บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 ตุลาคม 2560
 
All Blogs
 
คอน 6 - ลุกซอร์ (Luxor) - อียิปต์



หลังจากเดินท่อม ๆ อยู่อัสวานซะ 3 วัน วันที่ 4 ถึงได้ไปอาบู ซิมเบล และหมู่วิหารฟิเลห์ สมใจแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เดินทางต่อ นั่งรถไฟนั่งชั้น 2 ไปลุกซอร์ (Luxor) (เรามักจะคุ้นกับคำว่า ลักซอร์ แต่คนอียิปต์พูดว่า ลุกซอร์ค่ะ)   ระยะทางรถไฟ 203 กม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. ถึงจุดหมายปลายทางราว ๆ เที่ยง 

รายการต่อไป คือ หาที่พัก มีที่พักใกล้สถานีรถไฟ ปรากฏว่าเต็มเพราะมีการประชุม  ก็ลากกระเป๋ากันต่อไป มีหนุ่มอียิปต์วัย 30 กว่า พร้อมมอเตอร์ไซด์ตามลุงมาติด ๆ ตั้งแต่ทีี่สถานีรถไฟ  อาสาจะพาไปดูที่พักให้  ..อะไรประมาณนี้ ....  ลุงก็ไม่เอ้า.. ไม่เอา จะหาเอง ... แล้วก็เดินลากกระเป๋ากันต่อไป จำได้ว่าเดินมาจนถึงตลาด ก็ไม่ไกลค่ะ ลุงให้ยืนรอตรง 3 แยก ลุงจะแยกไปทางขวา เจ้าหนุ่มคนนั้นก็บอกว่า ทางนั้นน่ะเป็นโรงแรมแพงนะ  จะพาไปอีกที่หนึ่งใกล้ ๆ ที่ไม่แพง .. ลุงก็คงยืนกราน .. ไม่เอ้า .. ไม่เอา แล้วก็เดินไปเอง  สักพักก็กลับมา บอกว่ามีโรงแรมหนึ่ง ดูดี เขาพาไปดูห้อง พอดีไฟดับ เห็นแต่ผ้าปูที่นอนสีขาว .. เวลาแบกเป้ มักจะคุยกันว่า ขอให้สะอาด และผ้าปูที่นอนสีขาว ก็เอาล่ะ  ... ก็เลยชวนไปดู จากแยกตลาดไปไม่ไกล ยังไม่ถึงโรงแรมเลย มองไปที่ที่ระเบียง เห็นผ้าปูที่นอนสีขาวที่ตากไว้ปลิวไสวอยู่ 


ขณะเดินไปโรงแรมหนุ่มกลางคนชาวอีิยิปต์ก็ยังตามเรามาติด ๆ ก็ทำเป็นไม่สนใจเขา  พอไปถึงก็หน้าแตก (สว. น่ะแตก)  กลายเป็นว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นเจ้าของโรงแรมซะเอง  ถ้าตามเขาไปแต่แรกก็ไม่ต้องเดินเสียเหงื่อตก .... Sherriff Hotel เป็นที่พักสำหรับพวกแบกเป้จริง ๆ ค่ะ .. ตอนนั้นราคาคืนละ 20 พาวด์ คือ 140 บาท ..ตั้งแต่เริ่มแบกเป้ ยังไม่เคยพักโรงแรมราคาเท่านี้มาก่อนเลย ห้องพักอยู่ชั้น 3 มี 3 เตียง ผ้าปูที่นอนสีขาว ความสะอาดก็ใช้ได้

  คนที่ตามเรามาตลอดทาง ถามว่าเอาอาหารเช้าไหม อาหารดีน่ะ เพิ่มอีก 10 พาวด์ 2 คน แล้วอาหารเช้า      สำหรับเราก็ดีค่ะ เพราะเป็นอาหารพื้นเมือง มีแผ่นแป้ง Pita bread กินกับถั่วเละ ๆ รสชาดใช้ได้ มีผักแกล้ม แล้วก็ชาร้อน ๆ  ทางโรงแรมมีทัวร์ไป Dead Valley ด้วย จริง ๆ ไม่รวมค่าเข้าชมเกือบ 2 พันบาท ก็เลยไม่ได้อุดหนุนโรงแรมที่เราพัก ... สำหรับลุงก็คือ หาทางไปเอง


