Batman v Superman : Ultimate Edition... หนังดีขึ้น? ...อืม (สปอยล์)






Batman v Superman : Dawn of Justice เป็นความเจ็บปวดใจของผมในฐานะแฟนแบทแมน และอยากเอาใจช่วยฝ่าย DC Comics

มันมีอะไรเจ๋งๆอยู่เยอะ แต่โดยรวมแล้วไม่ไหวจะเคลียร์ ผมเลยให้ 4.8/10 ตามที่ผมพูดไปแล้วใน "บล็อกแบบไม่สปอยล์" และ "บล็อกแบบสปอยล์"

ปัญหาใหญ่ของหนังคือ การเล่าเรื่องที่เละเทะ การตัดต่อที่เดี๋ยวตัดไปซีนนู้นที ตัดไปซีนนี้ที การเล่าเรื่องดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย

แล้วตัว Ultimate ที่มีความยาว 3 ชั่วโมง จะช่วยพี่แบทกับพี่ซุปได้จริงๆน่ะหรือ?

นี่คือ 3 คำตอบสำหรับ "ใช่" และ 3 คำตอบสำหรับ "ไม่ใช่"



3 "ใช่" :

1) การเล่าเรื่องในช่วงครึ่งแรก ดีขึ้นเยอะมาก! ดูลื่นไหลกว่าเวอร์ชั่นหนังโรงแบบสามสี่เท่าตัว จังหวะจะโคนที่เคยกระโดดข้ามไปมา กลับมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวขึ้นกว่าเดิม!

2) แม่เจ้า! นี่แหละที่ผมต้องการเลย! ผมชอบซูเปอร์แมนในเวอร์ชั่น Ultimate เราได้เห็นแง่มุมของซูเปอร์แมนมากขึ้น ในขณะที่เวอร์ชั่นหนังโรงเน้นไปทางแบทแมนซะเยอะ ขนาดวันเดอร์วูแมนยังเด่นนำหน้าเลย!

ในเวอร์ชั่น Ultimate ผมได้เห็นในสิ่งที่ผมอยากเห็น ผมได้เห็นซูเปอร์แมนที่ทำหน้าสับสน ซูเปอร์แมนเชื่อว่าเขาทำหน้าที่ช่วยเหลือคน แต่มีคนจำนวนหนึ่งกลับต่อต้านหรือโจมตีในแง่ของพลังอำนาจและความรุนแรง พอได้เห็นข่าวบนทีวีที่วิพากษ์วิจารณ์ ซูเปอร์แมนก็ทำหน้าแบบ... "อะไรว้า ตกลงแล้วสิ่งที่ตูทำมันผิดหรือถูกกันแน่? ตกลงแล้วมันไม่ดีเหรอ?" อะไรแบบนี้ 

ผมชอบตรงนี้มาก!




แล้วเหตุผลที่ซูเปอร์แมนต้องตามล่าแบทแมนก็ชัดเจนขึ้น มันมีช่วงที่ซูเปอร์แมนต้องไปทำข่าวที่ก็อทแธม แล้วก็ได้เห็นได้ยินอะไรเกี่ยวกับแบทแมนเยอะ แบทแมนเวอร์ชั่นนี้กลายเป็น Punisher (ตัวละครมือสังหารของ Marvel) ไปแล้ว แบทแมนไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งความถูกต้องของชาวก็อทแธมอีกต่อไป ใช้ความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม และมีชาวบ้านไม่พอใจ 



ที่ผ่านมาซูเปอร์แมนได้เรียนรู้อะไรมาสมควร โดยเฉพาะตอนที่หักคอซอด (ใน Man of Steel) ดังนั้นซูเปอร์แมนจึงมาหยุดแบทแมนขณะกำลังไล่ล่า (ฆาตกรรม) ผู้ร้าย!

อ้อ เหตุผลที่ซูเปอร์แมนมาหยุดแบทแมน เพราะงี้นี่เอง เม้กเซนส์ขึ้นเยอะ!



