[เกมรำพัน] Mass Effect 3 รอบสาม : มหาสงครามวันพิพากษาเจ๊เหล็กไขวิกฤต...


(หมายเหตุ : ในบล็อกนี้พยายามหลีกเลี่ยงการเปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับพล็อตหลัก ส่วนประเด็นเรื่องตัวละครบางตัวอยู่หรือตายเป็นเรื่องการกระทำของตัวผู้เล่นแต่ละคน จึงไม่นับเป็นการสปอยล์ แต่เป็นเรื่อง "เงื่อนไขของระบบเกม')

ต่อจาก Mass Effect และ Mass Effect 2

ครานี้ข้าพเจ้าขอรำพันถึง Mass Effect 3 (2012) เกมที่เป็นบทสรุปไตรภาคอันยิ่งใหญ่ แต่มันก็เหมือนกับหนังฮอลลีวู้ดที่นำเสนอเรื่องราวแบบไตรภาค เกมภาคนี้เต็มไปด้วยฉากที่น่าประทับใจมากมาย คอนเซปท์อลังการจนต้องรู้สึกตื่นเต้น อัดแน่นไปด้วยสงครามและฉากแอ็กชั่น ทว่าตอนจบกลับน่าผิดหวัง



การเล่น Mass Effect รอบสามทั้งสามภาคตลอดเดือนพฤษภาคมของข้าพเจ้า ได้มาสิ้นสุดลงตรงวันที่ 28 พฤษภาคม 2559  

เป้าหมายของ Mass Effect : การทำให้เร็กซ์มีชีวิตรอดจนถึงภาคสุดท้าย = เคลียร์

เป้าหมายของ Mass Effect 2 : การช่วยทุกคนให้รอดชีวิตจาก Suicide Mission = เคลียร์

ยังเหลืออีกหนึ่งเป้าหมาย

เป้าหมายในการเล่น Mass Effect 3 รอบสามก็คือ การแก้ไขปัญหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างฝ่ายทาลิกับฝ่ายลิเจี้ยน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่เกี่ยวพันกับ Loyalty Mission และค่า Loyal ของทั้งคู่จาก Mass Effect 2 อย่างลึกซึ้ง




ข้าพเจ้ามองบทสรุปอันยิ่งใหญ่ผ่าน "เจน เชพพาร์ด" ฮีโร่สาวผู้หยุดยั้งแผนการของรีปเปอร์ลงไปได้สองครั้งสองครา

หลังจบ Suicide Mission ใน Mass Effect 2 หกเดือน เชพพาร์ดกลับมาอยู่กับฝ่ายทหารของโลกอีกครั้ง แต่ทุกคนยังไม่ยอมเชื่อเรื่อง "รีปเปอร์" ภัยร้ายที่ต้องการ "ล้มกระดาน" กวาดล้างหลายชีวิตในจักรวาลเพื่อเริ่มกระดานใหม่ตั้งแต่ต้น 

ทว่าตอนนั้นเอง รีปเปอร์ก็ยกพลมาบุกยึดโลก (ด้วยอารมณ์ที่ว่า "อ้อ มนุษย์โลกนี่แซ่บดีนัก งั้นเริ่มจากมันก่อนเลยเหอะ') 




เชพพาร์ดต้องหนีออกจากโลกโดยทิ้งเพื่อนร่วมศึกเอาไว้รับมือ ส่วนตัวเองต้องออกเดินทางไปเกลี้ยกล่อมสภาซิทาเดลบ้าง เกลี้ยกล่อมชาวดาวนู้นดาวนี้ให้มาร่วมศึกกันสู้กับรีปเปอร์เป็นยกสุดท้าย 

ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ชาวดาวนู้นมีปัญหากับชาวดาวนี้ ชาวดาวนั้นมีปัญหากับชาวดาวโน้น เชพพาร์ดก็ต้องตระเวนแก้ไขปัญหาเพื่อจะพาทุกคนมาร่วมทำสงครามเสียที



