~* ~* ~* ~* ~* ~* อีกหนึ่งที่เที่ยวกับ Peranakan Museum@Singapore ~* ~* ~* ~* ~* ~*






สวัสดีค่า





หลังจากรีวิวที่เที่ยวของสิงคโปร์ที่ไปเองแล้ว 2 ที่ได้แก่

1. สิงคโปร์ฟลายเออร์ ยิ่งสูงยิ่งสวย (คลิกเพื่ออ่าน)

2. วัดพระเขี้ยวแก้ว ณ สิงคโปร์ (คลิกเพื่ออ่าน)









วันนี้จะเอารีวิว Peranakan Museum ซึ่งได้ทำการย่อรูปด้วยโปรแกรมที่ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ ณ ห้องบลูฯ เพื่อความรวดเร็วมาให้ดูกันนะคะ (แต่ลืมกลับรูปตามที่เขาสอนซะงั้น เง่อ.. เลยทำให้ลายน้ำบางอัน จะตะแคงๆ หน่อยนะคะ )


ที่ได้ไปที่นี่ก็เพราะโนเกียจัดปาร์ตี้ดินเนอร์ที่นี่ค่ะ อย่างที่ได้รีวิวไปแล้วที่ ลิงค์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)







ว่าแล้วก็เริ่มด้วยด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เมื่อเดินทางไปถึงเวลาเย็นๆ แล้วกันค่ะ




















อาคารหลังนี้ แต่เดิมเป็นโรงเรียนค่ะ สร้างมาตั้งแต่ปี 1910 น่ะค่ะ ก็เกือบร้อยปีแล้วนะนี่




















ก่อนงานจะเริ่ม เขาก็บอกว่า ร้านขายของที่ระลึกกำลังจะปิด ถ้าจะซื้ออะไรให้เข้าไปตอนนี้เลย ก็เลยแวะเข้าไปดูค่ะ

ร้านนี้ ถ้าหันหน้าเข้าพิพิธภัณฑ์ จะอยู่ทางซ้ายมือนะคะ





















ก็มีทั้งของที่เอาไปประดับ ตกแต่งบ้านได้ หนังสือหนังหาต่างๆ ค่ะ เราซื้อ Peranakan Culture มาหละ ก็กะว่า..จะเอามาประกอบรีวิวนี้ แต่..แต่..หาไม่เจออะค่ะ




กรุณาอย่าเดาว่า เป็นเพราะบ้านรกขนาดไหน เพราะความจริงแล้ว มันรกกว่าที่ท่านคิด



ซึ่งซื้อของที่นี่สามารถใช้บัตรเครดิตได้นะคะ

















เข้าไปข้างใน มี directions บอกด้วยว่า ในพิพิธภัณฑ์มีอะไรประมาณไหนบ้าง (ชอบสีสันที่นี่จริงๆ)



















หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็มีการพาชมพิพิธภัณฑ์โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ค่ะ ที่จริงกลุ่มประเทศไทยน่ะ สุดท้ายเลยค่ะ แต่ไปๆ มาๆ จำไม่ได้ว่าชาติไหนกลับไปก่อน (ไม่มาเลย์ก็สิงคโปร์แหละค่ะ) ก็เลยยุบรวมกันเป็นกรุ๊ปเดียว เราเลยได้ดูเร็วขึ้นค่ะ


ก่อนอื่น ขอแทรกด้วยเพดานของที่นี่ก่อน ช้อบ..ชอบค่ะ โคมไฟยังกะพระจันทร์แหนะ




















หันหน้าเข้าเคาน์เตอร์ของพิพิธภัณฑ์ ด้านขวามือจะเป็นล็อกเกอร์รับฝากของค่ะมีทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ดีจัง




ค่าฝากก็ 1 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 24 บาท) และมีคำอธิบายวิธีการใช้ที่หน้าตู้ค่ะ







จากนั้นก็เข้าสู่ห้องแรก Origins (จะอยู่ชั้นล่างสุดเลยทางซ้ายมือ)ค่ะ



















เราก็ได้รับแจกเป็นสมุดบันทึกดังนี้ค่ะ ข้างในเป็นกระดาษแบบไม่มีเส้น (ซึ่งเราชอบมาก หุๆ)




















เข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่ก็อธิบายว่า Peranakan หมายถึง คนที่มีกำเนิดมาจากชาวจีนที่เดินทางมายังแถบถิ่นนี้ จากนั้นก็มีการอยู่กินกับชนพื้นเมืองที่เป็นลักษณะแขกๆ อะค่ะ ทำให้เกิดเป็นเผ่าพันธุ์ผสม ซึ่งเขาก็บอกว่า มีทั้งอินโดฯ มาเลย์ และสิงคโปร์