แล้วยังมีฉากดีๆหลายฉากที่ถูกตัดออกจากเวอร์ชั่นหนังโรง เช่น เราได้เห็นฉากที่ซูเปอร์แมนช่วยเหลือคนหลังจากศาลถูกระเบิด แล้วมองไปรอบๆเห็นผู้คนบาดเจ็บ ซูเปอร์แมนรู้สึกผิดหวังในตัวเอง เลยบินจากไป

หรือเหตุผลที่ซูเปอร์แมนมองไม่เห็นระเบิดภายในศาล นั่นเป็นเพราะระเบิดถูกหุ้มด้วย "ตะกั่ว" ซึ่งตาเอ็กซ์เรย์ของซูเปอร์แมนมองทะลุไม่ได้ อ้อ... มีเหตุผลว่ะ เออ มีเหตุผลจริงๆ! จะตัดออกทำไม?



3) แผนการของเล็กซ์ ลูธอร์ชัดเจนขึ้น

ในเวอร์ชั่นหนังโรง แผนการทะเลทรายในตอนแรกที่ผู้ร้ายใช้ปืนยิงเพื่อใส่ความซูเปอร์แมนน่ะ ไม่ได้เรื่องเลย! ไม่สมเหตุผลสุดๆ!

แต่ใน Ultimate เราได้เห็นว่า อ้อ มันยิงแล้วเอาศพมาเผา ทำให้ดูเหมือนว่าซูเปอร์แมนใช้ตาเลเซอร์ทำลายผู้คนหรือชาวบ้าน ถึงจะสงสัยอยู่ดีว่า เอ่... แล้วกระสุนล่ะ? กระสุนในศพนี่ ตกลงแล้วถูกไฟทำลายไปด้วย? แล้วกระสุนที่ฝังในพื้นตอนยิงกราดล่ะ? อืม... เอาเถอะนะ ถึงจะไม่ได้สมเหตุผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังดีกว่าเดิมมาก เฮ้อ ตัดออกทำไมว้า?



แล้วใน Ultimate เราก็ได้เห็นว่าลูธอร์ชักนำให้ซูเปอร์แมนกับแบทมาสู้กันยังไง เราค่อยๆได้เห็นแผนการทีละนิดทีละหน่อย เป็นการตอบคำถามคาใจสำหรับผมว่า... เฮ้ย ตกลงแล้วลูธอร์มันมีส่วนในการทำให้ซูเปอร์แมนกับแบทแมนมาสู้กันได้ยังไง? ในที่สุดก็ได้เห็นคำตอบแล้ว เย้



3 "ไม่ใช่" :

1) หนัง Batman v Superman มีปัญหาโดยระดับพื้นฐานของมันอยู่แล้ว ตั้งแต่ไอเดียในขั้นตอนการสร้างและการเขียนบทเลยด้วย ฉะนั้นเวอร์ชั่น Ultimate 3 ชั่วโมง อาจช่วยทำให้ภาพโดยรวมดูเม้กเซนส์ขึ้น แต่ก็ยังไม่ช่วยแก้ปัญหาสำคัญอยู่ดี ปัญหาสำคัญของ Batman v Superman คือ... การเป็นหนังเซ็ทอัพ (ปูพื้น) ที่จะโยงไปสู่ Justice League และหนังของ DC เรื่องต่อๆไป! 

มันมีแต่การเซ็ทอัพ เซ็ทอัพ แล้วเซ็ทอัพ ดังนั้นฉาก Injustice (ผมเรียกแบบนี้ ฉากความฝันหรืออะไรสักอย่างที่แบทแมนสวมชุดเวอร์ชั่นทะเลทรายและซูเปอร์แมนเข้าสู่ด้านมืด) ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นหนังก็ยัง... ไม่จำเป็นสำหรับการเล่าเรื่องใน Batman v Superman อยู่ดี ดูแปลกแยกและโดดออกไปชัดเจน และทำให้หนังยาวขึ้นกว่าเดิมโดยใช่เหตุ



เหตุผลในการสู้กันของซูเปอร์แมนกับแบทแมนดูดีขึ้น แต่วิธีการแก้ไขปัญหาด้วยคำว่า "มาร์ธา" คำเดียวก็ยัง... ชวนให้กุมขมับอยู่ดี

โลอิส เลนมีบทบาทมากขึ้น แต่พอมาถึงฉากไคลแม็กซ์ที่สู้กับดูมเดย์ เธอยังทำตัวไร้ประโยชน์ เป็นส่วนเกินของช่วงนั้นอยู่ดี...