Luxor (ลุกซอร์) ..เคยเป็นเมืองหลวงโบราณของทั้ง Upper และ Lower Egypt  ก่อตั้งขึ้นในช่วงของอาณาจักรใหม่ (ราชวงค์ที่ 18-20, 1539-1075 ก่อนคริสตกาล)  ณ บริเวณที่เรียกว่า Ta Ipet (หมายถึง the shrine .. แต่มักรู้จักในชื่อภาษากรีก ว่า Thebes)    นอกจากเป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณแล้ว ลุกซอร์ยังเป็นเมืองหลวงทางศาสนา ในเกือบทุกช่วงยุคสมัยของฟาโรห์  จะเห็นได้จากตัวเมืองลุกซอร์โบราณ คือ วิหารลุกซอร์ และวิหารคาร์นัคอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นอาณาบริเวณวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ลุกซอร์มักได้รับการกล่าวขานว่า เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งทีี่ใหญ่ที่สุดในโลก "world's greatest open-air museum" โดยมีอาณาบริเวณของทั้ง 2 วิหาร คือ วิหารลุกซอร์ และวิหารคาร์นัค ตั้งอยู่ท่ามกลางเมืองใหม่  และเพียงข้ามแม่น้ำไนล์ไปทางฝั่งตะวันตกที่อยู่ตรงข้าม ก็เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่สำคัญทางประวัติศาตร์  วิหาร และสุสานกษัตริย์ ซึ่งรวมถึง Valley of the Kings และ Valley of the Queens, วิหารพระนางฮัตเซปสุต หมู่บ้านคนงานที่ Deir El-Medina และอื่น ๆ อีกมาก  มีการประมาณการว่า อนุสรณ์สถานและโบราณวัตถุที่มีค่าและสำคัญของโลกทั้งหมด ราว 1 ใน 3 รวมกันอยู่ที่ลุกซอร์  ... ทำให้ลุกซอร์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของดาวเคราห์ดวงนี้ทีเดียว 

Luxor (ลุกซอร์) ณ ปัจจุบัน เป็นหลวงของเขตปกครองลุกซอร์ (Luxor Governorate) ตั้งอยู่ในเขต Upper Egypt  ห่างจากกรุงไคโร - เมืองหลวง ราว 670 กม.  ตัวเมืองแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ  คือ ตัวเมืองลุกซอร์ (City of Luxor) อยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำไนล์ , หมู่บ้านแห่งคาร์นัค (Villages of Karnak)  เลย ขี้นไปทางเหนือ 2 - 3 กม .และ Thebes ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ .... สามารถเดินเที่ยวในตัวเมืองได้อย่างสบาย ๆ



เรือข้ามฟากจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตกที่ริมแม่น้ำไนล์

แล้วเราก็เดินเที่ยวลุกซอร์กันเลยค่ะ เดินไปไม่นานก็มาถึงถนนเลียบแม่น้ำไนล์ มีเก้าอี้น้่ง ปลูกต้นไม้ร่มรื่น ... เลียบถนนอีกฝั่ง เป็นวิหารลุกซอร์ (Luxor Temple) มีรั้วเหล็กกั้น .. อย่างนี้อยู่ด้านนอกก็พอแล้วล่ะ




วิหารลุกซอร์ (Luxor Temple)  มีชื่อทางการว่า Ancient Thebes with its Necropolis  (เมืองโบราณทีบส์และสุสานของเมือง) เป็นกลุ่มวิหารอียิปต์โบราณ ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ และขนานไปกับแม่น้ำ  เกือบทัั้งหมดของวิหารลุกซอร์ สร้างราว 1380 - 1392 ปี ก่อนคริสตกาล โดยฟาโรห์ Amenhotep III แห่งราชวงค์ที่ 18  สิ่งก่อสร้างที่สำคัญ ๆ อื่น ๆ ดำเนินการต่อโดยฟาโรห์ที่มีชื่อเสียงหลายพระองค์ ตั้งแต่รามเสส II ถึง ตุตันคามุน (Tutankhamun)