ทันทีที่เริ่มเกม

ข้าพเจ้าสามารถเล่นต่อโดยใช้เซฟของ Mass Effect 2 ที่เพื่อนทุกคนรอดชีวิต, ไข่ดัน (เคย์ดัน-Kaidan) รอดชีวิต และราชินีแร็คไนถูกปล่อยตัวไปในภาคแรกได้





อย่างไรก็ตาม พอมาถึงหน้า "สร้างตัวละคร" ข้าพเจ้าอึ้งไปหน่อย... ทำไม... ใบหน้าที่เกมกำหนดให้ของเชพพาร์ดหญิง มันถึงได้ต่างจากสองภาคแรกซะขนาดนี้... แบบน่าเรียวแบบแปลกๆ แถมยังตกกระอีก... มันอะไรกันละเนี่ย

เอาวะ ก็เลือกหน้าตามนี้ไปแล้วกัน แม้จะรู้สึกคาใจก็เถอะ



เกมเปิดเรื่องมาได้อย่างตื่นเต้น คือรีปเปอร์บุกโลก และข้าพเจ้าก็ต้องเริ่มแอ็กชั่นในทันที ระบบต่อสู้ของ Mass Effect 3 นี้ ถือว่าเล่นแอ็กชั่นได้มันสุด อาชีพ Vanguard ที่ข้าพเจ้าเลือกมาตลอดการเล่นรอบสาม มาเปล่งปลั่งเอาตอนภาคนี้นี่เอง

ในเกมภาคนี้ เชพพาร์ดสามารถกลิ้งหลบซ้ายขวาได้ ม้วนตัวหลบไปข้างหน้าได้ วิ่งได้เร็วโดยไม่มีอาการเหนื่อย ท่าคอมโบของ Vanguard ยิ่งอัพเกรดก็ยิ่งมันมาก 



เริ่มจากใช้ท่า charge พุ่งเข้าชน ต่อด้วยท่า nova ที่ปล่อยพลังคลื่นทำลายรอบๆตัว แล้วอัดซ้ำด้วยอาวุธอย่างปืนพกหรือลูกซองในมือ นี่เป็นเอกสิทธิ์แห่งความมันที่มีใน Vanguard เท่านั้น!





นอกจากนี้หลังอัพเกรดไปเรื่อยๆ พลังการจู่โจมด้วยหมัดเปล่าๆของ Vanguard ก็จะแรงขึ้น สามารถกดปุ่มชกค้างไว้แล้วอัดพลังต่อยใส่ศัตรูหลังจากทำท่าคอมโบแล้วก็ยังได้! (แต่ก็เสี่ยงจะตายจากการถูกระดมยิงด้วยเช่นกัน)




ตารางสกิลของ Mass Effect 3 คล้ายกับของ Mass Effect 2 แต่เพิ่มการอัพเกรดแบบ "แยกกิ่งก้าน" ออกไปเป็นสองทาง เช่น จะอัพเกรดให้ใช้พลังได้แรงขึ้น หรือจะอัพเกรดให้รีชาร์จได้เร็วขึ้น เป็นต้น




ระบบอัพเกรดอาวุธผ่านอุปกรณ์เสริมกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปใน Mass Effect 2 คราวนี้ข้าพเจ้าสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมบนอาวุธได้สองช่อง ซึ่งตัวอุปกรณ์เสริมก็สามารถอัพเกรดให้ดีขึ้นได้เหมือนกับในภาคแรก



แต่มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมานั่นก็คือ "น้ำหนักของอาวุธ"

น้ำหนักของอาวุธใน Mass Effect 3 มีผลต่อการรีชาร์จพลัง ยิ่งน้ำหนักมากก็ยิ่งรีชาร์จช้า ยิ่งน้ำหนักเร็วก็ยิ่งรีชาร์จเร็ว แรกๆข้าพเจ้าไม่ทราบข้อเท็จจริงตรงนี้ บวกกับ Vanguard ในช่วงแรกยังไม่อึดถึกพอจะลุยอะไรหนักๆ จึงติดตั้งอาวุธโดยไม่ได้คำนึงถึงค่าการรีชาร์จพลังสักเท่าไหร่ และอาวุธเวอร์ชั่นแรกๆ รุ่นที่ยังไม่อัพเกรด น้ำหนักจะค่อนข้างเยอะอยู่