แต่พอมีคนถามว่า แล้วไทยหละ เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไม่มี ซึ่ง..เราขอเถียงสุดใจ (แต่โดยมารยาท ไม่อยากหักหน้าเขาง่ะ ใครเก่งภาษาอังกฤษ ส่งเมล์ไปบอกเขาหน่อยสิคะ)

ของไทยมีที่ภูเก็ตค่ะ ที่เราเรียกว่า จีนบ๊ะบ๋า จีนยองยา ซึ่งถ้าใครอยากรู้จักมากขึ้น หาหนังสือภูเก็ตของสนพ.สารคดีอ่านค่ะ จะมีรายละเอียดอยู่

ไม่รู้ว่าเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าเป็นเพราะเหตุอื่นกันแน่



















อีกฝั่งจะมีแผนที่ บอกเรื่องของการเดินทางจากจีน มาตั้งรกราก และสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ ณ แถบถิ่นนี้นะคะ



















ที่ผนังก็จะมีรูปต่างๆ อย่างรูปนี้ น่าจะเป็นพิธีแต่งงานค่ะ แต่คนสมัยก่อน เวลาถ่ายรูปเขาไม่ค่อยยิ้มกันเนาะคะ แหะๆ






















จากห้องนี้แล้ว เขาก็พาขึ้นไปยังชั้นบนค่ะ (ภาพอาจจะพร่าไหวหน่อย เพราะตั้งใจถ่ายแบบไม่ใช้แฟลช เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นค่ะ (แต่รบกวนสายตาคนดูรีวิว แหะๆ))


ชั้นที่สอง ห้องที่ 2-5 เป็นประเพณีเรื่องแต่งงานค่ะ ที่จริงมีข้อมูลเรื่องเล่าอะไรมากมายค่ะ แต่ข้าพเจ้าความจำปลาทอง ลืมไปหมดแล้ว (คือตอนนั้นก็ไม่ได้ฟังไปจดไป มัวแต่ถ่ายรูป เพราะคิดว่าเอาข้อมูลในหนังสือมาเล่าก็ได้
แต่พอหนังสือหายก็เป็นอัน..จบข่าว ดูรูปเอาเป็นหลักแล้วกันค่ะ ถ้าอยากรู้ข้อมูล คงต้องหาอ่านเพิ่ม หรือไปเที่ยวด้วยตัวเองนะคะ แหะๆ)


















โซนแรกทางขวามือจะเป็นพวกเครื่องประดับในงานแต่งงานต่างๆ ค่ะ



















อย่างรูปนี้ ซ้ายมือคือเครื่องประดับในงานแต่งงานของสิงคโปร์/มะละกา ส่วนฝั่งขวาจะเป็นเครื่องประดับในงานแต่งงานของปีนังค่ะ













ซูมๆ มาให้อ่านนะคะ เผื่อใครอยากได้ข้อมูลเพิ่ม (แต่รูปล่างพร่าเบลอเล็กน้อย ขออภัยค่ะ)























ส่วนตัวนี้ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นที่เอาไว้ใส่ของพวกสินสอด ข้าวของที่ใช้ในพิธีทั้งหลายค่ะ (จะเห็นว่า ส่วนใหญ่อยู่ในตู้กระจก จับต้องไม่ได้ เพราะเป็นของจริงทั้งหมดน่ะค่ะ)
















ส่วนตัวนี้จำไม่ได้ค่ะ แต่ใช้ในพิธีแต่งงานเช่นกัน




















เสน่ห์และ tips อย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ ในแทบทุกห้อง จะมีกล่องเล็กๆ ใส่ของที่เกี่ยวกับห้องนั้น เอาไว้ให้เราจับและสัมผัสได้ค่ะ

อย่างนี้เป็นต้น



แต่รูปบนนี่ ของไม่ครบ ซึ่งการบอกขออภัยของเขาก็น่ารักดีค่ะ ดูซอฟท์ดี ชอบจัง


















ซึ่งในกล่องที่ให้จับได้นี่ ก็จะมีอธิบายอีกทีด้วยนะคะว่าคืออะไร อย่างเจ้านี่ก็เป็นรองเท้าของเจ้าสาวค่ะ




















