ทางขึ้นปราสาทจะชันนิด ๆ และเป็นทางเดินธรรมชาติ
เมื่อเรามาถึงตัวปราสาท ความเหนื่อยจากการเดินขึ้นมาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ด้วยบรรยากาศท่ามกลางป่าไม้ ร่มรื่น เรียกได้ว่าปราสาทแห่งนี้ยังเป็นปราสาทที่สด อยู่มาก เมื่อเทียบกับอีกหลายปราสาทในเมืองไทย
ตัวปราสาทตาควายเป็นปราสาทหลังเดี่ยว ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีชานชาลารูปกากบาทสั้น ๆ ยื่นออกมา รอบตัวปราสาทไม่มีกำแพงแก้ว โคปุระ สระน้ำ หรือปราสาทบริวาร
ตัวปราสาทตาควายก่อด้วยหินทราย แต่ยังสร้างไม่เสร็จ เพียงแค่ขึ้นโครงสร้างไว้ ไม่มีลวดลายสลักอื่นใด แต่จุดที่น่าสนใจอีกอย่างของปราสาทตาควายคือ ชั้นหลังคา ที่ยังอยู่ครบ และสวยสมบูรณมาก เพียงแต่ไม่มี นาคปัก พรรพแถลง หรือกลีบขนุน ตัวปราสาทมีมุขขนาดสั้นยื่นออกมาทั้งสี่ด้าน มีผังเพิ่มมุม และประตูทางเข้าทั้งสี่ด้าน
ภายในห้องครรภคฤหะแท่งหินธรรมชาติคล้ายศิวลึงค์ตั้งอยู่ แต่ไม่พบจารึก หรือหลักฐานภายในอาคารอื่นใดกล่าวถึงการสร้างปราสาทตาควายแห่งนี้
ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าปราสาทตาควายแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด หากแท่งหินธรรมชาติ ที่พบในห้องครรภคฤหะนั้น เป็นศิวลึงค์จริงอาจกล่าวได้ว่าปราสาทตาควายสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์ และเป็นสวยัมภูลึงค์อันศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกันกับที่ปราสาทตาเมือนธม
เมื่อดูจากผังโดยรวมของตัวปราสาทแล้ว พบว่ามีแบบแผนการสร้างปราสาทเหมือนปราสาทหินในสมัยเมืองพระนครทั่วไป เช่น ผังเพิ่มมุม มีมุขทางเข้าทั้งสี่ด้าน จึงพอกำหนดอายุทำได้เพียงคร่าวๆ ว่าปราสาทตาควายมีอายุอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 ช่วงยุคนครวัดคาบเกี่ยวกับต้นยุคบายน
ปราสาทตาควายกับความขัดแย้ง
"ตามที่มีรายงานข่าวว่าทหารกัมพูชาได้นำกำลังเข้ามาตั้งอยู่ในบริเวณปราสาทตาควายของไทยเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2551 นั้น เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 เวลา 17.00 น. นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อมอบบันทึกช่วยจำประท้วงกรณีทหารกัมพูชารุกล้ำดินแดนไทยบริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ สาระสำคัญของบันทึกช่วยจำดังกล่าวสรุปได้ดังนี้
1. วันที่ 6 กันยายน 2551 หน่วยทหารกัมพูชาจำนวนประมาณ 70 นาย ได้เข้ามายึดครองพื้นที่บริเวณปราสาทตาควายซึ่งอยู่ในดินแดนไทย (หลังจากที่เคยเข้ามาครั้งหนึ่งแล้วจำนวน 30 คนระหว่างวันที่ 3-6 สิงหาคม 2551) ส่วนราชการท้องถิ่นของไทยจึงได้จึงขอให้หน่วยทหารกัมพูชาดังกล่าวถอนกำลังออกไปจากพื้นที่โดยทันที แต่หน่วยทหารกัมพูชากลับเพิกเฉยอยู่หลายวัน และได้ถอนกำลังออกไปจากปราสาทตาควายและพื้นที่บริเวณดังกล่าวก็เมื่อส่วนราชการท้องถิ่นของไทยได้ประท้วงซ้ำแล้วซ้ำอีก
2. การกระทำของหน่วยทหารกัมพูชาดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ประท้วงอย่างเป็นทางการและขอให้ฝ่ายกัมพูชาทำอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
3. ฝ่ายไทยยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกับกัมพูชาภายใต้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนอย่างยุติธรรมและโดยสันติวิธีกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศขอยืนยันว่าปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย โดยในขณะนี้ไทยกับกัมพูชากำลังสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันตลอดแนวเขตแดน 798 กิโลเมตร ตามที่ตกลงกันไว้ในบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา พ.ศ. 2543 การดำเนินการดังกล่าวมีความคืบหน้าเป็นอย่างดี และเป็นช่องทางที่มีไว้สำหรับการแก้ไขปัญหาเขตแดนทุกกรณี รวมทั้งกรณีนี้
ที่มา: กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th"
| อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 การไปรษณีย์กัมพูชา ได้พิมพ์ดวงตราไปรษณียากรชุด Khmer Culture ออกจำหน่าย จำนวน 4 ดวงชุด ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ ภาพปราสาทตาควาย
|
แหล่งข้อมูลอ้างอิง