KANCHANABURI :: เช้านี้ที่ปิล็อก
สวัสดีเช้านี้ที่ปิล็อกพวกเราพักกันที่ "เลิฟปิล็อก" ราคาที่พักที่นี่รวมอาหารเช้าให้ด้วยหนึ่งมื้อคุณเพื่อนปลุกตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ากลัวเพื่อนไม่ได้กินข้าวต้มซะงั้นอ่ะ แปลกเนอะทำไมข้าวเช้าไม่ตั้งสัก 9 โมงให้ตื่นซะเช้ามาทำไมเนี่ย เข้าใจอารมณ์มนุษย์ตื่นสายม๊ะให้ตายเหอะไปเองเนี่ยไม่ได้กินหรอกอาหารเช้าอ่ะ ตื่นไม่เคยจะทันพอนอนแล้วจะเกิดอาการขี้เกียจมาเที่ยวพักผ่อนทำไมต้องตื่นเช้าเนี่ย
อาหารเช้าที่นี่มีข้าวต้มกับขนมปังข้าวต้มอร่อยดีนะมาแล้วก็ไม่ควรพลาดค่ะ จากนั้นพอทานอาหารเช้ากันเสร็จก็ออกไปเดินสำรวจปิล็อกกันเสียหน่อย ที่นี่เหมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ
มีคนเล่าว่า "เหมืองปิล็อก" (Pilok mine) เพี้ยนมาจากเหมือนผีหลอก ก่อนหน้านี้แร่ได้ราคาคนก็นิยมมาขุดทองกันที่นี่ แต่ต่อมาแร่ราคาตกเหมืองก็ถูกปิดตายลงคงเหลือแต่ความเงียบเหงา ว่ากันว่าแต่ก่อนเหมือนแร่สมศักดิ์เป็นเหมืองแร่ใหญ่มาก มีคนงานกว่าห้าร้อยชีวิตกันเลยทีเดียว อย่างที่รู้ๆ กันเหมืองแร่ส่วนใหญ่มักจะมีประวัติมีคนล้มตายด้วยอุบัติเหตุกันมากมายวิญญานก็ไม่ไปไหนสิงสถิตย์ ณ ที่แห่งนั้นจนกลายเป็นเรื่องเล่าสืบต่อมา แต่วันนี้ปิล็อกไม่ได้เป็นเหมืองร้างอีกแล้ว กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอีกแห่งนี้ในจังหวัดกาญจนบุรี ใครที่จะมาเขาช้างเผือกต่างรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี
ในตลาดก็จะมีผลิตภัณฑ์โอท็อปวางขาย จขบ.เห็นผลสีเขียวนี่ก็สงสัยมันคืออะไร ถามคนขายได้ความว่า "มันคือมะเขือเทศ" หน้าตาแลดูแปลกตาเนอะไม่สวยงามเหมือนมะเขือเทศบ้านเรา เค้าบอกว่าเอาไปเก็บไว้จะกลายเป็นสีแดง สีเขียวเนี่ยมันยังไม่สุก
ส่วนนี่คือปลาหัวยุ่งลักษณะเป็นปลาตัวยาวๆ มีหัวที่มีเส้นสายแลดูยุ่งๆ เหมือนชื่อของมัน เป็นปลาในทะเลลึกฝั่งพม่านิยมนำมาทอดกรอบทานกับข้าวต้ม ราคาขายถุงละ 50 - 100 บาทตามแต่ปริมาณ
ส่วนนี้ก็เป็นกุ้งฝั่งอันดามันพม่าราคาก็ตามแต่ขนาดของกุ้งตัวใหญ่ตัวเล็กราคาก็ไม่ได้ถูกนะ โลละ 400 บาทเลยทีเดียว เนื้อกุ้งจะแข็งๆ แน่นๆ เคี้ยวเพลินๆ ดี
ปิล็อกเป็นเมืองเล็กๆ เดินไปซ้ายวนมาขวาก็หมดแล้ว ยิ่งเป็นช่วงที่ไม่สามารถขึ้นเขาช้างเผือกได้ ที่นี่ก็ไม่คึกคักวันธรรมดาก็เงียบเหงานักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาที่นี่วันศุกร์เสาร์อาทิตย์ วันธรรมดามีแต่ฝรั่ง