แต่เมื่อสกิลของ Vanguard ถูกอัพสูงมากพอ ความอึดถึกของสายอาชีพนี้ก็เชิดฉาย ส่วนอาวุธก็สามารถอัพเกรดให้มีน้ำหนักเบาลงได้ พอมาถึงช่วงเกือบท้ายเกม Vanguard ของเชพพาร์ดหญิงมีค่าเท่ากับ +200%!! เมื่อรีชาร์จได้เร็ว ก็ยิ่งใช้คอมโบของสายอาชีพนี้ได้ต่อเนื่องขึ้น!!



อาวุธและอุปกรณ์เสริมจะมีขายตามร้านทั่วไป เมื่อเข้าไปดูในเครื่องคอมฯของร้านครั้งนึงแล้ว ร้านค้าก็จะไปปรากฏอยู่บนยานนอร์มังดี ทำให้สามารถซื้อหาอาวุธได้โดยไม่ต้องลงมาจอดที่ซิทาเดลแล้วหาซื้อของเหมือนสองภาคแรก นับว่าสะดวกดีทีเดียว



การใช้งานเพื่อนๆร่วมทีมยังคงระบบของ Mass Effect 2 เอาไว้ แต่ศัตรูของ Mass Effect 3 เพิ่มความยากมากขึ้นพอสมควร ดังนั้นต่อให้เลือกทีมเจ๋งๆมาแล้ว ก็ใช่ว่าจะผ่านด่านได้โดยง่าย ศัตรูฝ่ายมนุษย์มีการอัพเกรดที่น่าหงุดหงิด เช่น มีตัวถือโล่ออกมา หรือมีตัวที่ติดตั้งป้อมปืน ฝ่ายรีปเปอร์ก็มีทั้งตัวยักษ์ ตัวแมลงยิงสไนประยะไกล ตัวแบนชีที่น่ารำคาญ แถมปริมาณศัตรูที่ออกมา ยังมีมากเสียด้วย ซึ่งก็นับว่าเป็นความท้าทายอยู่เหมือนกัน






ข้าพเจ้ายังสามารถควบคุมทิศทางยานนอร์มังดีได้เหมือนเดิม ระบบเติมเชื้อเพลิงยังมีเหมือนเดิม แต่ระบบซื้อโพรบหายไป แล้วเพิ่มระบบสแกนแผนที่ขึ้นมา 

ทว่าเมื่อเรากดสแกนแผนที่ พวกรีปเปอร์ก็จะรู้ตัวและเมื่อเส้นสีแดงถึงขีดสุด พวกรีปเปอร์ก็จะโผล่ออกมารุมขย้ำยานนอร์มังดี ทำให้เราต้องหลบหนี!




ระบบการเจาะหาแร่หายไป เพราะคราวนี้เชพพาร์ดกลับมาอยู่กับทหารแล้ว แต่การสแกนช่วยทำให้ข้าพเจ้าค้นหาความลับหลายอย่าง เช่น ข้าวของที่จำเป็นสำหรับไซด์เควสท์ หรือข้าวของที่จะเอามาใช้อัพเกรดตัวเชพพาร์ดได้

ก็ถือว่าเป็นกิมมิคที่ช่วยให้ตื่นเต้นพอสมควร





แต่ที่มีปัญหาในส่วนของระบบเกมสำหรับข้าพเจ้า กลับเป็นระบบเควสท์นี่แหละ

ใน Mass Effect กับ Mass Effect 2 ระบบเควสท์จะมีการอัพเดทว่า เควสท์นี้ ข้าพเจ้าได้ทำถึงนี่แล้ว เหลือจะต้องทำอย่างนี้ แต่ขอโทษเถอะ Mass Effect 3 ไม่มีระบบติดตามเควสท์! มีแต่รายละเอียดคร่าวๆแล้วให้ข้าพเจ้าวิ่งหาเอาเอง! ไม่บอกด้วยว่าดาวดวงนี้อยู่ระบบไหนยังไง ให้หาเอาเอง! มองในแง่มุมหนึ่งก็คิดได้ว่าทางผู้สร้างอยากหาอะไรมาให้ท้าทายคนเล่นเกม แต่... ข้าพเจ้าหงุดหงิดเหลือเกิน 

