ถ้าคุณสนใจการลงทุนแต่ยังไม่มีความรู้ความชำนาญหรือไม่มีเวลาในการติดตามข้อมูลการตลาด เรามีการลงทุนที่ไม่ให้ความสนใจราคาหลักทรัพย์ที่เลือกลงทุน ณ ตอนนั้นว่ามีราคาสูงหรือต่ำ เพราะเมื่อราคาสูงก็ซื้อได้จำนวนหน่วยน้อยและเมื่อราคาต่ำก็ซื้อได้จำนวนหน่วยมาก เป็นการลงทุนระยะยาวที่ใช้วิธีการเฉลี่ยต้นทุน ถึงแม้อาจจะไม่ได้กำไรสูงมาก แต่ก็ไม่ขาดทุน การลงทุนในรูปแบบนี้มีชื่อเรียกว่า การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า dca 

dca คืออะไร

dca ย่อมาจากคำว่า Dollar-Cost Averaging การลงทุนแบบ dca เป็นการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกงวด โดยไม่ให้ความสำคัญกับราคาหุ้นหรือราคากองทุนรวมที่ลงทุนในขณะที่ทำการซื้อ เนื่องจากต้นทุนในการซื้อแต่ละครั้งจะถัวเฉลี่ยกันและมีแนวโน้มได้กำไรเมื่อลงทุนในระยะยาว

dca เหมาะกับใครบ้าง

1. นักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีความชำนาญเรื่องการลงทุน

2. นักลงทุนที่ไม่มีเวลาดูข้อมูลหรือติดตามสภาพตลาด

3. นักลงทุนที่มีเงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก

4. นักลงทุนหรือผู้ออมเงินที่ต้องการสร้างวินัยในการลงทุนหรือการออม

ข้อดีของ dca

1. มีความสบายใจในการลงทุน เนื่องจากไม่ต้องสนใจการขึ้นลงของราคาทรัพย์สินลงทุน

2. สร้างวินัยในการลงทุนและการออม เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความต่อเนื่องและมีระยะเวลานาน ทำให้เราสามารถลงทุนและออมเงินได้ตามที่กำหนดไว้

3. ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก เนื่องจากเป็นการทยอยซื้อ

4. มีโอกาสได้ซื้อทรัพย์สินลงทุนในราคาที่ต่ำ ซึ่งหากลงทุนเป็นเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อทรัพย์สินลงทุนก็จะไม่มีเงินลงทุนเพื่อซื้อทรัพย์สินนั้นอีกเมื่อราคาทรัพย์สินนั้นต่ำลง

ข้อเสียของ dca

1. ให้ผลตอบแทนน้อยสำหรับนักลงทุนที่มีความชำนาญเรื่องการลงทุน

2. เสียโอกาสในการซื้อทรัพย์สินลงทุนเมื่อทรัพย์สินนั้นมีราคาลง เพราะต้องซื้อตามงวดการลงทุนซึ่งการซื้อครั้งต่อไปทรัพย์สินลงทุนอาจมีการปรับราคาขึ้น

3. ไม่ได้ราคาทรัพย์สินลงทุนที่ถูกเพราะการปรับราคาของทรัพย์สินที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การซื้อครั้งต่อ ๆ ไปซื้อทรัพย์สินนั้นในราคาที่สูงขึ้นไปด้วย

4. กรณีทรัพย์สินที่ซื้อมีการปรับราคาลงเรื่อย ๆ ทำให้ได้ทรัพย์สินนั้นในราคาที่แพงกว่า

เมื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้วเห็นว่า dca เป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง มาเริ่มต้นการลงทุนแบบ dca กันเลยค่ะ

ขั้นตอน การลงทุนแบบ dca

1. วางแผนการเงินมนุษย์เงินเดือนโดยกำหนดจำนวนเงินของการลงทุน ซึ่งต้องเป็นจำนวนที่เท่ากันทุกงวด รวมถึงพิจารณาความสามารถในระยะยาวในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น 5 ปี หรือ 10 ปี เป็นต้น 

2. กำหนดเวลาการลงทุน ซึ่งเงินลงทุนเราจะถูกหักบัญชีอัตโนมัติตามงวดของการลงทุน เช่น ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุก 3 เดือน เป็นต้น 

3. เลือกทรัพย์สินลงทุนที่ต้องการโดยพิจารณาจากการเติบโตของธุรกิจนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญ

Create Date : 12 มกราคม 2566
Last Update : 12 มกราคม 2566 23:15:47 น.		0 comments
Counter : 304 Pageviews.
Share Tweet