ที่พักในปิล็อกมีไม่เยอะหากจะมาต้องจองล่วงหน้าวันศุกร์เสาร์ไม่เหมาะแก่การ Walk in ขนาด จขบ.มาวันพฤหัสยังต้องจองล่วงหน้าเกือบสองอาทิตย์เลยทีเดียว
ที่นี่มีลานกางเต้นท์ด้วยคาดว่าจะเป็นช่วงที่คนมาขึ้นเขาช้างเผือกแน่ๆ เป็นลานใหญ่มาก สามารถจอดเฮลิคอปเตอร์ได้ด้วยตรงข้ามลานจอดฮอจะเป็นวัดเหมืองปิล็อก
วัดแห่งนี้เหมือนผสมผสานมอญและพม่าไว้ด้วยกัน จขบ.เดินขึ้นไปไหว้พระด้านบนก็จะเห็นวิวปิล็อก จากนั้นก็เดินกลับมาในหมู่บ้านอีกครั้ง
แวะร้านนี้มีชื่อว่า "ร้านชาวเหมือง" ที่นี่เค้าขายเค้กของป้าเกล็นด้วยล่ะ ป้าเกล็นเป็นภรรยาของนายเหมืองสมศักดิ์มีประวัติตำนานรักมายาวนานมาก ป้าแกมีโฮมสเตย์ให้พักที่ปิล็อกนี้ด้วย แต่ต้องใช้รถโฟว์วีลลงไปหาป้าแกซึ่งก็จะลำบากนิดหนึ่ง นอกจากที่พักตำนานรักของป้าเกล็นแล้วที่เป็นอีกไฮไลท์เด่นของปิล็อกแล้ว ป้าเกล็นยังทำขนมเค้กได้อร่อยเลืองชื่ออีกด้วย เรียกว่ามาปิล็อกแล้วหากมีโอกาสต้องแวะไปเยี่ยมบ้านป้าเกล็นค่ะ
แต่เนื่องจากทริปนี้เราไม่ได้แพลนจริงๆ จังๆ มาเลยทำให้อยู่ปิล็อกได้แค่วันเดียว ก็เลยมาชิมขนมเค้กของป้าแกที่ร้านนี้ค่ะ ราคาชิ้นละ 60 - 80 บาทแล้วแต่หน้าค่ะ จขบ.ชอบเค้กผลไม้อร่อยมาก
เค้กช็อกโกแลตก็อร่อยไม่แพ้กันรอบหน้าสัญญาว่าหนูจะลงไปหาป้าค่ะ นี่ก็ได้เวลาต้องอำลาเมืองเล็กๆ ที่เรียกว่า "ปิล็อก" แล้วคราวหน้าจะกลับมาหาใหม่นะ
ใครที่อยากไปดูเรื่องราวตำนานรักของป้าเกล็นที่เหมืองสมศักดิ์ ติดต่อตามเบอร์นี้เลยค่ะ ติดต่อล่วงหน้าหน่อยนะเพราะโทรยากมากประมาณว่าที่เหมืองเนี่ยไม่มีสัญญานโทรศัพท์ด้วยล่ะ ใครมาปิล็อกต้องทำใจหน่อยนะ สัญญาณไม่แรงชัดทั่วไทยค่ะ มีขาดๆ หายๆ ไปเป็นหย่อมๆ ตามสภาพภูมิประเทศที่คตเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามหุบเขา
ไหนๆ ก็มาปิล็อกแล้วขอแอบไปส่องทางไปเขาช้างเผือกเสียหน่อย ไว้โอกาสหน้าจะมาพิชิตขอกลับไปฟิตร่างกายสักปีก่อนนะคะ .. จะแบกเป้มาใหม่จ้า .. เอาล่ะได้เวลาอำลาปิล็อกกันจริงๆ แล้ว ตอนหน้า จขบ.จะพาไปเที่ยวน้ำตกจ็อกกะดิ่นชื่อเรียกยากจังเนอะ ..
Photo and Story By Patthanid C.
Create Date : 30 เมษายน 2559 |
Last Update : 30 เมษายน 2559 11:14:23 น. |
|
2 comments
|
Counter : 5447 Pageviews. |
|
|
|