ปริมาณเควสท์ของ Mass Effect 3 มีมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเควสท์จุกจิกประมาณว่า ให้ออกไปค้นหาอันนั้นที แล้วข้าพเจ้าก็วิ่งขึ้นๆลงๆซิทาเดลบ้าง ออกไปนอกอวกาศ สแกนหาตามดวงดาวบ้าง บลาๆๆ แล้วก็เอาของมาส่งให้ ไม่เหมือนกับสองภาคแรกที่เควสท์จะดูจริงจังกว่านี้เยอะ ไม่ใช่ว่าระบบเควสท์จะเลวร้ายหรอก แต่มันน่าอึดอัดและน่าผิดหวังทั้งในแง่ตัวระบบและเนื้อหา





หัวใจสำคัญของ Mass Effect 3 คือการรวบรวมทุกๆฝ่ายเข้าด้วยกัน

ตัวเลือกใน Mass Effect 3 จะไม่เหมือนกับของ Mass Effect 2 ขณะที่ตัวเลือกของ Mass Effect 2 สัมพันธ์กับตอนจบของเกมตั้งแต่ตอนต้น Mass Effect 3 กลับเน้นไปยังสิ่งที่เรียกว่า War Assets หมายความว่าทิศทางการเลือกของข้าพเจ้าตั้งแต่ต้นเกมยันใกล้ท้ายเกม จะถูกปรากฏผลอยู่ในค่า War Assets นั่นเอง



เพื่อจะสู้กับรีปเปอร์ ข้าพเจ้าต้องเอาฝ่ายทูเรี่ยน (Turian ไม่ใช่ "ทุเรียน"!) มาเป็นพวก แต่การจะเอาทูเรี่ยนมาเป็นพวก ก็ต้องช่วยชาวโครแกนรักษาเจโนเฟจ (genophage) ก่อน เจโนเฟจเป็นอาวุธทางชีพภาพที่เอามาใช้คุมกำเนิดชาวโครแกนในช่วง "การก่อกบฏของโครแกน" ทำให้ชาวโครแกนไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ตามปกติ จนกลายเป็นปัญหาตลอดเกม Mass Effect ทั้งสามภาค (สาเหตุที่ทำให้เร็กซ์ตายในภาคแรกก็เรื่องนี้ด้วย)

แต่การจะช่วยชาวโครแกนรักษาเจโนเฟจ ต้องเลือกว่าจะยังอยากคงความสัมพันธ์ของชาวซาลาเรียนไว้หรือเปล่า เพราะชาวซาลาเรียนคัดค้านเรื่องเจโนเฟจหัวชนฝา 

แน่นอนว่าข้าพเจ้าเรื่องรักษาชาวโครแกน เพราะชาวโครแกนเข้าใจปัญหาของตัวเองลึกซึ้งแล้ว และต่อจากนี้จะแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น การไปเข้าข้างซาลาเรียนจจึงไม่อยู่ในหัวของข้าพเจ้าเลยไม่ว่าจะเล่นรอบไหนก็ตาม

เมื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้ ชาวทูเรี่ยนกับโครแกนก็จะเข้ามาอยู่ใน War Assets ของข้าพเจ้า



จากนั้นก็มีปัญหาระหว่างชาวควอเรียนกับเกธอีก

และนี่คือปัญหาสำคัญที่ข้าพเจ้าค้างคาใจจากการเล่นทั้งสองรอบที่ผ่านมา แต่เรื่องนี้จะเอาไว้พูดทีหลัง

War Assets จะสามารถตามเก็บได้จากการทำเควสท์เล็กเควสท์น้อยอย่างที่ว่าไปข้างต้น แล้วก็เคลียร์เควสท์จากใน DLC ทั้งสามตัว พูดง่ายๆคือยิ่งเคลียร์ปัญหา ยิ่งทำเควสท์ ก็ยิ่งได้ค่า War Assets มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว War Assets มีผลต่ออะไร?