ฉากไคลแม็กซ์ในองก์ที่ 3 ทำให้ซัพพล็อตเรื่องการปรักปรำซูเปอร์แมนกับกระสุนปริศนา กลายเป็นประเด็นไร้ค่าไปเลย แล้วพลอยทำให้โลอิส เลนจืดจางไปด้วย 

และการเอา Death of Superman มาใช้เป็นไคลแม็กซ์ รวมถึงตัวดูมเดย์ ก็ยังรู้สึกว่า "มาเร็วเกินไป" อยู่ดี อีเวนท์ที่สำคัญแบบนี้ ควรจะเล่นในหนัง Man of Steel 2 หรืออะไรแบบนี้มากกว่านะ คือเอามาใช้เป็นแกนสำคัญของหนังซูเปอร์แมนเดี่ยวๆไปเลย ไม่ใช่ต้องแชร์กับแบทแมนหรือวันเดอร์วูแมนแบบนี้



2) เวอร์ชั่น Ultimate เล่าเรื่องสมบูรณ์ขึ้น แต่มันมาพร้อมกับความยาวร่วมครึ่งชั่วโมง ทำให้กว่าจะเข้าฉากแอ็กชั่นต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิม!

คือเข้าใจเจตนาผู้สร้างนะ ก็เห็นความพยายามที่น่าชื่นชมอยู่

แต่คำถามสำหรับผมคือ...

ถ้าพล็อตมันเยอะเกินไปสำหรับหนัง 2 ชั่วโมงครึ่ง... หรือ 3 ชั่วโมง ก็แล้วทำไมไม่เขียนบทให้พล็อตมันกระชับตั้งแต่แรกล่ะ?

คือหนังสมัยนี้ โดยเฉพาะหนังจากหนังสือการ์ตูน ไม่รู้เป็นไร ทำไมต้องมีซัพพล็อต (พล็อตรอง) เกิดขึ้นมากมาย พยายามจะทำให้ซับซ้อนกันเสียเหลือเกิน ผมชอบ Captain America : Civil War แต่ก็รู้สึกแบบเดียวกันคือ ทำไมซัพพล็อตมันดูยุ่งเหยิงจัง

ในขณะที่ Captain America : Civil War อย่างน้อยก็ยังมีวิธีการเล่าเรื่องที่สนุก แต่ Batman v Superman นั้น ความสมบูรณ์ของพล็อตกลับต้องแลกมากับการใช้เวลาเล่าเรื่องที่ยาววววมาก ทำให้ครึ่งแรกดูไม่สนุกหนักกว่าเดิมอีก

3) ลูธอร์ของเจสซี ไอเซนเบิร์กยัง... ห่วยแตกเหมือนเดิม รู้สึกรำคาญกับการแสดงมาก ความน่าสนใจของคาแร็กเตอร์ก็เป็นศูนย์ ดูยังไงก็ยังกุมขมับ โดยเฉพาะไอ้ตรง "ดิ้งๆๆๆ" เนี่ย

เว้ย! ใครก็ได้ ไปเช็ดขี้มูกลูธอร์หน่อยเซะ!





สรุป

Batman v Superman : Dawn of Justice เวอร์ชั่น Ultimate ทำให้หนังสมบูรณ์ขึ้น แต่ก็ทำให้หนังยาวววมากและปัญหาหลักๆของเวอร์ชั่นหนังโรงก็ยังอยู่พร้อมหน้า 

ในขณะที่เวอร์ชั่นหนังโรง ผมให้ 4.8 เวอร์ชั่น Ultimate นี้ผมให้... 

6/10

ถ้าเวอร์ชั่น 3 ชั่วโมงนี้เอามาฉายในโรงตั้งแต่แรก เชื่อว่ายังไงหนังก็ไม่ทำเงินได้มากขึ้นกว่าเดิมหรอก เพราะถ้าเทียบกับ Civil War แล้วหนังยังขาด "ความบันเทิง" อยู่ค่อนข้างมาก และคำวิจารณ์ทั้งนักวิจารณ์กับคนดูก็ไม่น่าจะแตกต่างจากที่เป็นอยู่ในวันนี้ด้วย 

แต่ก็ยังมองว่าเป็นหนังสำคัญที่แฟนซูเปอร์ฮีโร่ควรจะต้องดูอยู่ดี โดยเฉพาะกับเวอร์ชั่น Ultimate นี้!





Create Date : 09 กรกฎาคม 2559
Last Update : 9 กรกฎาคม 2559 18:30:48 น.
Counter : 2693 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมาหัวโจก
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



All Blog