บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
19 พฤศจิกายน 2560
 
All Blogs
 
ตอน 7 - หุบเขากษัตริย์ (Valley of the Kings), Luxor



บล๊อคนี้ เราจะไปหุบเขากษัตริย์ (Valley of the Kings) และหุบเขาราชินี (Valley of the Queens) กันค่ะ  มีคำแนะนำว่าถ้าไม่ได้ซื้อท้วร์ไป  ให้เช่าจักรยานไปกันเอง หรือพอข้ามเรือไปฝั่ง West Bank แล้ว ก็ให้เช่าแท๊กซี่ต่อไป  ... แต่ลุงเหมือนไปได้ข้อมูลว่ามีรถแบบ 2 แถว ที่ชาวบ้านใช้เดินทาง ไปถึง Valley of the Kings เลย เราก็เอาแบบที่ลุงว่านะแหละค่ะ

 ขั้นแรกก็ข้ามเรือไปฝั่ง West Bank ก่อน  แล้วก็เดินเรื่อย ๆ ไปตามถนน ระยะทางจากท่าเรือถึงหุบเขากษัตริย์ ราว 8 กม. พอมีรถ 2 แถวมา ก็ขึ้นไปก่อนเลย มีแค่ 2 คน 



รอเรือข้ามไปฝั่ง West Bank บนเรือโดยสารท้องถิ่น

สักแป๊บมีเด็กนักเรียนขึ้นมา ก็เลยถามถึงเส้นทาง .... Hassan Tohamysalame พูดภาษาอังกฤษได้ดี  บอกว่าพ่อเป็นครู กำลังจะไปโรงเรียน แล้วก็ช่วยเจรจากับคนขับให้พาเราไปส่งที่หุบเขากษัตริย์ ..  ถ้าไม่ได้ Hassan ก็คงทุลักทุเลพอควร ไม่เห็นมีใครไปหุบเขากษัตริย์ด้วยรถ 2 แถวสักคน




ถึงหุบเขากษัตริย์ ซื้อบัตรผ่านเข้าไปด้านใน ... มีรถพ่วงพานักท่องเที่ยวเข้าไปใกล้ ๆ หน่อย
















ค่าเข้าชม 70 L.E. สามารถชมสุสานได้ 3 แห่ง ส่วนสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน (Tomb of Tut-ankh-Amun) ที่โด่งดัง ต้องซื้อบัตรแยกต่างหากอีก 80 L.E.





สุสานที่ขุดแล้ว สุสานที่เปิดให้เข้าชม


หุบเขากษัตริย์ (VALLEY OF THE KINGS) ที่ลุกซอร์ เป็นสุสานหลวงของฟาโรห์และราชวงศ์ในราชอาณาจักรใหม่ (ตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 18 - 20 ของอียิปต์โบราณ) ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ตรงข้ามกับเมืองธีปส์ - THEBES (ลุกซอร์ปัจจุบัน) และอยู่ใจกลางของธีบันเนโครปลิส (THEBAN NECROPOLIS -คำว่า NECROPOLIS หมายถึง พื้นที่ขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบให้เป็นอนุสาวรีย์สุสานที่มีความละเอียดและสลับซับซ้อน มาจากรากคำในภาษากรีกโบราณ คือ NEKROPOLIS ซึ่งหมายถึง "City of the dead" - นครแห่งความตาย)


นอกจากหุบเขากษัตริย์  (Valley of the Kings) ทางตะวันออก ที่เป็นตั้งสุสานหลวงของฟาโรห์ส่วนใหญ่ และรวมถึงวิหารพระนางฮัตเซปซุสแล้ว ยังมีหุบเขาราชินี  ..ที่มีสุสานของพระนางเนฟเฟอร์ตาริ (Tomb of queen Nefertari #88) รวมอยู่ด้วย และยังมีเหล่าเชื้อพระวงค์ ขุนนางที่มีอิทธิพล และช่างฝีมือ (VALLEY OF THE QUEENS และ VALLEY OF THE ARTISANS) ทางตะวันตก ทั้งหมดอยู่ในช่วงราชวงศ์ที่ 18-20 เช่นเดียวกับสุสานในหุบเขากษัตริย์ 