นอกจากนั้นก็ยังมี gimmic น่ารักๆ อย่างการประทับตราสะสมในแต่ละห้องด้วยค่ะ ซึ่งข้างๆ ที่กดก็จะมีบอกว่าเป็นรูปอะไร มีทั้งตัวอย่างรูปที่จะได้ แล้วก็คำอธิบายว่ารูปนั้นๆ คืออะไรด้วย คนไทยก็ได้ประทับตรากันสนุกไปค่ะ


















เราประทับตราลงในสมุดส่วนตัวค่ะ (ตอนนั้นก็โง่ คิดไม่ทันว่าควรประทับตราในสมุดที่เขาให้มา เหอๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเป็นเส้นๆ แล้ว)


อันนี้ยังกดไม่แรงพอ รูปเลยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ง่ะ

























นอกจากนั้นก็มีการอธิบายข้อมูลด้วยจอคอมฯ พร้อมหูฟังด้วยค่ะ เก๋ดี ชอบจัง ประเทศที่เจริญๆ นี่ เขามีพิพิธภัณฑ์ดีๆ กันทั้งนั้นเลยนะคะ























ของต่างๆ ที่ใช้ในพิธีค่ะ ผลไม้ ขาหมู เครื่องประดับ ซึ่งก็มีความหมายที่ดีน่ะนะคะ


























ในการแต่งงาน ก็จะมีของที่ครอบครัวของเจ้าสาว จะต้องมอบให้กับครอบครัวของเจ้าบ่าวด้วยค่ะ



ของข้างบนนี่ เจ้าสาวต้องทำด้วยตัวเองนะคะ เป็นการแสดงฝีมืออย่างหนึ่งค่ะ




















ถัดมาก็มีตู้เครื่องประดับสำหรับงานแต่งอีกเช่นกัน พวกเข็มขัด กำไล ฯลฯ
























ส่วนต่อไป จะเป็นการจำลองบ้านของเจ้าบ่าวเวลาเจ้าสาวเข้าไปในบ้านค่ะ รูปที่เห็นนี่ รู้สึกว่าจะเป็นเจ้าของของของที่แสดงอยู่ทั้งหมดนะคะ

กระด้งที่เห็นนี่ (ถ้าจำไม่ผิด) เจ้าสาวจะต้องไปนั่งในกระด้งค่ะ และหันหน้าเข้าบ้านของเจ้าบ่าว หันหลังให้ครอบครัวตนเอง เพราะนับจากนี้ไป บ้านของเจ้าบ่าว จะกลายเป็นที่พำนักถาวรของเจ้าสาวแล้ว


















ตราประทับในห้องนี้เป็นรูปนี้ค่ะ




















เจ้าสาวจะต้องหันหน้าเข้าแท่นนี้ด้วยค่ะ (ถ้าจำไม่ผิด..อีกแล้ว) เป็นเหมือนหิ้งหรือแท่นบวงสรวงของครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวน่ะค่ะ
















อ่านคำอธิบายแล้วกันค่ะ แหะๆ (ถ่ายรูปนี้มาด้วย น่าจะเป็นคำอธิบายเจ้านี่แหละนะคะ)




















นี่คือฝั่งที่เจ้าสาวต้องหันหลังให้ค่ะ (จะเห็นว่าทำเป็นรูปคล้ายๆ ประตูน่ะนะคะ)



















ของใช้ต่างๆ ที่ทำด้วยเงิน สำหรับชาว Peranakan แล้ว เครื่องเงินแสดงถึงฐานะของคนที่ร่ำรวยค่ะ เพราะงั้นการให้ของที่ทำจากเครื่องเงิน ก็บ่งบอกถึงสถานะอย่างหนึ่งด้วย


















ต่อไปเป็นตู้สองชั้นที่ทำจากไม้สัก เคลือบเงาค่ะ ก็เป็นอีกสิ่งที่ครอบครัวเจ้าสาวจะมอบให้กับเจ้าสาวค่ะ























ตัวนี้ก็เป็นตู้อีกแบบค่ะ พร้อมเครื่องเรือนอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่จะแสดงฐานะของเจ้าสาวด้วยเช่นกัน (เราว่าคล้ายๆ ที่เกาหลีอยู่นะคะ เกาหลีเวลาแต่งงานนี่ ฝ่ายชายเป็นคนจัดการเรื่องบ้าน (หรือคอนโด) ส่วนฝ่ายหญิงเป็นคนหาเครื่องเรือนแลเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ค่ะ)




















งานฝีมือต่างๆ ค่ะ เราชอบสีสันในพิพิธภัณฑ์นี้จัง หวานดีอ้ะ (เขาเรียกสีพาสเทลใช่ปะคะ?)



















โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมพวกเครื่องเคลือบค่ะ มีพวกอ่างล้างหน้า กระปุกใส่แป้ง และอื่นๆ ค่ะ





















เตียงและโต๊ะรับประทานอาหารค่ะ สวยดีเนาะ ดูของที่อยู่กลางโต๊ะซะก่อน ง้าม งาม




















โซนนี้ตราประทับเป็นรูปกิเลนค่ะ
























ตอนนี้เราก็ได้ตราประทับมาสามอันแล้วค่ะ





















ลำดับต่อไปเป็นคล้ายๆ พรมค่ะ เป็นงานฝีมือเช่นเดียวกัน






















ภาพเมื่อกี๊เบลอแล้ว ภาพนี้ยิ่งเบลอกว่า ห้องแต่งตัวอีกห้องค่ะ จะเห็นโถใส่เครื่องประดับที่เป็นชั้นๆ ด้วย




















ในห้องนี้ จะมีขบวนแห่จำลองด้วยค่ะ (ประมาณแห่ขันหมากบ้านเราน่ะนะ)























ตรงโคมมีตัวอักษรจีนด้วย ท่านใดอ่านออก วานบอกด้วยนะคะ เราน่ะ..จำไม่ได้แล้ว แหะๆ
(แก้ไขตามที่ :D keigo :D คห.ที่ 3 บอกนะคะ ตัวอักษรจีนแปลว่าความสุขค่ะ)























แล้วก็มีของให้จับอีกเช่นกัน




















ส่วนตัวนี้ คล้ายๆ สิงโตที่เอาไว้ตั้งหน้าอาคารน่ะค่ะ




















ส่วนลำดับต่อไป คือ..ถ่ายสองรูปนี้มาติดกันค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นการอธิบายของรูปบนนะคะ





















แต่พออ่านแล้วก็ไม่แน่ใจนัก แต่จะว่าอธิบายรูปต่อไปนี้ ก็ไม่น่าจะใช่ง่ะค่ะ (ตกลงรีวิวนี้มีประโยชน์อะไรบ้างเนี่ย?)





















ออกมาหน้าห้อง มีคอมตัวนี้อธิบายอยู่ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ถึงได้กลายเป็นหมอนวด (ที่คงไม่ได้หมายถึงอาชีพพิเศษอย่างนั้น) มาเล่าให้ฟังค่ะ(ที่จริงถ่ายมาเพื่อจะให้เห็นว่าเขามีซับอังกฤษอธิบายด้วยน่ะ แหะๆ)




















แล้วก็มีรวมรูปถ่ายของชาวเพรานากันสมัยก่อนด้วยค่ะ อันนี้ที่จอคอมฯ นะคะ วิธีพลิกรูปดูก็แตะที่มุมขวาล่างของสมุดน่ะค่ะ



















เสร็จจากชั้นนี้ เราก็ขึ้นไปยังชั้นต่อไปค่ะ ที่ชั้นสาม ห้องนี้จะเป็นห้อง Nonya ค่ะ (น่าจะคล้ายๆ ยองยาที่ภูเก็ตแหละค่ะ)

หนังสือหาย ไม่รู้จะอธิบายต่ออย่างไรเลย

แต่ถ้าเป็นยองยาของภูเก็ต หมายถึงชาวเพรานากันที่เป็นหญิงน่ะค่ะ




















ถึงตรงนี้วิทยากรก็เริ่มเร่งแล้วค่ะ เพราะกลุ่มแรกๆ เขาเสร็จนานแล้ว ไปรอบนรถแล้ว ซึ่งต้องรอกลุ่มเราดูเสร็จถึงจะกลับพร้อมกันได้ง่ะ เข้าไปในห้อง Nonya ก็เจอโซนนี้ค่ะ ซึ่งถ้าเรายกหูโทรศัพท์ขึ้น ก็มีการบอกเล่าข้อมูลต่างๆ ให้ฟังด้วย เก๋ดี



















ตรงฝั่งหนึ่งมีผนังที่มีฉายสามจอแบบนี้ด้วยค่ะ แต่เราไม่มีเวลาไปดูว่าเขาเล่าเรื่องอะไรบ้าง



















วิทยากรไม่พาเข้าห้อง Nonya ค่ะ เราแค่แว้บไปถ่ายรูปเอง แต่เขาพาเข้าห้องนี้เลย Public Life ค่ะ (เป็นห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้อง Nonya ค่ะ อยู่ชั้นเดียวกันเลย)


