ที่เด่นที่สุดที่ทำให้วิหารแห่งนี้ดูสมบูรณ์แบบสวยงาม เป็นฝืมือของรามเสส II  มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นบ้านหลังที่สอง เพื่อการพักผ่อนของเทพต่าง ๆ .. ทุก ๆ ปี ช่วง Opet festival  ซึ่งเป็นประเพณีอียิปต์โบราณ โดยมีจุดประสงค์หลักที่สำคัญ คือ การเกิดใหม่  และมักจะทำพิธีราชาภิเษกอีกครั้งของฟาโรห์ ... พิธี Opet นี้  มีการเฉลิมฉลองทุกปีที่ Thebes (Luxor) ตั้งแต่สมัยอาณาจักรใหม่ ต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน ... 




รูปปั้นของเทพ 3 องค์ของทีบส์  คือ เทพอามุน (Amun)  และครอบครัว คือ เทวีมัต (Mut) และบุตร- เทพคอนส์ (Khonsu)  จะถูกนำมาประทับภายในเรือศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ไม่ปรากฏต่อสายตา และร่วมในขบวนแห่ที่รื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลองการสมรส  ... จากวิหารของเทพอามุน ในคาร์นัค ไปถึงวิหารลุกซอร์ ...... จุดเด่นของพิธีทางศาสนานี้ คือ การพบกันของ เทพ Amun-Ra แห่งคาร์นัค กับเทพ Amun แห่งลุกซอร์



วิหารลุกซอร์แสดงให้เห็นถึงความสามารถของช่างชาวอียิปต์โบราณ ในการนำหินก้อนใหญ่ ๆ มาก่อซ้อนกัน โดยไม่มีลิ่มสลัก หรือสิ่งเชื่อมติด เช่นเดียวกับการสร้างปิีิรามิด










First Pylon หอสูงสี่เหลี่ยมที่เป็นทางเข้าแรก สูงเกือบ 24 เมตร กว้าง 65 เมตร และแกะสลักรูป Ramses II กำลังทำโทษ Hittites  หน้าวิหารมีเสาโอบิลิกก์ตั้งโดดเ่น 1 ต้น เป็นสัญลักษณ์ควบคู่กับวิหาร ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง เข้มแข็ง มั่นคง .. มีความหมายถึงชีวิต ความสว่างและความรุ่งโรจน์  ปกติแล้วมักจะวางเสานี้เป็นคู่  แต่ปัจจุบันอีกต้นหนึ่งถูกนำไปตั้งไว้ที่ Place De La Concorde กลางกรุงปารีส เพื่อเป็นของขวัญแก่ประเทศฝรั่งเศส ในสมัยของโมฮัมเหม็ด อาลี ดาซา (Mohamed Ali Dasha) ปี 1819





ประตูทางเข้าสู่วิหาร มีรูปสลักลอยตัวของฟาโรห์รามเสส II ประทับนั่งทั้งสองข้าง และยืนอีก 1 รูป  (เดิมมี 6 รูป ) หลังกำแพงเป็นห้อง Great Court ของพระองค์ มีห้องบูชาเทพอามุน และครอบครัว 



ภายในวิหารมีสฟิงส์ยาว 3 กม. เรียงรายไปตามทางเดินจนถึงวิหารคาร์นัค ที่อยู่เลยขึ้นไปทางเหนือ



วิหารลุกซอร์ได้ผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ได้ถูกปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของฟาโรห์สมัยอียิปต์โบราณ ไปตามผู้ครอบครองที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไป 

ใน ศต. ที่ 4 สมัยโรมันได้ใช้วิหารนี้เป็นป้อมปราการ และที่พำนักของผู้ปกครองโรมันในเขตนี้ ..  สมัยอาณาจักรคริสเตียนได้ใช้อาคารโถงศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเป็นโบสถ์ ซึ่งยังเห็นร่องรอยของโบส์ถคอปติคทางด้านตะวันตก  


Mosque of Abu al-Haggag บนพื้นที่ส่วนหนึ่งของวิหารลุกซอร์

ในสมัยกลางเมื่อสมัย Fatimid รุ่งเรือง ชุมชนมุสลิมในลุกซอร์ ได้ลงหลักปักฐานทั้งภายในและรอบ ๆ วิหาร ทางด้านใต้จนสุดเนินเขา มีการสร้างอาคารอยู่บนพื้นที่วิหารและรอบ ๆ จนกลายเป็นเนินเขาที่สูงถึง 14.5 - 15 เมตร ด้วยความไม่รู้ว่าด้านล่าง คือ เขตวิหาร แล้ววิหารลุกซอร์ก็เลือนหายไป 