ภาพมุมสูงแสดงบริเวณหุบเขากษัตริย์  - Valley of the Kings (ภาพจาก internet) 

บริเวณหุบผากษัตริย์เป็นที่โล่ง มีภูเขาหินและเนินทรายอยู่ทั่วไป กว้างประมาณ 200 เมตร และยาว 400 เมตร ทำให้สามารถเดินสำรวจได้สบาย ๆ  ไปตามเส้นทางเดินกรวด  สุสานที่เป็นที่รู้จักกันดี มีมากกว่า 64 แห่ง .. ขุดลึกลงไปใต้ดิน อาจโดดเดี่ยว หรือเป็นชั้น ๆ คล้ายรังผึ้ง มีหลากหลายทั้งห้องเล็ก ๆ ไปจนถึงสุสานที่มีห้องซับซ้อน ที่มีห้องมากกว่า 120 ห้อง  มีเลขเรียงตามลำดับที่ค้นพบ  ส่วนใหญ่ไม่เปิดให้เข้าชม มีเพียง 18 สุสานเท่านั้นที่สามารถเปิดให้เข้าชมได้  และที่เปิดให้เข้าชม ก็จะเปิด - ปิด หมุนเวียนกันไป ทุก ๆ 2 - 3 เดือน  เพื่อลดการสึกหรอ และเพิ่มความหลากหลายของสุสานที่ให้เข้าชม




หุบผากษัตริย์ (Valley of the Kings)



ทางเดินไปสุสานตุฟาโรห์ตันคามุน

การขุดค้นหุบเขากษัตริย์ .. สุสานในหุบเขากษัตริย์ถูกค้นพบมานานมาก ตั้งแต่ 278 ปีก่อนคริสตกาล มีหลักฐานว่าสุสานของฟาโรห์รามเสสที่ 7 ถูกค้นพบเป็นแห่งแรก

 การมาเยือนหุบเขาแห่งนี้มีเรื่อยมารวมทั้งหัวขโมย  ตั้งแต่ปี 1668, 1743, 1768, 1792 มีการขุดค้นอย่างจริงจังมากขึ้น และในปี 1824 JOHN GARDNER WILKINSON จอห์น การ์ดเนอร์ วิลกินสัน ได้คิดตั้งรหัสเรียกสุสานหลวงแห่งนี้ขี้นเป็นคนแรก กำหนดรหัสลงบนแผนที่ เริ่มตั้งแต่ KV1 - KV21 และได้ใช้เป็นรหัสเรียงลำดับเรื่อยมาจนปัจจุบัน 



การค้นหาสุสานในหุบเขากษัตริย์ ยังดำเนินต่อมา HOWARD CARTER และ LORD CARNARVON ผู้สนับสนุนเงินทุน คณะผู้สำรวจใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าจะพบสุสานของตุตันคามุน (KV62) ในวันที่ 4 พย. 1922 และพบทางเข้าในอีก 3 วันต่อมา คณะใช้เวลากว่า 10 ปี ในการสำรวจ บันทึก และโยกย้ายสมบัติออกมา  โดยมี HARRY BURTON เป็นช่างภาพที่ขอยืมตัวมาจาก METROPOLITAN MUSEUM OF ART เป็นผู้บันทึกภาพ และเสนอเรื่องราวอย่างละเอียดและสมบูรณ์ของการทำงานนี้   ในการขุดค้นครั้งนี้ ยังค้นพบสุสานของฟาโรห์รามเสสที่ 6 .. ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่เจาะลึกเข้าไปเกือบร้อยเมตร ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ ภาพวาดบรรยายกิจวัตร และภาพที่เกี่ยวกับเทพเจ้ามากมาย