เข้าไปก็จะเจอข้าวของต่างๆ ในตู้โชว์อีกฝั่ง และจอคอมฯ สำหรับการบอกเล่าข้อมูลอีกหนึ่งฝั่งค่ะ





















การเซ็ตอัพโต๊ะอาหารค่ะ เครื่องเคลือบโทนชมพู สวยดี (จะเห็นว่า โทนสีเป็นแบบเดียวกับโทนสีที่พิพิธภัณฑ์ทำในจุดต่างๆ นะคะ)



















ภาชนะเครื่องเคลือบสำหรับใส่อาหารต่างๆ ค่ะ





















ห้องนี้จะเน้นเรื่องพวกเครื่องเคลือบค่ะ ก็จะมีตัวอย่างต่างๆ ให้ดู ซึ่งก็จะมีการบรรยายบอกว่าแต่ละอันมีจุดเด่นอะไรยังไง ในสมัยไหนนะคะ






















จากนั้นก็เข้าสู่โซนห้องครัวค่ะ




















มีป้ายบอกว่ามีไลท์แอนด์ซาวด์ด้วย แต่ตอนเราดู มันไม่มีง่ะ ต้องรอตามเวลาเขาแหละมั้งคะ





















คำเตือนค่ะ แสดงว่ามีคนทำบ่อย เพราะตรงนี้ ไม่มีกระจกกั้นค่ะ




















มีที่โม่เหมือนบ้านเราด้วยค่ะ






















ส่วนฝั่งตรงข้ามที่ติดผนัง ก็มีของให้จับเล่นอีกเช่นเคย ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับที่ประทับตราเลยค่ะ




















ตราประทับก็เป็นรูปนี้




















จากนั้นเขาก็บอกให้ลงไปด้านล่างค่ะ เราก็เลยแว้บไปที่ห้อง Nonya ซักหน่อย ไปเก็บรูปอีกนิดหน่อยค่ะ

ก็มีตู้โชว์แสดงเสื้อผ้าของ Nonya (เหมือนยองยาที่ภูเก็ตจริงๆ หนะแหละ)




















แล้วก็ตอนนี้มีงาน Baba Bling อยู่ค่ะ มีการแสดงเครื่องประดับสวยๆ ด้วย แต่ในห้องนี้ห้ามถ่ายรูปทั้งหมดเลยค่ะ





















ในห้องนี้ จะมีตราประทับแบบพิเศษ ที่เราไม่ต้องกดเอง เครื่องจะกดให้ ลวดลายสวยงามมาก (แต่ถ่ายรูปเครื่องมาไม่ได้)

ดูรูปตราประทับ (ที่มาถ่ายตอนกลับมาที่ห้องพักแล้ว) แทนแล้วกันนะคะ





















จากนั้นก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกของคณะแต่ละประเทศ แล้วก็ออกมาเก็บภาพอาคารยามค่ำคืน ซึ่งสวยงามดีค่ะ






















แล้วก็..นี่คือหนังสือที่ข้าพเจ้าซื้อมา (ที่ยังหาไม่เจอนี่แหละ) หวังว่า..คงไม่ลืมไว้ที่สิงคโปร์นะ




























แม้ราคาที่ติดไว้จะ 10.20 เหรียญ แต่ตอนนั้นมีลดราคาอยู่ค่ะ เราเลยจ่ายไปแค่นี้เอง

8.65 เหรียญ (ประมาณ 200 บาทค่ะ)























ส่วนนี่ก็เป็นเอกสารที่หยิบมาจากที่นี่ทั้งหมดค่ะ
























ตัว Peranakan Museum Visitor Guide ก็จะมีผัง บอกคร่าวๆ ว่ามีอะไรอยู่ที่ชั้นไหน มีอะไรที่เด่นๆ ด้วยนะคะ





















สรุปแล้ว สำหรับที่นี่ ใครที่ชอบของสวยๆ งามๆ ชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์ และรักที่จะเรียนรู้ก็น่าจะไปค่ะ แม้ว่า..ถ้าเทียบกันแล้ว ความใกล้ชิดและอลังการที่ฮ่องกงจะทำได้ดีกว่า แต่เมื่อเทียบกับพื้นที่ของประเทศแล้ว เราก็ถือว่าเขาทำได้ดีทีเดียวค่ะ


หวังว่า..พอจะเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจในการวางแผนการเที่ยวนะคะ


















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมรีวิวนะคะ

408860/4288/378









ป.ล. พรุ่งนี้จขบ.จะหายตัวไปตจว.อีก 2 วันนะคะ เจอกันอีกทีวันจันทร์หน้าเลย ต้องขออภัยด้วยหากจะไม่ได้กลับไปเม้นท์กลับทันทีนะคะ ต้องรอกลับมาจากต่างจังหวัดแล้วจะไปเม้นท์ให้ค่ะ







Create Date : 30 กันยายน 2552
Last Update : 30 กันยายน 2552 11:55:18 น. 29 comments
Counter : 4794 Pageviews.