War Assets จะมีเอาเข้ามาบวกกับตัวเลือกสามตัวเลือกในตอนท้าย ซึ่งมีผลต่อตอนจบสามแบบ และรายละเอียดจิปาถะอีกเล็กน้อย

กระนั้นตอนจบของ Mass Effect 3 ก็ยังน่าผิดหวังอยู่ดี



ข้าพเจ้าขอพูดถึง Mass Effect 3 ในแง่ดีก่อน

Mass Effect 3 มีอะไรหลายอย่างที่ดีเหลือเกิน มันมีฉากดีๆและคำพูดดีๆมากมาย เช่น 

การร่วมแรงร่วมใจของทุกเผ่าพันธุ์ ความหลากหลายของเผ่าพันธุ์แม้จะเป็นปัญหา แต่เมื่อมารวมตัวกันก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งได้




การเปิดกว้างทางรสนิยมของเพศ เกมภาคนี้มีตัวละครที่เป็นทั้งชายรักชายและหญิงรักหญิง แต่ไม่ว่าใครก็ล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนจักรวาล



ตัวละครผู้หญิงมีบทบาทสำคัญมากมาย ถ้าเลือกเชพพาร์ดให้เป็นผู้หญิง คนที่กู้จักรวาลก็จะเป็นผู้หญิง, คนที่คุมกำลังสำคัญของชาวโครแกนก็คือผู้หญิง, อาเรีย เจ้าแม่แห่งโอเมก้าก็เป็นผู้หญิง (โดยเฉพาะบทบาทใน DLC), ชาวอาซาริเป็นผู้หญิงยกดาว เป็นต้น 







และยังมีฉากดีๆมากมายจนนับไม่ถ้วน เช่น

Smiley ฉากรีปเปอร์ยึดโลก

Smiley ฉากรักษาเจโนเฟจ (ยิ่งถ้ามอร์ดินมีชีวิตรอดจาก Mass Effect 2 จะดีมาก)

Smiley ฉากเทรเชอร์มอว์สู้กับรีปเปอร์



Smiley ฉากที่เกี่ยวกับเธน (ถ้าเธนมีชีวิตรอดจาก Mass Effect 2)

Smiley ฉากเผชิญหน้ากับศัตรูที่เป็นมนุษย์ชื่อไค เลง (โดยเฉพาะถ้าเธนมีชีวิตรอดจาก Mass Effect 2)



Smiley ฉากฮาๆของเพื่อนร่วมทีมบางคนในยามพักผ่อน (โดยเฉพาะใน DLC : Citadel)




Smiley ฉากกรันท์สู้กับแร็คไน-รีปเปอร์ (ถ้ากรันท์รอดจาก Mass Effect 2)



Smiley ฉากรวมพลังกันของทุกๆฝ่ายในการโค่นรีปเปอร์ที่โลก



Smiley ฉากคำพูดระหว่างเชพพาร์ดกับเพื่อนๆทุกคนในตอนท้าย โดยเฉพาะของจาวิค ชาวโพรเธียนเพียงหนึ่งเดียวจากการถูกกวาดล้างเผ่าพันธุ์ของรีปเปอร์ในรอบที่แล้ว (แต่ต้องเล่น DLC ถึงจะได้จาวิคมา)

Smiley อุดมไปด้วยอาหารตาอาหารใจ







ในขณะเดียวกัน Mass Effect 3 กลับมีเรื่องน่าผิดหวังอยู่ไม่น้อย นอกจากเรื่องระบบเควสท์ที่ว่าไปข้างต้นแล้วก็ยังมี...