ทางเข้าสุสานของตุตันคามุน (KV62) อยู่ใต้สุสาน KV 9  อยู่ 4 เมตร 


การขุดพบนี้ที่ทำให้หุบเขากษัตริย์โด่งดังที่สุด  ..และดูเหมือนจะเป็นจุดหมายแรกของนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปร่วมสำรวจสุสานด้วย ... ฉะนั้น อันดับแรกที่เราจะเข้าชมคือ สุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน (Tomb of Tut Ankh-Amon) ค่ะ

ฟาโรห์ตุตันคามุน มักได้รับการกล่าวขานว่าเป็นฟาโรห์เด็ก (The Boy King of Egypt)  ขึ้นครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุเพียง 9 ชันษา เป็นฟาโรห์องค์ที่ 12 ในราชวงค์อียิปต์โบราณ (1341 - 1323 ปีก่อนคริสตกาล)  หลังจากครองราชย์ได้เพียง 8 - 9 ปี (1332 - 1323 ปีก่อนคริสตกาล)  ก็สิ้นพระชนม์อย่างกระทันหัน  ทั้งที่ยังไม่ครบ 19 ชันษา  ทำให้มีการสร้างสุสานถวายแบบง่าย ๆ 



ภาพที่แสดงนี้แสดงให้เห็นถึงห้องต่าง ๆ ในช่วงการขุดค้น รวมทั้งขั้นตอนการศึกษาและแยกแยะ รวบรวมข้อมูล และทรัพย์สมบัติ 



หลังจากที่สามารถผ่านทางเดินที่เต็มไปด้วยเศษจากโครงสร้างหลุมฝังพระศพที่สร้างขึ้นภายหลัง








สิ่งแรกที่ปรากฏต่อสายตาของผู้ขุดค้น คือ สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในห้องมุข: ราชรถ เฟอร์นิเจอร์ อาหารที่่เป็นเครื่องบรรณาการ 
เรือที่ใช้น้ำมัน อาวุธ เสื่้อเกราะ และเครื่องประดับ  (ภาพ 2, 3 และ 4)



ส่วนประตูลับอีกด้านหนึ่งที่นำไปสู่ห้องฝังพระศพ มี 2 ผู้พิทักษ์ที่หน้าเหมือนตุตันคามุน และขนาดเท่าจริงยืนอยู่หน้าประตู (ภาพ 5, 6) มุมทางตะวันออกเฉียงใต้ของห้องมุข มีประตูไปสู่ปีกในสุด ซึ่งเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ ภาชนะหินและภาชนะเครื่องปั้นดินเผา เสิ้อเกราะและเรือจำลอง 




  ปัจจุบันสุสานของตุตันคามุนที่มี 4 ห้อง  เหลือแต่เพียงห้องโล่ง ๆ บนกำแพงมีภาพวาดสีสดใสชัดเจน .. ห้องบรรจุพระศพอยู่ด้านในสุด พบมัมมีอยู่ 3 ร่าง หนึ่งในนั้น คือ มัมมี่ของฟาโรห์ตุตันคามุนเอง    บนผนังทั้งสี่ เป็นภาพเขียนบรรยายถึงเทพโอริซิสอวยพรให้พระองค์ไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในภพหน้า...

ดังนั้น ที่ได้มีโอกาสเข้าไปชมสุสานของตุตันคามุน ก็มีเพียงห้องโล่ง ๆ  ถ่ายรูปจากผนังที่ติดไว้ แล้วก็ออกมาค่ะ  

ในปี 1979 สุสานของฟาโรห์ตุตันคามุนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ร่วมกับส่วนที่เหลือของธีบันเนโครโพลิส ทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่ามากมาย มากกว่า 5,000 ชิ้น โดยเฉพาะหน้ากากทองคำ (อยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่กรุงไคโร).. ทุกอย่างเก็บรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑ์ทั้งในประเทศและนอกประเทศอียิปต์ ..