บริเวณนี้ถูกทิ้งร้างและมีดินทรายทับถมมานานหลายศตวรรษ จนกระทั่งในปี 1884 จนถึง ปี 1960  จึงได้มีการเคลื่อนย้ายคนออกไป นอกจากขยะแล้ว ก็ยังมีทั้งค่ายทหาร ร้านค้า บ้านเรือน กระท่อม หอคอย ที่ต้องรื้อออกไป 




Mosque of Abu al-Haggag



วิหารลุกซอร์ และ Mosque of Abu al-Haggag ยามค่ำคืน

แต่ Mosque of Sufi Shaykh Yusuf Abu al-Haggag ที่สร้างในสมัย Fatimid ในปี 1771 ได้รับการรักษาอย่างระมัดระวัง ในระหว่างการขุดค้น ปัจจุบันตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นห้องใหญ่ที่สุดของวิหาร




ยามค่ำคืนที่วิหารลุกซอร์นี้ ติดไฟสว่างไสวงดงาม ... และมีการแสดง Light & Sound

เหมือนจะจบวันแรกที่ลุกซอร์เพียงเท่านี้ 

แต่ยังก่อนค่ะ 2 สว. ขอเล่าประสบการณ์ไปโรงพยาบาลที่ลุกซอร์สักนิด .. คือ .. ก่อนที่เริ่มเดินทางได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ลุงก็เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง เป็นเหมือนผดและคัน ตอนแรกก็ซื้อคาลาไมด์มาทากันเอง ผ่านไปอาทิตย์อาการก็เหมือนเดิม ก็เลยไป รพ. ที่เชียงใหม่ ได้ยาทาแก้คัน (ก็ประเภทคาลาไมด์)  แล้วก็ได้ยากินที่เป็นเพนนิโซโลน ... พอกินยาเท่านั้น ..ลุงก็เหมือนหายขาดเลย เราก็สบายใจ ไม่ได้เตรียมยาอะไรไปเลย

อาการคันและเป็นผื่นกลับมาอีก ค่ำวันแรกที่ลุกญซอร์ก็เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งไม่ไกลจากที่พักนัก  พอถึงก็เห็นประตูใหญ่ปิด แต่มีคนออที่ประตูเยอะมาก ก็คุยกันว่าขนาดค่ำแล้ว คนยังมา รพ. เยอะอย่างนี้เชียวหรือ จะได้เข้าไปไหมนี่ พอเดินถึงก็เห็นประตูเล็กเปิดอยู่ (คนที่ยืนรอก็ไม่มีใครเข้าไปข้างใน ...คิดว่าคงมารอเยี่ยมญาติ แต่เข้าไปไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา) บอกยามว่าจะมาหาหมอ แล้วก็เดินไปที่อาคาร ... ไปอย่าง งง ๆ เพราะไม่เห็นมีใครสักคน เดินขึ้นบันไดกลางแล้ว ก็เป็นทางแยกซ้ายและขวา ทางขวาปิดไฟมืดแล้ว ทางซ้ายสุดทางเดินยังเปิดไฟสว่างอยู่  แต่ก็ยังไม่เห็นใครสักคน .. (ถ้าบ้านเราก็ต้องมีเคาเตอร์พยาบาลให้ลงทะเบียน - ถามอาการ ฯลฯ )