Smiley ตอนจบระดับตำนาน (ในแง่ที่ไม่ค่อยดี)... เพลงในตอนจบอาจจะช่วยสร้างอารมณ์ได้ดี แต่ถ้าไม่มีตัว Extended Cut มันจะเป็นอะไรที่หายนะมาก ความสัมพันธ์ของตัวละครที่สร้างขึ้นตลอดเกมทั้งสามภาค ถูกทิ้งไปเกือบหมดเลย แถมตอนจบยังแทบจะคล้ายๆกัน แค่เปลี่ยนสีเป็นเขียว, แดง, ฟ้าอีกต่างหาก... (Extended Cut เข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้นิดหน่อย เนื่องจากไม่ได้ทำใหม่ทั้งหมด แค่เพิ่มให้เห็นอะไรอีกนิด)

Smiley คำอธิบายเกี่ยวกับตัวเลือกในตอนท้าย จะมีผลดีถ้าผู้เล่นได้เล่น DLC ทั้งหมด รวมถึง DLC : Leviathan ส่วนเสริมที่จะเล่าประวัติว่ารีปเปอร์มาจากไหน ทำไมต้องซื้อ DLC เพื่อจะเข้าใจตอนจบได้ดีขึ้น? ทำไมคำอธิบายหลักๆจะอยู่ในเนื้อหาเกมเลยไม่ได้?



Smiley แล้วยังมีโมเดลตัวละครที่ค่อนข้างจะน่าเกลียดในหลายครั้ง เช่น ตัวละครเอี้ยวหัวไปด้านหลังแบบแปลกๆ (เหมือนไม่มีกระดูกคอยึด), นิ้วมือที่เหมือนเลอะอะไรสักอย่าง ทั้งที่ไม่ใช่ฉากสงครามหรือต่อสู้ (น่าเกลียดมาก), โมเดลหญิงของเชพพาร์ดที่เอามาใส่กระโปรงไม่ได้เลย เพราะถ้าใส่กระโปรง มันจะมีหลายจังหวะที่ดูไม่ค่อยได้ (น่าเกลียดที่สุด!)





เนื้อเรื่องของเกมค่อนข้างดี ระบบเกมก็เล่นได้สนุก มีช่วงเวลาดีๆมากมาย แต่เกมดีๆกลับถูกทำลายลงด้วยสิ่งเหล่านี้ น่าเสียดายมาก

ข้าพเจ้าเล่นรอบแรก เลือกตอนจบแบบสีเขียว Synthesis (ไม่ขออธิบายเพราะจะสปอยล์)

ข้าพเจ้าเล่นรอบสองแล้วเลือกแบบสีแดง Destroy เพื่อให้ได้ฉากจบสมบูรณ์แบบ คือตอนท้ายจะได้เห็นอะไรอีกนิด

ดังนั้นข้าพเจ้าก็เล่นรอบสามด้วยตอนจบแบบเดิมนั่นแหละ ไม่มีเหตุผลจะต้องเปลี่ยน

เป้าหมายของข้าพเจ้าที่จะต้องจัดการให้ได้ อยู่ที่ปัญหาของทาลิกับลิเจี้ยนต่างหาก!



ทาลิคือชาวควอเรียน

ชาวควอเรียนสร้างเกธขึ้นมา แล้วเกธก็ก่อกบฏจนชาวควอเรียนไม่อาจอยู่ในดาวบ้านเกิดของตัวเองได้ ต้องอพยพเร่ร่อนไปตามหมู่ดาว เป้าหมายของชาวควอเรียนคือ จะกลับไปทวงคืนบ้านเกิดจากเกธ

ลิเจี้ยนคือเกธ

แต่เป็นเกธรุ่นดั้งเดิมที่ไม่ได้ตั้งใจจะก่อสงครามอะไรกับสิ่งมีชีวิต เกธที่ไปเข้าร่วมกับรีปเปอร์ถูกเรียกว่า "พวกนอกรีต" ดังนั้นลิเจี้ยนจึงตั้งใจจะช่วยเชพพาร์ดในการทำลายรีปเปอร์ และดึงเกธให้กลับมาสู่ทิศทางของตัวเอง คืออยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิต

ในการเล่นรอบแรก ข้าพเจ้าไม่รู้จักลิเจี้ยน เพราะใน Mass Effect 2 ข้าพเจ้าไม่ได้ปลุกลิเจี้ยนให้ตื่นขึ้นมา พอลิเจี้ยนปรากฏตัวใน Mass Effect 3 และมีปัญหากับทาลิ ข้าพเจ้าฟังเหตุผลจากลิเจี้ยนแล้วจึงเลือกจะช่วยเหลือลิเจี้ยนในการปลดปล่อยเกธจากรีปเปอร์

แต่ผลคือจุดจบของชาวควอเรียน

เศร้ามาก ข้าพเจ้ารู้สึกผิดสุดๆ

พอเล่น Mass Effect 3 รอบสอง ข้าพเจ้าตั้งใจจะช่วยสองฝ่ายแก้ไขปัญหา แต่ไปทำพลาดตรงไหนสักแห่งไม่รู้ ไม่มีออพชั่นให้จบลงด้วยดี ข้าพเจ้าจึงเลือกจะยิงลิเจี้ยนตายคามือ พวกเกธถูกทำลายเละไม่เหลือ ทั้งที่เกธนั้น เอาจริงๆก็ไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมาก

ฉะนั้นพอมารอบสาม จึงต้องหาวิธีจัดการให้สมบูรณ์ให้ได้

ข้าพเจ้ารู้ว่าเงื่อนไขมันอยู่ที่...


1) Loyalty Mission ใน Mass Effect 2 : 

ตอนเล่น Mass Effect 2 รอบสอง ตอนที่ทาลิถูกขึ้นศาลพิพากษา ข้าพเจ้าดันไปทำให้ทาลิโดนขับไล่ออกจากกองยาง พอมาถึง Mass Effect 3 เธอจึงไม่มีอำนาจพอจะช่วยสนับสนุนลิเจี้ยน และสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นระหว่างสองฝ่ายได้ 

ส่วนของทางลิเจี้ยน ข้าพเจ้าเลือกจะรีไรท์ข้อมูลของ "พวกนอกรีต" ตามที่ลิเจี้ยนต้องการ มากกว่าจะทำลาย "พวกนอกรีต" ทิ้ง จึงเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกธ และชาวควอเรียนไม่ชอบเรื่องนั้น

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือ ทำให้ทาลิไม่โดนขับไล่ใน Mass Effect 2 แล้วใน Mass Effect 3 ผลลัพธ์จะกลายเป็นว่า ทาลิได้เลื่อนขั้นเป็นนายพลเรือ มีอำนาจพอในกองทัพของควอเรียน 



ส่วนทางด้านลิเจี้ยน เพื่อให้ปลอดภัย ข้าพเจ้าต้องยอมทำลาย "พวกนอกรีต" ทิ้ง แม้จะได้ค่า renegade (ด้านลบ) มาเพียบเลยก็ตาม แถมยังคงค่า Loyal เอาไว้ได้ด้วย



ทั้งสองภารกิจจะมาบวกเข้ากับเหตุการณ์ที่ทาลิกับลิเจี้ยนทะเลาะกันบนยานใน Mass Effect 2 ถ้าเคลียร์แบบสันติวิธีได้ (ด้วยค่า Paragon หรือ Renegade สูงสุด) เงื่อนไขที่เป็นต้นเหตุก็จะคลี่คลายไประดับหนึ่ง



ผลลัพธ์จากการแก้ไขปัญหาใน Mass Effect 2 ----> เคลียร์


2) ค่า Paragon/Renegade ต้องมากพอ

เช่นเดียวกับ Mass Effect 2 การจะแก้ไขปัญหาของสองเผ่าพันธุ์นี้ได้ การที่ค่า Paragon/Renegade อยู่กึ่งกลางไม่ช่วยอะไร ต้องเอาให้มันสุดๆไปเลยสักทาง ถึงจะแก้ไขปัญหาได้