 
เดินทางปลอดภัยน๊ะครับ

ขอบคุณที่นำสาระดีๆมาให้ชมกัน
ได้ดูภาพบางภาพแล้วคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ แม่ผมแต่งชุดแบบภูเก็ตสวยอย่าบอกใครเลย


โดย: Zantha วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:9:20:45 น.  

 
เปิดบล๊อกนี้ให้ลูกชายดู ลูกชายบอกว่าคั้งหน้าไปสิงคโปร์ ขอไปที่นี้ด้วยนะ


โดย: alishaaaliah วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:9:41:51 น.  

 
ชอบมากเลยค่ะ ดูแล้วเพลินเพลินดีจัง ^^

อ้อ ตัวอักษรจีนบนโคมนั่นแปลว่าความสุขอ่ะค่ะ โดยคนจีนชอบเลขคู่อยู่แล้ว เลยเขียนติดกันสองตัว (ตัวเดียวจะเขียนแค่นี้ 喜) และมักจะเป็นสีแดงตามความเชื่อของคนจีน ถ้าเข้าใจไม่ผิด เค้าก็จะเรียกว่า หงชวงสี่จื้อ อ่ะค่ะ (hong2 shuang1 xi3 zi4 -- 红双喜字)

ปล. เน็ตอืดมากมาย กว่าจะโหลด+ตอบเสร็จ จะมีคนตอบไปแล้วหรือยังหนอ ^^"


โดย: :D keigo :D วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:10:06:28 น.  

 
น่าไปจริง ๆ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:11:16:32 น.  

 
...


+ เห็นสองภาพแรกแล้วนึกถึง มิวเซียมสยาม เลยครับ


+ อืมมม... เพื่อป้องกันภาพเบลอ ขออนุญาตแนะนำทริกนิดนึงนะครับ
(ผมใช้บ่อยกันพลาด แต่ก็พลาดบ่อยอยู่ )

คือให้ใช้ โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง อ่าครับ

แล้วก็กดชัตเตอร์ค้างพร้อมกับพยายามถือกล้องมั่นๆ

ปล่อยให้ภาพมันแชะไปสัก 4-5 ภาพ น่าจะได้ภาพที่ไม่เบลอสักภาพล่ะ อิอิ



+ นิทรรศการภาพของพ่อ
ข้อมูลล่าสุดที่ผมเจอจาก บอร์ดโฆษณาตรง อนุสาวรีย์ชัยฯ

มีถึงกลางเดือน พ.ย. นี้ครับ พี่พาแม่ไปได้เลยเน้อ



+ อ้ออ... เกือบลืมตอบ

ชุดดอกไม้บูชา ที่ วัดเขี้ยวแก้ว นี่

ผมรู้สึกว่ามัน แพงอ่าครับ
สวยก็ดีอยู่้ แต่เหมือนให้ความสำคัญกันแค่รูปลักษณ์มากไปอ่า






โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:11:44:38 น.  

 
ตามมาเที่ยวจ้า


โดย: Poo (myroom_pu ) วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:12:49:01 น.  

 
ตามมาชมด้วยคนค่ะ ไม่ได้ไปเองดูรูปก็ยังดีเนอะ


โดย: Summer Flower วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:13:02:30 น.  

 
เกาะขอบจอตามไปเที่ยวค่ะ


โดย: i_nookae วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:14:47:41 น.  

 
รู้สึกมิวเซียมสยามบ้านเราจะคล้าย ๆ กับที่โน้นเลยเนอะ ยังไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์ที่สิงคโปร์เลยค่ะ ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะค่ะ

เดินทางปลอดภัยนะค่ะเจ้าของบ้าน


โดย: ps_2a วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:15:01:28 น.  

