว่าหล่อนไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นที่รักของเขา หล่อนน่าจะเป็นนักเต้นของที่นี่ถ้าดูจากการแต่งตัวแล้ว หากแต่ทรงผมหยักศกสีน้ำตาลของผู้หญิงคนนี้ช่างเหมือนกับเฮอร์ไมโอนี่ไม่ผิดเพี้ยนเลย นักเต้นสาวคนนั้นหันกลับมามองเขาด้วยแววตารำคาญระคนประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะพูดออกมา “ฉันเหมือนผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนี้เชียวเหรอ” ....................................................................... แฮร์รี่ที่กำลังเอ่ยปากขอโทษผู้หญิงคนดังกล่าวกระพริบตาด้วยความงุนงง “คุณว่าอะไรนะ!” เขาถามอย่างร้อนรน ขณะที่ผู้หญิงตรงหน้าเขากอดอกพลางมองเขาอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันก็พูดว่าฉันเหมือนผู้หญิงนั้นมากนักหรือไง คุณเรียกฉันว่า ‘ เฮอร์ไมโอนี่ ’ ไม่ใช่หรือ” โซฟีผู้เป็นนักเต้นที่มัลฟอยเคยซื้อตัวในครั้งที่เขาไปเที่ยวสถานบันเทิงของมักเกิ้ลอีกแห่งก่อนหน้านี้พูดขึ้นมา มีแววสงสัยกึ่งตกใจฉายอยู่ในดวงตาสีฟ้าของแฮร์รี่ในร่างมักเกิ้ลก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจลากร่างเล็กของโซฟีเข้าไปยังประตูที่อยู่ใกล้ที่สุดซึ่งเขาพบว่ามันเป็นเก็บของของคลับแห่งนี้ เพราะในห้องมีชั้นเก็บของและเครื่องดนตรีรวมถึงของอื่น ๆ ที่ดูเหมือนไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้ววางอยู่ เมื่อเห็นว่าห้องทั้งห้องนี้ปราศจากผู้คน แฮร์รี่จึงลากโซฟีเข้าไปในห้องพลางใช้มือปิดปากเธอไว้ และเมื่อแน่ใจว่าทั้งสองเข้ามาอยู่ในห้องโดยไม่มีใครเห็นเรียบร้อยแล้ว แฮร์รี่จึงล็อกประตูห้อง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ชักไม้กายสิทธิ์ออกมาเพื่อร่ายคาถากันรบกวนขึ้น เนื่องจากชายหนุ่มเห็นว่าเขาบังเอิญโชคดีที่พาหล่อนเข้ามาในห้องที่ไม่น่าจะมีใครเข้ามารบกวนในตอนนี้ประกอบกับเขาไม่อยากจะเสียเวลามาร่ายคาถาแปลงความทรงจำใส่ผู้หญิงคนนี้เขาสอบถามหล่อนเสร็จแล้ว แต่ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็คิดว่าเขาคงจะต้องใช้เวทย์มนต์อย่างช่วยไม่ได้หากผู้หญิงคนนี้ไม่ให้ความร่วมมือในการตอบคำถามของเขาออกมา! โซฟีมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงุนงงระคนตกใจก่อนจะร้องขึ้นมา “นี่มันอะไรกัน! ใครก็ได้ช่วย….!” โซฟีทำท่าจะร้องแต่แฮร์รี่ก็พุ่งเข้ามาปิดปากเธอไว้ก่อน! “ผมจะไม่ทำร้ายคุณ ผมสัญญา ผมแค่มีอะไรจะถามคุณเท่านั้น หลังจากถามเสร็จแล้วผมจะปล่อยคุณไป เข้าใจไหม” เขาจ้องลึกเข้าไปในแววตาสีฟ้าของหญิงสาว และเมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาจึงคลายมือที่ปิดปากเธอออก “คุณรู้จักชื่อ ‘ เฮอร์ไมโอนี่ ’ ได้ยังไง และใครที่คิดว่าคุณเหมือนเฮอร์ไมโอนี่นอกจากผม” แฮร์รี่ถามอย่างหนักแน่นก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า โซฟีมีท่าทีหวาดหวั่นก่อนจะตอบออกมา “ถ้าคุณหมายถึงเจ้าสาวที่หายตัวไปก่อนวันงานแต่งงานล่ะก็ ฉันรู้จักชื่อเธอมาจากหนังสือพิมพ์และข่าวในอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ” หล่อนตอบ หลังจากวันที่เดรโก มัลฟอยซื้อตัวหล่อนไปเพื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เขาพกรูปไว้ในกระเป๋าสตางค์แล้วนั้น โซฟีผู้รู้สึกติดใจในตัวชายหนุ่มอยู่ไม่น้อยก็ลงแรงไปค้นหาข้อมูลของเจ้าสาวที่เคยลงข่าวหน้าหนึ่งว่าหายตัวไปก่อนพิธีแต่งงาน