ดูเหมือนบางคนยังคงหาสุสานอยู่

 ส่วนการขุดค้นหาวัตถุโบราณ และการอนุรักษ์คงดำเนินต่อไป ปี 2004 - 2005, 2006, 2008, 2011, มีการค้นพบสุสานและทางเข้าแห่งใหม่ของสุสานอีก 2 แห่งค่ะ 
ปัจจุบันแต่ละสุสานจะมีทางเดินให้นักท่องเที่ยวเดินไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อเป็นการเคารพสถานที่ และไม่ใช้เวลาด้านในมากนัก เพื่อป้องกันความเสียหายใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น การเข้าชมห้องสุสานต่าง ๆ ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในแล้ว






ระหว่างทางไปชมสุสานต่าง ๆ มีจุดนั่งพัก ก็มีเด็กชายอียิปต์หลายคน ที่ขยันทำมาหากิน พยายามเสนอขายโปสการ์ดให้นักท่องเที่ยว โดยหย่อนลงมาจากข้างบน (ตามรูป) .. และด้วยเห็นแก่ความพยายามอย่างยิ่งยวดนั้น ก็เลยอุดหนุนไป 1 ชุด เหมือนจะราคา 5 L.E. ค่ะ ซื้อแล้วก็เอาเงินใส่ตะกร้า แล้วเขาก็สาวขึ้นไป




 หลังจากชมสุสานอีก 3 แห่ง ที่ไม่ให้ถ่ายรูป เดินไปเดินมาก็ออกมาด้านนอกของหุบเขากษัตริย์แล้วค่ะ  ต่อไปก็จะไปวิหารของพระนางฮัตเซปซุส (Temple of Hatshepsut) ที่อยู่ด้านเหนือของ Rammesseum และเลยสุสานขุนนาง (Tombs of the Nobles) ขึ้นไปทางเหนือ ราว 500 เมตร  คราวนี้ได้ใช้บริการของแท๊กซี่ที่จอดเป็นแถวอยู่ด้านนอก  มาถึงแล้วก็ซื้อบัตรผ่านด้านในด้วยค่ะ คนละ 25 L.E.



วิหารพระนางฮัตเซปสุต (Temple of Hatshepsut) เป็นสุสานที่ขุดเจาะเข้าไปในภูเขา ... สถานที่เก็บพระศพของฟาโรห์หญิงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ



ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงวิหารแห่งความทรงจำ เพื่่อเป็นเกียรติแก่พระนางฮัตเซปสุตเท่านั้น แต่ยังหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ของอียิปต์ ... ออกแบบและสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1450 ปีก่อนคริสตกาล โดย เซเนมุท (Senenmut) 
ซึ่งเป็น เสนาบดีคู่พระทัย และเชื่อกันว่าเป็นชู้รักของพระนางด้วย 



วิหารมีลักษณะคล้ายคลึงกับสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ ในอีก 1,000 ปีต่อมา การก่อสร้างใช้เวลา ถึง 15 ปี กว่า จะแล้วเสร็จ  ....ตั้งอยู่ที่เมืองเดียร์อัล-บาฮารี  (Deir Al- Bahari) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของสุสานทางด้านเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งของธีบันเนโครโพลิส

วิหารมีชื่อในภาษาอียิปต์โบราณว่า "Djeser Djeseru" หมายถึง "most splendid of all" (สุดยอดความงดงามของทั้งมวล)  บางข้อมูลก็ให้ความหมายว่า "Holy of Holiest" (ศักดิ์สิทธิ์ของที่สุด)




วิหารพระนางฮัตเซปสุต มีสถาปัตยกรรมที่สมกับความงดงาม  ด้วยระเบียงที่สร้างซ้อนกันเป็นชั้นที่กว้างใหญ่ถึง 3 ระดับ  มีเสาค้ำเรียงเป็นแนวตลอดจากพื้นทะเลทราย ยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าของผาหินปูนอันน่าทึ่ง