 
พิพิธภัณฑ์เขาสวยดีนะ (รูปแรก)

ค่าฝากของล็อกเกอร์ 24 บาท ก็ไม่แพงนะ คุ้น ๆ ว่าเพิ่งไปพระที่นั่งวิมานเมฆ ถ้าจำไม่ผิดหยอดเหรียญ 20 บาทค่ะ

คราวก่อนจำได้มั้ยคะ ที่
รัชชี่งง ๆ กับโครงการ RRR แล้วคุณสาวไกด์เคย link ให้ไปอ่าน ตอนนี้ก็จำไมได้แล้วว่า comment นั้นอยู่ที่บล็อกไหน

เพิ่งมีโอกาสเข้าไป search ใน google เรื่อง RRR กับพันธ์ทิพย์ ได้อ่านผ่าน ๆ เข้าใจว่าเป็นเรื่อง Read , Review หรือเปล่าคะ R อีกตัวนี่ไม่แน่ใจ นี่เดาเอง ยังไม่เจอว่ามาจากอะไร

เข้าท่าดีนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาอ่านค่ะ มีช่วงหนึ่งชอบอ่านนิยายของนักเขียนบางท่าน ที่มีสไตล์เขียนแต่ละเรื่องเนี่ย ถ้าโยงไปโยงมา พระเอกนางเอก จะเป็นองค์ประกอบอยู่ในหลายเรื่อง อิงไปอิงมา บางทีอ่านไปแล้วก็ลืม ช่วงอ่านเคยคิดเหมือนกันว่าจะมาทำ mind map เล่น ๆ

แต่ตอนนี้ก็ลืมเรื่องไปแล้ว


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:16:20:04 น.  

 
แวะมาตามพี่สาวไกด์ฯไปเที่ยวสิงคโปร์ครับ


ปล. ขอบคุณที่ชมนะครับ จะได้มีกำลังใจเขียนเยอะๆ อิอิ


โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:18:41:14 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนอีกแล้วค่ะ


โดย: Thairabian วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:19:39:45 น.  

 
มาส่งคนสวยเข้านอน คร๊อกฟี้ๆๆ
แหวะๆๆ น้ำลายไหลแล้ว ไปดีกว่า


โดย: Poo (myroom_pu ) วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:20:41:14 น.  

 
ว้าววววววว น่าไปมากๆ เลยอ่ะคะ
เห็นแล้วชอบใจข้าวของแบบว่าตกแต่งบ้าน
ออกมาได้สไตล์เก่าๆ เหมาะกับคลาสิค
สไตล์เลยนะคะ

ชอบใจโต๊ะเครื่องแป้งมากค่ะ งามแท้ๆ


เพิ่งเห็นว่าหนนี้พี่ .. อะไรน๊อ ที่เค้าเป็น
นักข่าวเดลินิวส์ไปด้วย ..พี่คนนี้ที่ลง
เรื่องเราใน นสพ.หนก่อนน่ะค่ะ ...
ตอนแรกเห็นภาพด้านหลังภาพต้นๆ เราว่า
ก็คุ้นๆ กับสไตล์ของพี่เค้าอยู่ พอมาอีกรอบ
อ่ะเห็นหน้าแล้ว แม่นเลย ...



โดย: JewNid วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:21:44:01 น.  

 
ตามมาเที่ยวค่ะ มาส่งเข้านอนด้วย ฝันดีนะค่ะ


โดย: Roseshadow วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:22:44:59 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ขอความกรุณาเป็นหูเป็นตาแมวตัวนี้ด้วยค่ะ


โดย: สาวชาววัง วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:06:36 น.  

 
สวยจังเลยค่ะ
เห็นแล้วอยากไปเที่ยวบ้างจัง


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:12:05 น.  

 


ฝนพรำทั้งวัน รักษาสุขภาพนะคะ ช่วงนี้ยุ่งวุ่นวายเลยไม่ค่อยได้เข้าบล็อกค่ะ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:50:58 น.  

 
ดีจังนะคะที่ Museum ที่นั่นให้ถ่ายรูปได้
สิงคโปร์เหมือนเป็นเมืองเล็กๆไม่น่าเที่ยวอะไร แต่มาดูบล็อกคุณสาวไกด์แล้วก็น่าไปเหมือนกันนะคะ


โดย: sandseasun วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:15:11:49 น.  

 
ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ


โดย: tonpor (kosak ) วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:16:43:32 น.  

 
สาวมาส่งความคิดถึงยามเย็นๆ
ปล.ตอนนี้อัพบล็อกใหม่แล้วค่ะพี่




โดย: sawkitty วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:17:11:30 น.  