และหล่อนก็ได้ทราบว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ แต่ทั้งข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์และข่าวในอินเตอร์เน็ตต่างไม่ได้บอกว่าเจ้าบ่าวของผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร โซฟีเลยไม่สามารถดับความอยากรู้ของหล่อนได้ว่า ตกลงว่าที่เจ้าบ่าวของผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์นั้นคือ เดรโก มัลฟอยที่เคยมาซื้อตัวหล่อนในค่ำคืนนั้นหรือเปล่า “แล้วใครที่คิดว่าคุณเหมือนผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่” เสียงของชายหนุ่มดึงโซฟีให้กลับมาจากภวังค์ “ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใคร แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคู่หมั้นของผู้หญิงคนนั้น” หล่อนตอบ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอมีท่าทีแปลกใจกับคำตอบนั้นเป็นอย่างมาก “คู่หมั้น……คู่หมั้นของผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มพึมพำด้วยความแปลกใจก่อนจะถามต่อ “เขาเป็นใคร……เขา…….เขาหน้าตาเป็นอย่างไร” แฮร์รี่ถามด้วยความสงสัยระคนร้อนใจ เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายที่บอกว่านักเต้นคนนี้เหมือนกับเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นคู่หมั้นของเธอ เพราะว่าแฮร์รี่ที่เป็นคู่หมั้นและว่าที่เจ้าบ่าวของเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยพบผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลยสักครั้งในชีวิตจนกระทั่งเขามาสะดุดตากับรูปร่างด้านหลังของหล่อนที่คล้ายคลึงเฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างมากในวันนี้ แต่เมื่อโซฟีบรรยายลักษณะของคนที่หล่อนคิดว่าเป็นคู่หมั้นของผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ให้เขาฟังแล้วนั้น แฮร์รี่ก็รู้ทันทีว่าคน ๆ นั้นคือใคร “เขารูปร่างสูง ผิวซีด ผมสีบลอนด์ ท่าทางถือตัว ดูเหมือนมาจากตระกูลผู้ดี” โซฟีบรรยาย ขณะที่แฮร์รี่รู้สึกว่าเลือดในกายของเขาแทบจะจับแข็งขึ้นมาในทันที! “เขาชื่อ….” ไม่ทันที่นักเต้นคนดังกล่าวจะพูดจบ แฮร์รี่ก็พูดขึ้นก่อน “เดรโก มัลฟอยใช่ไหม” ชายหนุ่มกล่าว ขณะที่โซฟีพยักหน้า “ใช่ เขานั่นแหละ คุณรู้จักเขาด้วยงั้นหรือ” หญิงสาวถาม แต่ชายหนุ่มไม่ตอบ เขารู้สึกสับสนราวกับมีพายุพัดกระหน่ำอยู่ในหัวเนื่องจากข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา แต่ในขณะเดียวกันแฮร์รี่ก็รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่เขากลัวมากกว่าอะไรทั้งหมดนั้นเริ่มจะเป็นจริงมากขึ้นทุกทีเสียแล้ว! ....................................................................... แฮร์รี่มองสาวนักเต้นผู้ซึ่งเขามั่นใจว่าจะต้องเป็นมักเกิ้ลอย่างแน่นอนด้วยสายตาที่ดูตกใจระคนประหลาดใจอย่างที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องใดที่ทำให้เขาประหลาดใจได้มากกว่ากันระหว่างการที่มักเกิ้ลสาวคนนี้รู้จักพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ที่รังเกียจมักเกิ้ลอย่างกับอะไรดีอย่างเดรโก มัลฟอย หรือการที่หล่อนคิดว่ามัลฟอยเป็นคู่หมั้นของเฮอร์ไมโอนี่ทั้ง ๆ ที่คู่หมั้นตัวจริงของหญิงสาวนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนในขณะนี้! แฮร์รี่กลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากก่อนที่เขาจะถามนักเต้นสาวตรงหน้าต่อ “ทำไมคุณคิดว่า มัลฟอย…..