คราวนี้ข้าพเจ้าอัพ Paragon เต็มแม็กซ์ก่อนจะทำภารกิจกู้ดาวของชาวควอเรียน

ผลลัพธ์เรื่องอัพค่า Paragon เต็มแม็กซ์ใน Mass Effect 3 ----> เคลียร์


3) ต้องช่วยนายพลที่ติดอยู่ในดงข้าศึก

ใน Mass Effect 3 มันจะมีภารกิจให้ข้าพเจ้าต้องไปช่วยนายพลชาวควอเรียนคนหนึ่งที่ติดอยู่ในดงข้าศึก หากข้าพเจ้ายอมทำตามความต้องการของนายพล เลือกไปช่วยพวกพ้องแทน จะทำให้ขาดกำลังสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาระหว่างควอเรียนกับเกธ 

ข้าพเจ้าต้องการนายพลคนนี้มาเป็นเสียงสนับสนุนอีกหนึ่งเสียง จึงต้องยอมขัดใจ เลือกช่วยนายพลแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าพลาดในการเล่นรอบแรก!



ผลลัพธ์เรื่องการช่วยนายพลเท่านั้นใน Mass Effect 3 ----> เคลียร์


4) ทำภารกิจของลิเจี้ยน

ใน Mass Effect 3 ลิเจี้ยนจะขอให้เราเข้าไปช่วยปลดปล่อยเกธจากรีปเปอร์ในคลังข้อมูล ในระหว่างที่เราอยู่ในคลังข้อมูล จะได้เห็นประวัติศาสตร์ของเกธ ว่าจริงๆแล้วเกธไม่ได้ชั่วร้ายอะไร คนที่ก่อให้เกิดสงครามระหว่างสองฝ่าย คือชาวควอเรียนกลุ่มหนึ่งต่างหาก




ผลลัพธ์เรื่องการช่วยลิเจี้ยนทำเควสท์ใน Mass Effect 3 ----> เคลียร์


เมื่อข้าพเจ้าทำตามเงื่อนไขทั้งหมดนี้ครบ...

ในที่สุดก็มีออพชั่นที่จะช่วยสร้างสันติภาพให้กับทั้งสองฝ่ายได้โผล่ออกมา!



ในที่สุด! 

ในที่สุดเป้าหมายในการเล่นรอบสามของ Mass Effect ไตรภาคก็ครบถ้วนสมบูรณ์!

YES! YES, YES! YEEEESSSSSSS!!!!





โอ... รู้สึกเหมือนเป็นการเดินทางอันยาวนานทั้งที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงเดือนพฤษภาคมเดือนเดียว

ข้าพเจ้ารักเกมชุด Mass Effect ทั้งสามภาค แม้ Mass Effect 3 จะมีปัญหาในเรื่องตอนจบกับเนื้อหาสำคัญที่ต้องจ่ายตังค์เพิ่มก็ตาม 

มันมีอะไรดีๆให้ข้าพเจ้าจดจำมากมายเหลือเกิน ข้าพเจ้าคงจะจำเกมนี้ไปอีกเนิ่นนานแน่นอน หลังเล่นเกมรอบสามจบ ข้าพเจ้าอยากหาซื้อหนังสืออาร์ตบุค (The Art of Mass Effect Universe) และหนังสือการ์ตูนที่เล่าถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของตัวละครบางตัว มาเก็บไว้เป็นที่ระลึก

อยากได้ของที่ระลึกอีกมากมาย แต่กำลังทรัพย์มีจำกัด จึงต้องค่อยๆเลือกที่ต้องการจริงๆหน่อย 

การรำพันถึง Mass Effect ไตรภาครอบที่สาม จึงมีอันต้องจบแต่เพียงเท่านี้

หากอ่านมาถึงตรงนี้ได้ก็ขอขอบพระคุณมากขอรับ!


จบบริบูรณ์...?







Create Date : 29 พฤษภาคม 2559
Last Update : 5 มิถุนายน 2559 15:53:39 น.
Counter : 6082 Pageviews.

1 comments
  
สุดยอดมากครับ
โดย: Prasert IP: 1.47.192.25 วันที่: 24 เมษายน 2560 เวลา:11:11:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมาหัวโจก
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



All Blog