กันขโมยบ้าน
เมื่อคืนก่อนผม นอนไม่ค่อยหลับ ทั้งฝนตกทั้งมันเสียงดังก๊อกแก๊กตลอดทั้งคืน ใจนึงก็คิดว่าเสียงแมวหรือป่าว ก็เปิดกล้องดูก็มองอะไรไม่ค่อยเห็นเท่าไร ส่วนอีกใจนึงก็นึกว่าขโมยมางัดบ้านเราหรือป่าว พอเช้าตื่นมาก็เพียรสุดๆ เนื่องจากไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จึงมาหาข้อมูลการป้องกันบ้านของเราให้สบายใจกว่านี้ดีกว่า เลยได้บทความดีๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยในบ้านของเรา
นาย George Wehby ได้ให้ข้อแนะนำเป็นบัญญัติ 10 ประการ ในการป้องกันบ้านจากการถูกบุกรุกในทั้งสองกรณี 1. ล๊อกประตูและหน้าต่างทุกบาน เมื่อตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุมักจะมองหาประตูหรือหน้าต่างที่ไม่ได้ล๊อกเป็นอย่างแรก เนื่องจากคนร้ายจะตรวจสอบประตูและหน้าต่างทีละบานเพื่อใช้เป็นทางเข้าภายในบ้าน ถึงแม้ไม่สามารถรับประกันการถูกบุกรุกได้แต่ก็ทำให้การเข้าภายในบ้านนั้นยากขึ้น 2. ใช้ประตู หน้าต่างและระบบล๊อกที่แข็งแรง เมื่อคนร้ายบุกรุกบ้านด้วยความรุนแรง เขาอาจเพียงแค่ถีบประตู งัดประตู ก็สามารถเข้าไปภายในบ้านอย่างรวดเร็ว และอาจเข้าไปได้ทุกห้องภายในเวลาน้อยกว่าห้านาทีเสียอีก ดังนั้นการซื้อเวลาให้คนร้ายเข้ามายากขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรใช้ประตู หน้าต่างและระบบล๊อกที่แข็งแรงแน่นหนา ซึ่งช่างกุญแจประตูอาจให้คำแนะนำที่ดีได้ 3. ใช้แสงสว่างให้มาก โดยปกติเมื่อความมืดมาเยือนเรามักจะมองหาที่ซึ่งมีแสงสว่าง ในยามค่ำคืนหากภายนอกบ้านเรามีแสงสว่างเพียงพอโดยเฉพาะหน้าทางเข้าบ้าน คนร้ายมักจะไม่เลือกที่จะใช้ประตูด้านนั้น เขาจะมองหาที่มืดซึ่งจะทำให้ไม่มีใครเห็นเขาขณะเข้าไปในบ้าน ดังนั้นหากมีระบบป้องกันขโมยซึ่งใช้การตรวจจับการเคลื่อนไหวแล้วสั่งงานให้เปิดไฟทั้งในและบริเวณรอบบ้าน จะทำให้คนร้ายคิดว่าคนในบ้านรู้แล้วว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และเพราะแสงสว่างอาจทำให้มีคนเห็นเขาได้ง่ายจึงอาจเลิกล้มความตั้งใจที่จะบุกรุกเข้าไปได้ 4. ปิดหน้าต่างและม่านให้สนิท คนร้ายมักประสงค์ต่อทรัพย์ภายในบ้าน หากเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรภายในบ้านได้ ไม่รู้ว่ามีทรัพย์สินมีค่าอะไรอยู่บ้าง ไม่รู้ว่ามีคนหรือสัตว์เลี้ยงภายในบ้านหรือไม่ จะทำให้เกิดความไม่แน่ใจ ซึ่งอาจทำให้คนร้ายเปลี่ยนใจที่จะเลือกบ้านหลังดังกล่าว 5. มีสุนัขเฝ้ายาม (Guard dog) คนร้ายไม่ค่อยชอบเพื่อนสี่ขาสักเท่าไร เพราะมันอาจทำอันตรายเขาได้ คุณอาจไม่จำเป็นต้องฝึกสุนัขของคุณแบบพวกมืออาชีพใช้ แต่ขอให้พอเชื่อใจในการเฝ้าระวังภัยได้ก็พอ 6. มีระบบเตือนภัยผู้บุกรุก (Alarm system) เสียงดังจากระบบเตือนภัยจะช่วยเตือนเราให้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และคนร้ายมักเลือกเหยื่อที่ลงมือง่ายๆมากกว่า อีกทั้งเป็นการเตือนให้ยามหรือตำรวจมาดูที่บ้านด้วย 7. แจ้งและรายงานกิจกรรมต้องสงสัย คนร้ายก่อนจะลงมือมักมีการเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของบ้านเป้าหมายก่อนหลายวัน ความตระหนักรู้ต่อภัยคุกคาม หรือ Awareness เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการป้องกันตัว เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติอาจโทรแจ้งตำรวจให้ช่วยมาตรวจสอบหรือลาดตระเวณบริเวณบ้านให้บ่อยขึ้น และตรวจสอบผู้มาเยือนให้แน่ชัดก่อนเปิดประตูออกไป 8. ป้องกันข้อมูลของคุณ ขยะที่คุณเอาไปทิ้งนอกบ้านอาจมีข้อมูลที่สำคัญของคุณอยู่ด้วยก็ได้ ซึ่งคนร้ายอาจใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการหาทางเข้าบ้านคุณ เช่น มีใบสั่งซื้อของส่งถึงบ้าน คนร้ายอาจปลอมเป็นพนักงานส่งของได้ เป็นต้น นอกจากนั้นอาจมีการขโมยข้อมูลส่วนตัวอื่นๆของคุณได้อีก (Identity theft) 9. มีเพื่อนบ้านที่ดี การมีเพื่อนบ้านที่ดีจะช่วยเราเฝ้าระวังคนร้ายจากการบุกรุกได้ในระดับหนึ่ง จึงควรรู้จักเพื่อนบ้านว่าเป็นใครบ้างและเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน 10. คิดเหมือนคนร้าย (Think like a home invader) พยายามมองหาจุดอ่อนของบ้านในการที่คนร้ายจะสามารถบุกรุกเข้ามาได้แล้วทำการแก้ไขเสีย การทำเช่นนี้ไม่ใช่ความหวาดระแวงแต่เป็นเรื่องของการป้องกัน ข้อแนะนำทั้งหมดนี้คงไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะสามารถป้องกันภัยคุกคามได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ทำให้บ้านของเรามีความปลอดภัยมากขึ้น ในหลายกรณีเราอาจต้องทำมากกว่าที่แนะนำไว้ขึ้นกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อม สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน” เรียบเรียงโดย Batman อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง 10 Rules to Prevent Home Invasions ของ George Wehby
ผมว่าจะลองทำระบบกันขโมยบ้านให้ดีกว่านี้เสียที ความกังวลจะได้หายไปเสียที
Create Date : 19 กันยายน 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 19 กันยายน 2556 21:56:25 น. |
Counter : 4509 Pageviews. |
|
 |
|