ระหว่างชั้นเชื่อมด้วยทางเดินลาดสูงขึ้นไปสู่วิหาร มีความยาว 100 ฟิต ในสมัยโบราณเรียงรายด้วยสฟิงซ์  ปัจจุบันเห็นแต่รูปสลักเทพฮอรัส (Horus) ที่ยังคงสภาพดี อยู่ทางด้านซ้ายของทางเดิน  ทางด้านขวาเสียหายเกือบหมด




แต่ละชั้นมีแถวของเสา ชั้นละ 24 ต้น เสาใหญ่ทึ่ค้ำระหว่างชั้น ประกอบด้วยเสาทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีภาพแกะสลักที่ประนีตและสลับซับซ้อน เปรียบเสมือนเอกสารภาพบันทึกชีวประวัติของพระนาง  ชั้นแรกบันทึกการเดินทางเพื่อการค้าเป็นครั้งแรกที่เคยมีมา โดยเฉพาะการเดินทางหลายครั้งหลายคราของพระนาง และเจ้าหน้าที่ระดับสูง Pa-nashy ที่ไปยังดินแดนของ Punt ระหว่าง 1482 - 1479 ปีก่อนคริสตกาล  
























ด้านหลังของชั้นกลางเป็นภาพสลักนูนต่ำระบายสี จะพบห้องบูชาเทพี Hathor และห้องบูชาเทพ Anubis  ภาพแกะสลักชั้นนี้ แสดงเรื่องราวของพระนางตั้งแต่ประสูติ วัยเด็ก การสถาปนาเป็นราชินี ภาระกิจของพระนาง จนถึงสิ้นพระชนม์



รูปสลักลอยพระนางฮัตเซปสุตที่มีหนวดเครา บนอาคารชั้นบน


อาคารชั้นบนประกอบด้วยห้องบูชาเทพและเทพี  สุสานของพระนางขุดลึกเข้าไปด้านหลังของวิหากอีกชั้นหนึ่งอยู่บริเวณในสุด ไม่ได้เปิดให้เข้าชม


ภาพสลักพระนางฮัตเซปสุตบนหัวเสา


ห้องบูชาเทพและเทพี

หลังการสิ้นพระชนม์ ภาพแกะสลักเหล่านี้ก็ถูกทำลายเกือบหมดสิ้น ด้วยฟาโรห์ Tีuthmosis III พยายามลบชื่อและความทรงจำที่เกี่ยวกับพระนางออกทั้งหมด


ภาพลงสี ฟาโรห์ Tuthmosis III บูชาเทพฮอรัส





พระนางฮัตเซปสุต (1508 - 1458 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นพระราชธิดาองค์เดียวของฟาโรห์ Tuthmosis I กับพระราชินีอาโมซิส ...เป็นฟาโรห์หญิงที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดกว่า 20 ปี (1489 - 1469 ปีก่อนคริสตกาล) .. โดยความเป็นจริงแล้ว  เนื่องจาก พระสวามี Tuthmosis II เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ อำนาจบริหารจึงตกอยู่ในมือของพระนางที่ได้ฝึกฝนการบริหารราชการแผ่นดินกับพระบิดามาก่อนแล้ว 

ฟาโรห์ Tีuthmosis II สิ้นพระชนม์หลังครองราชย์ได้ 15 ปี เนื่องจากพระองค์มีแต่พระธิดา และผู้สืบราชวงค์ Tuthmosis III ที่เกิดจากชายารอง ยังทรงพระเยาว์นัก พระนางฮัตเซปสุตจึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทน หลังจากปกครองอียิปต์ได้หลายปี  พระนางจึงตัดสินพระทัยเป็นฟาโรห์ปกครองอียิปต์ในที่สุด 





  พระนางพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตนเอง โดยสวมมงกุฎและกระโปรงสั้นแบบกษัตริย์ พร้อมด้วยเคราปลอม .. มิใช่การหลอกลวงประชาชนให้คิดว่าพระนางเป็นบุรุษ  แต่เพราะไม่เคยมีสถานะของฟาโรห์หญิงมาก่อน จึงเป็นวิธีการที่ยืนยันอำนาจของพระนาง นอกจากนั้นพระนางยังประกาศพระองค์เป็นธิดา ผู้เป็นที่รักของสุริยเทพอามอน (รา) เพื่อสร้างความชอบธรรมในการครองบัลลังก์ 

พระนางทรงสร้าง Djeser-djeseru (Holiest of holy places, หรือ holy of holiest) ซึ่งอุทิศแก่เทพอามอน และเพื่อทำพิธีกรรมเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์  พร้อมทั้งตั้งเสาหินโอปิลิกซ์ที่ทำจากหินแกรนิตสีแดง 2 ต้น ที่วิหารเทพอามอนที่คาร์นัค (ปัจจุบันเหลือเพียง 1 ต้น) ที่แกะสลักเรื่องราวของพระนาง ... ในปีที่ 9 ของการครองราชย์ พระนางยังเดินทางเพื่อการค้ายังดินแดนของ Punt  (มีแนวโน้มว่าจะเป็นเอธิโอเปีย เอริเทรีย์ หรือทางเหนือของโซมาเลียในปัจจุบัน)  เรือกลับมาพร้อมกับทองคำ งาช้าง และต้นไม้หอม  (มีภาพแกะสลักที่กำแพงห้องวิหาร)

พระนางประสบความสำเร็จจากการเป็นราชินีไปเป็นฟาโรห์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสามารถในการหาผู้สนับสนุนทีี่มีอิทธิพล ซึ่งรวมถึงพระบิดา Tuthmosis I  และเสนาบดีคู่หทัย Senenmut  ผู้เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบวิหารพระนางนั่นเอง 

พระนางให้ความสนใจกับความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ มากกว่าที่จะเอาชนะดินแดนใหม่ ๆ  ทรงสร้างวิหาร ฟิ้นฟูอนุสรณ์สถานต่าง ๆ ทั่วทั้งอียิปต์และนูเบีย  ส่งผลให้อียิปต์เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยมหาศาล และนำพาประเทศไปสู่ความสงบ จนได้รับการยกย่องให้อยู่ในฐานันดรศักดิ์ "ฟาโรห์หญิง" (The Female Faraoh)  องค์แรกและองค์เดียวของปฐพีอียิปต์โบราณ

พระนางสิ้นพระชนม์ ใน 1458 ปีก่อนคริสตกาล หลังการสิ้นพระชนม์ของพระนาง Tuthmosis III ลบคำจารึก และพยายามขจัดความทรงจำของพระนางออกไป หลักฐานและบันทึกเกี่ยวกับพระนางถูกทำลายจนแทบไม่มีอะไรเหลือ 

วันนี้ทั้งวันเราอยู่ที่หุบเขากษัตริย์  ตอนกลับไปยังตัวเมืองลุกซอร์ทางฝั่งตะวันออก  ก็กลับโดยเรือท้องถิ่นเหมือนเที่ยวมา   บล๊อคหน้า ก็ยังอยู่ที่ลุกซอร์อีกวัน เพื่อไปวิหารคาร์นัคค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย และ

https://www.biography.com/people/king-tut-9512446

https://www.ancient-egypt-online.com/temple-of-hatshepsut.html
https://www.biography.com/people/hatshepsut-9331094
https://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000075019
https://sites.google.com/site/arc213rsu/brryay-raywicha/egypt/egypt25




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 4 ธันวาคม 2560 19:51:12 น. 0 comments
Counter : 4494 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.