ก็เลยเดินไปทางซ้าย มีห้องเหมือนห้องตรวจ 2 ข้าง แต่ก็ปิดประตู ปิดไฟ... พอสุดทางเดินที่ไฟสว่าง ก็เจอชายชาวอียิปต์ในชุดเสื้อกาวน์สีขาว ถามว่ามาทำไม ก็บอกว่ามาหาหมอ เขาก็บอกว่าเขาเป็นหมอน่ะ (I' am a doctor) ..(โอ๊ะ. ไป รพ. มาจนเป็น สว. แล้ว ยังไม่เคยปรากฏว่า โผล่ไปก็เจอหมอเลย)  หมอให้นอน ตรวจ ดูอาการ แล้วก็ถามคำถามเดียวกับหมอที่ รพ. ที่เชียงใหม่เลย "เคยแพ้อะไรไหม กินอาหารทะเลมาหรือเปล่า" เสร็จแล้ว ก็เขียนใบสั่งให้ไปซื้อยาฉีดที่ห้องที่เราเดินผ่านมา  แล้วเอามาให้หมอฉีดให้ .. หลังจากนั้นก็เขียนใบสั่งยากิน แต่ รพ. ไม่ขายยากิน ต้องไปซื้อที่ร้านยาข้างนอก ก็เป็นอันเรียบร้อย ตลอดเวลาก็ไม่เห็นมีใครอื่นเลย นอกจากหมอ ผู้หญิงอีกคนที่บอกให้เราไปซื้อยา กับคนที่เราไปซื่้อยาฉีด  .. ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติของ รพ. ที่ลุกซอร์หรือเปล่าค่ะ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ ที่ไปถึง รพ. ก็เจอหมอ ได้รับการรักษาเลย และไม่ต้องรอนาน

มีร้านขายยาอยู่ตรงข้าม รพ. ก็เอาใบสั่งยาไปซื้อยา ดูเหมือนค่ายาราว 200 กว่าบาท ยาที่ได้เหมือนกับยาที่ รพ. ที่เชียงใหม่เป๊ะ ...(หมออยู่กันคนละประเทศ คนละทวีป)  แต่ที่เชียงใหม่แพงกว่านี้แยะ เจ้าของร้านกำชับมาว่า ยาที่เป็นเพนนิโซโลนนั้น ถ้ากินตามที่หมอให้มาแล้ว  ต้องหยุดเลยนะ มันอันตราย ถ้ายังไม่หาย ก็พยายามทาโลชั่นเอา เขาคงงง ๆ ที่เราไป รพ. ไม่ไปคลินิค ก็ถามว่ามาจากไหน ... มาจากไคโร ....ทำงานที่นั่นเหรอ... เปล่า.. มาเที่ยวจ้า

แต่อาการแพ้ที่ผิวหนังของลุงก็ไม่หาย ตลอดทริปนี้ต้องหาซื้อวิตามินซี เบบี้ออย และคาลาไมด์ ตั้งแต่วันที่ 5 จนจบการเดินทาง  ที่จอร์แดน อาการคันและผื่นก็ขึ้นมาก เพราะอากาศหนาวกว่าที่อียิปต์มาก จนคิดว่าจะกลับก่อน แต่ลุงก็บอกว่ายังพอไหว .. กลับมาถึงบ้านก็ยังเป็นเหมือนเดิม มันต้องแพ้อะไรสักอย่างสิ  มาคิด ๆ ดู คิดว่าอาจเป็นเพราะเปลี่ยนน้ำยาซักผ้าใหม่ ก็เลยเอาผ้าของลุงมาซักใหม่ทั้งตู้เสีย 2 ครั้งเลย .. หายสนิทเลยค่ะ ไม่ต้องกินยา ทายา อะไรทั้งสิ้น





หลังจากไป รพ. ได้ยามาแล้ว ก็เดินเข้าเมืองไปดูวิหารลุกซอร์ยามค่ำคืน ที่เปิดไฟสว่างไสวสวยงาม  .. วันรุ่งขึ้น ก็จะหาทางไป Valley of the Dead ทางฝั่งตะวันตกค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย และ

หนังสือ Let's Go Egypt ฉบับ 2002
https://discoveringegypt.com/luxor-temple/
https://www.komchadluek.net/news/foreign/138499
https://www.oceansmile.com/Egypt/LuxorTemple.htm



Create Date : 25 ตุลาคม 2560
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2560 11:55:35 น. 1 comments
Counter : 1730 Pageviews.

 
อ่านสนุกจัง
ดีเนอะไป รพ.เจอหมอเลย ไม่ต้องนั่งรอ หรือถอดรองเท้าวางแทนยืนเข้าคิวรอ 555


โดย: พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ วันที่: 10 เมษายน 2561 เวลา:14:45:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.