 
แวะมาเที่ยวก่อนเข้านอน
โชคดีตลอดการเดินทางนะค่ะ


โดย: กล้ายางสีขาว วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:20:46:08 น.  

 
ชอบคันฉ่องว่ะ (ขอเรียกแบบไทยๆ เนาะ) มะก่อนของยายมีบานนึงแต่ไม่อลังขนาดนี้

เอ่อ .. ชั้นชอบเข้าไปชะโงกดูเงาประจำ 555

ปล. ตกลงไปงานหนังสือวันไหนบอกด้วยเน้อ
ถ้าว่างจะแวะไปแจมโตยย

=)


โดย: hunjang วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:8:13:44 น.  

 
เราเข้าไปที่บล็อกหย่อนตั๋วหนังสือมา แหล่มมากอ่ะสาวไกด์ มีเพื่อนสมาชิกมาทิ้งราบชื่อหนังสือเด็ดๆมไว้เพียบเลย เราก้ทิ้งไว้ สองสามเรื่อง เดี๋ยวจะไปหามาอ่านบ้างนะ อิอิ..

emo emo emo


โดย: ตัวp_box วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:10:34:16 น.  

 
แวะมาเที่ยวสิงคโปร์คะ อิอิ

มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: weraj วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:15:48:40 น.  

 
...


+ มาปัดฝุ่้นให้ระหว่างพี่ไปต่างจังหวัด

(ไม่ใช่ Farmville นะเฟ้ย!!! )




โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:16:37:18 น.  

 
คนสมัยก่อนพิธีการเยอะเหมือนกันนะคะ

ข้าวของเครื่องใช้ก็วิจิตรบรรจงเหลือเกิน


โดย: นู๋สุ วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:16:24:56 น.  

 

/เอียงคอมอง
กลับมาหรือยัง?
ชอบที่เป็นชุดเครื่องเรือนจัง อลังการ แง้วๆๆ

นี่เราเพิ่งไปเทียนอันเหมินมาเมื่อวาน นักท่องเที่ยวล้านเจ็ด อยากตายยยยย

อากาศทางนี้เริ่มเย็นๆ แล้ว
ไว้ได้ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีจะถ่ายรูปมาฝากเน้อ (แดดดี แต่ลมหนาวบาดใจแต๊ๆ..เย็นนี้จะออกไปช้อปเสื้อขนเป็ดกับเพื่อนพม่า มาเลย์และคาซักซะหน่อย)


โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 121.4.64.114 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:15:09:07 น.  

 
+ นี่แหละครับ ชาวอาณานิคม ถูกเจ้าอาณานิคมฝังหัวเอาไว้ให้เกลียดเพื่อนบ้านโดยรอบ (ตีกันเข้าไว้ จะได้มีปัญหาเยอะๆ - และบ้านเราก็เลยพลอยต้องเป็นไปกับเค้าด้วย) ... แล้วเลยทำให้เพื่อนบ้านแถบนี้แต่ละชาติ รู้ความเป็นไป ประวัติศาสตร์ รากเหง้า ของประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันน้อยมากๆ

+ พิพิธภัณฑ์นี้ อยู่เกือบติดกับโรงแรมที่พี่เคยพักเลยครับ เดินไปถึงแยกเลี้ยวซ้ายไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ตอนนั้นไปชะโงกๆ ดูด้วยแหละ แต่น้องที่ไปด้วยกันเค้าไม่ค่อยอยากเข้ากับเวลาเหลือน้อยด้วย ก็เลยต้องไปแต่ที่ดังๆ ก่อนอ่ะครับ แหะๆ ก็พอดีเลย ได้ชมข้างในผ่านบล็อกครูเต้ยแทน

+ ที่เมืองนอก เค้าน่าจะถือว่าพิพิธภัณฑ์เป็นโรงเรียนนอกเวลาอันแรกๆ สำหรับเด็กๆ เลยให้ความสำคัญกับมันเป็นพิเศษ ส่วนบ้านเราคงต้องอาศัยเวลาค่อยๆ ปรับเปลี่ยนกันไป เพราะรู้สึกเริ่มจะมีพิพิธภัณฑ์ "ยุคใหม่" ขึ้นมาบ้างบางที่แล้วเหมือนกันนี่ครับ (อย่างเช่น มิวเซียมสยาม หรือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ที่คลองหก เป็นต้น)

+ อืม ... อ่านจบแล้ว เหมือนได้เข้าไปข้างในเองเลยนะเนี่ย ขอบคุณคร้าบ อุๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:15:15:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.