เป็นคู่หมั้นของเฮอร์ไมโอนี่” คู่หมั้นที่แท้จริงของหญิงสาวเอ่ยปากถามขึ้นมา โซฟีมองเขาอย่างไม่แน่ใจว่าหล่อนควรจะตอบคำถามนี้ออกไปหรือไม่ หากแต่สายตาที่ดูร้อนรนจนเกือบจะเรียกได้ว่าร้องขอของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้หล่อนยอมตอบคำถามของเขาออกมาอย่างเสียไม่ได้ “ที่จริงฉันก็แค่เดาเอาน่ะ” โซฟีพูด “ผู้ชายคนนั้น เดรโก มัลฟอย เคยมาเป็นลูกค้าฉันเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วฉันก็เห็นรูปผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่นั่นอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเขา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูอะไรหรอกนะ” เธอเอ่ยอย่างปกป้องตัวเอง “มันหล่นออกมาพอดี แล้วฉันก็จำได้ว่าหล่อนเป็นเจ้าสาวที่เคยออกข่าวว่าหายตัวไปก่อนงานแต่งงานใช่ไหม” โซฟีเลือกที่จะไม่เล่ารายละเอียดที่ว่าเดรโก มัลฟอยอาจจะซื้อตัวเธอเพื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่อะไรนั่นด้วยเหตุผลบางประการ อันที่จริงโซฟีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ยอมเสียเวลามาตอบคำถามของผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอมีโชว์ที่จะเริ่มในอีกไม่ถึงสิบห้านาทีข้างหน้านี่แล้ว “เขา…..มัลฟอย เขาพกรูปเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างนั้นหรือ” แฮร์รี่ในร่างมักเกิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาเสียเท่าไหร่นัก เพราะมันจะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่าที่คนที่รังเกียจพวกมักเกิ้ลและเลือดสีโคลนอย่างกับอะไรดีอย่างมัลฟอยจะพกรูปเลือดสีโคลนที่เขารังเกียจอย่างเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในกระเป๋าสตางค์แบบที่นักเต้นคนนี้บอก อันที่จริงคนที่ควรจะพกรูปของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ควรจะเป็นเขามากกว่าไม่ใช่หรือ ผู้ชายที่พกรูปของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ควรจะเป็นคู่หมั้นและว่าที่สามีของเธอ และคนที่รักเธอมากกว่าใครอย่างเขามากกว่า ! จู่ ๆ แฮร์รี่ก็ชะงักกับความคิดนั้นของตัวเอง อันที่จริงมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สามารถอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด และสามารถตอบคำถามว่าทำไมมัลฟอยถึงลักพาตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปก่อนวันแต่งงานของเขาและเธอ ทำไมเขาถึงส่งคนมาฆ่าแฮร์รี่หลังจากนั้น ทำไมเขาถึงได้พกรูปของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในกระเป๋าสตางค์รวมถึงทำไมคนอย่าง เดรโก มัลฟอยถึงได้มาเป็นลูกค้าของผู้หญิงที่เมื่อดูจากข้างหลังแล้วเหมือนเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่มีผิดเพี้ยนแบบนี้! และทำไมการกระทำของเขาถึงได้ทำให้นักเต้นคนนี้คิดว่ามัลฟอยเป็นคู่หมั้นของเฮอร์ไมโอนี่แบบนี้! นั่นก็เป็นเพราะเดรโก มัลฟอยหลงรักเฮอร์ไมโอนี่! มีเพียงเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แม้ว่ามันจะดูเป็นไปไม่ได้มากเพียงใดก็ตาม! หลังจากที่ได้ข้อสรุปซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้ไม่นานนัก แฮร์รี่ก็รีบลบความเป็นไปได้ในข้อนี้ทิ้งไปเสีย เพราะชายหนุ่มไม่เชื่อ ไม่สิ เพราะเขารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนอย่างเดรโก มัลฟอยจะมาหลงรักเลือดสีโคลนที่เป็นศัตรูกับเขาอย่างเฮอร์ไมโอนี่ มันไม่มีทางเป็นไปได้ มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดอย่างแน่นอน ชายหนุ่มผมดำคิดเช่นนั้น หากแต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้นั้นกลับเกิดขึ้นแล้วและมันก็เป็นสาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้อีกด้วย! “คุณแน่ใจหรือว่ามัลฟอยพกรูปของผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้” แฮร์รี่ถามขึ้นอีกครั้ง โซฟีมีท่าทีรำคาญใจ “อันที่จริงฉันไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องตอบคำถามคุณเลยนะ อีกอย่างฉันจะต้องไปเตรียมตัวขึ้นโชว์แล้ว” หล่อนพูดก่อนจะเบี่ยงตัวหลบร่างสูงของแฮร์รี่เพื่อเดินออกจากห้อง แต่ชายหนุ่มรีบรั้งตัวเธอไว้ก่อน “เดี๋ยว ได้โปรด ตอบคำถามของผมก่อน แค่คำถามนี้เท่านั้น” เขารีบพูด “ฉันไม่มีเวลามาตอบคำถามอะไรอีกทั้งนั้น ฉันมีงานจะต้องทำนะ และเวลาของฉันก็เป็นเงินเป็นทองด้วย” โซฟีจงใจพูด อันที่จริงหล่อนก็ไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มท่าทางประหลาดคนนี้จะยอมควักกระเป๋าเพื่อซื้อเวลาของหล่อนไปอีกหน่อยหรือเปล่านะ หากแต่มันก็ไม่เสียหายที่จะลอง และเมื่อหล่อนพูดออกไปเช่นนั้น แฮร์รี่ที่เข้าใจดีว่าหญิงสาวหมายความว่าอย่างไรก็รีบล้วงกระเป๋าสตางค์ของเขาออกมาจากกางเกงหนังรัดติ้ว เขายื่นแบงค์ร้อยปอนด์ให้เธอไปอย่างไม่นึกเสียดาย โซฟีรับมันมาและรีบพับเก็บเข้าไว้ในเสื้อตัวจิ๋วที่หล่อนใส่อยู่ หล่อนเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า “ฉันตอบคำถามข้อนี้ของคุณไม่ได้หรอก” หล่อนพูด และเมื่อเห็นท่าทีประท้วงของชายหนุ่มตรงหน้าหล่อนก็รีบพูดต่อ “แต่ฉันเอาหลักฐานให้คุณดูได้ ฉันบังเอิญเก็บรูปพวกนั้นไว้” “คุณหมายถึง….” ยังไม่ทันที่แฮร์รี่จะพูดจนจบ โซฟีก็พูดขึ้น “รูปที่ฉันบอกว่ามันหล่นจากกระเป๋าสตางค์ของผู้ชายคนนั้นไง ฉันเก็บมันได้และฉันเอามันให้คุณดูได้ถ้าคุณต้องการ” แฮร์รี่รีบพยักหน้า “แน่นอน ผมต้องการดูรูปพวกนั้น” “งั้นก็ตามฉันมา” นักเต้นสาวพูดก่อนจะเดินนำชายหนุ่มผู้แต่งตัวราวกับนักร้องเพลงร็อคออกไปจากห้องเพื่อมุ่งไปยังห้องแต่งตัวที่หล่อนเก็บกระเป๋าถือซึ่งมีรูปที่หล่อนได้มาจากกระเป๋าสตางค์ของเดรโก มัลฟอยเก็บเอาไว้! ....................................................................... “ฉันเก็บมันไว้ในกระเป๋าในห้องแต่งตัวน่ะ” โซฟีพูดพลางเดินนำแฮร์รี่ออกมาจากเก็บของ หญิงสาวอยากจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็วเพราะหล่อนรู้ดีว่าโชว์ที่หล่อนจะต้องร่วมแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นในเวลาอีกไม่เกินสิบนาทีเท่านั้น หากแต่การเอารูปของเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ที่เดรโก มัลฟอยเก็บไว้ให้ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ดูหรือแม้กระทั่งยกรูปเหล่านั้นให้เขาก็ตามมันก็คุ้มค่ากับเงินร้อยปอนด์ที่หล่อนได้มาจากชายคนนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว หลังจากที่ทั้งสองเดินผ่านผู้คนที่เดินคลาคล่ำตามบริเวณทางเดินหลังร้านมาแล้วนั้น โซฟีก็หยุดที่ประตูบานหนึ่ง หญิงสาวยกมือจับลูกบิด แต่หล่อนกลับพบว่ามันล็อกอยู่ นักเต้นสาวมีท่าทีแปลกใจก่อนจะเคาะลงบนประตูบานนั้นอย่างรีบร้อน หากแต่เมื่อหญิงสาวทำเช่นนั้นแล้ว ปรากฏว่ากลับไม่มีเสียงใดดังขึ้นจากการเคาะประตูนั้นของหล่อนอย่างที่มันควรจะเป็นเลย เสียง ‘ ก็อก ๆ ’ ที่ควรจะดังขึ้นเมื่อข้อนิ้วของหล่อนกระทบเข้ากับบานประตูนั้นกลับเงียบหายไป และเมื่อเห็นเช่นนั้น แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ว่าเสียงที่มันควรจะดังขึ้นจากการเคาะประตูนั้นถูกกลบไปด้วยเสียงดังแสบแก้วหูจากในร้านก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้แฮร์รี่พอจะแน่ใจว่าการที่มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้เป็นเพราะเสียงรอบกายของทั้งสองที่ดังจนกลบเสียงเคาะประตูดังกล่าว หากแต่เป็นเพราะประตูบานนี้ถูกร่ายคาถากันรบกวนเอาไว้ แต่จะมีใครกันล่ะที่จะสามารถร่ายคาถากันรบกวนในผับของมักเกิ้ลได้นอกจากเขา รอนและเหล่ามือปราบมารที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ที่นี่เพื่อจับกุมแกร์รี่ มิลเลอร์ ซึ่งในตอนนี้แฮร์รี่แน่ใจว่ามือปราบมารคนอื่น ๆ คงไปสมทบกับแม้ด-อายที่ด้านนอกผับเพื่อตามล่าตัวมิลเลอร์แล้วเป็นแน่ ส่วนรอนก็คงจะอยู่ที่ ๆ นั่งหน้าเวทีการแสดงตามคำสั่งของแม้ด-อายเพื่อคอยดูลาดเลาและเพื่อกันมิลเลอร์ใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำและย้อนกลับเข้ามาในร้านอีก และถ้าหากคนที่ใช้เวทย์มนต์เพื่อล็อกห้อง ๆ นี้ไม่ใช่เขา รอน และมือปราบมารที่เหลือคนอื่น ๆ ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถร่ายคาถานี้ได้ และเขาคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแกร์รี่ มิลเลอร์ ผู้เสพความตายที่แฮร์รี่รวมทั้งกระทรวงต้องการตัวมากที่สุดในตอนนี้! ไวเท่าความ แฮร์รี่ชักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากแจ็คเกตหนังของเขาโดยไม่สนใจว่าสาวนักเต้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จะเห็นมันหรือไม่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจร่ายคาถาเปิดประตูที่มีอานุภาพรุนแรงกว่า ‘ อาโลโฮโมร่า ’ หลายเท่าตัวนักออกมา! ทันทีที่แฮร์รี่ร่ายคาถาจบประตูตรงหน้าก็เปิดออกมันก็เป็นดังที่แฮร์รี่คาดการณ์เอาไว้ เพราะสิ่งที่เขาได้เห็นหลังจากที่ประตูเปิดออกก็คือร่างของผู้เสพความตายที่เขาเฝ้าตามหาตัวมาตลอดเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้! ผู้เสพความตายที่เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญในการเข้าถึงตัวเดรโก มัลฟอยที่ตอนนี้แฮร์รี่มั่นใจแล้วว่าอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของผู้หญิงที่เกือบจะได้มาเป็นภรรยาของเขารวมถึงเป็นเป็นหนทางเดียวที่เขาจะสามารถตามหาตัวเฮอร์ไมโอนี่ให้เจอได้! แกร์รี่ มิลเลอร์ยืนอยู่ใจกลางห้องและข้างกายของเขานั้นก็คือนักเต้นผมสีดำที่แฮร์รี่เคยเห็นรูปในแฟ้มที่แม้ด-อายเอามาให้เขาดูก่อนหน้านี้! *************************************************
Create Date : 18 มิถุนายน 2563
Last Update : 19 มิถุนายน 2563 3:14:59 น.
5 comments
Counter : 1698 Pageviews.
โดย: DramioneLover IP: 223.24.184.188 วันที่: 18 มิถุนายน 2563 เวลา:23:09:52 น.
โดย: piksi วันที่: 19 มิถุนายน 2563 เวลา:3:15:38 น.
โดย: Kara IP: 139.99.104.95 วันที่: 21 มิถุนายน 2563 เวลา:9:20:40 น.
โดย: Forrest IP: 139.99.104.95 วันที่: 21 มิถุนายน 2563 เวลา:15:43:47 น.
โดย: homesweet IP: 1.46.34.110 วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:19:25:21 น.
Location :
ปทุมธานี Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [? ]
สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