Group Blog All Blog
|
เป็นเช่นข้าสิ...คืองาม จิ่วลู่เฟยเซียง เขียน 11/7/2019 เป็นเช่นข้าสิ...คืองาม จิ่วลู่เฟยเซียง เขียน อาจือ แปล สำนักพิมพ์อรุณ ในเครืออมรินทร์ 345 บาท 372 หน้า
หลังปก
เมื่อองค์หญิงแห่งต้าถังและองครักษ์หลบหนีการไล่ล่าจนตกหน้าผา วิญญาณของทั้งคู่ก็ข้ามกาลเวลานับพันกว่าปีมาสู่ยุคปัจจุบันในร่างของนักศึกษามหาวิทยาลัย...ที่นี่ทั้งสองพบความเปลี่ยนแปลง และต้องปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ มากมาย หลี่หยวนหยวนพบว่าทัศนะของผู้คนในยุคนี้แตกต่างจากยุคของเธออย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะทัศนะเรื่องความงาม! แต่ในโลกที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกนี้ โชคดีที่เธอยังมีเยี่ยนซือเฉิง องครักษ์ที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมา และโดยไม่ทันรู้ตัว เมล็ดพันธุ์ที่หล่อเลี้ยงอยู่ในหัวใจมากกว่าสิบปีก็งอกงามกลายเป็น...ความรัก!
"ซือเฉิง ขอบคุณนายจริง ๆ ที่คอยอยู่เคียงข้างฉัน” “ซือเฉิงต่างหากที่ต้องขอบคุณที่มีองค์หญิงอยู่เคียงข้าง” “ซือเฉิง” “พ่ะย่ะค่ะ” “ฉันชอบนาย” …
ไม่ง่ายเลยที่องค์หญิงผู้สูงศักดิ์จะบอกรักองครักษ์ และยากยิ่งกว่าที่องครักษ์แสนซื่อผู้มองต่ำต้อยจะกล้ารับรักองค์หญิง
สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ท่ามกลางกระแสสังคมยุคใหม่ กับทัศนะสองโลกที่แตกต่าง ความรักระหว่างองค์หญิงกับองครักษ์จะเป็นจริงได้หรือไม่
คุยกันหลังอ่าน
เห็นปกครั้งแรกนี่แบบ... หา เอาจริงดิ แล้วองค์ประกอบภาพมันประหลาดด้วยไง จะมีภาพของหวานก็ภาพของหวานสิ ทำไมมีตัวการ์ตูนจิ๋วลอยอยู่ตรงนั้น.. พอจับหนังสือจริง ได้พิจารณาใกล้ ๆ ถึงพอเข้าใจแนวคิด เขาต้องการให้เจ้าจิ๋วนั่นปักอยู่บนไอศกรีม อารมณ์พวกแท่งที่ปักขนมน่ะ แต่คราวนี้จิบิตัวใหญ่กว่าถ้วย เลยดูไม่สมดุล แล้วลายเส้นก็ไม่ค่อยไปด้วยกันกับแนวนี้ด้วยเลยไปกันใหญ่
กลับมาที่เนื้อหานิยาย เรื่องนี้เป็นแนวทะลุมิติอีกแล้วค่ะ แต่จะกลับกับกระแสหลักทั่วไป คือเอาตัวละครจากอดีตทะลุข้ามเวลามาปัจจุบันแทน แถมไม่ได้มาแค่คนเดียว แต่มาเป็นแพ็กคู่ คือองค์หญิงกับองครักษ์ของเจ้าหล่อน ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย จิตของทั้งคู่ก็เปลี่ยนมาอยู่ในร่างของคนที่ชื่อเดียวกันในยุคปัจจุบัน ซึ่งเจ้าของร่างเดิมก็เป็นนักศักษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
แน่นอนว่าพอมีอะไรที่ผิดที่ผิดทางมันก็จะมีความป่วนตามมาด้วยเสมอ สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว แต่เรื่องชวนหัวที่เกิดก็จะยกกำลังตามไปด้วย
เดิมหลี่หยวนหยวนเป็นองค์หญิงที่ร่างกายไม่แข็งแรง จะกินโน่นก็ถูกห้าม ทำนี่ก็โดนห้าม นางเลยยินดีมากที่เข้ามาอยู่ในร่างกายของหญิงสาวที่แข็งแรง และอุดมสมบูรณ์มากคนหนึ่ง
ค่ะ องค์หญิงกลายเป็นหญิงอ้วนไปแล้ว แต่นางภูมิใจกับร่างกายตนเองมาก
ส่วนซือเฉิงองค์รักษ์นั้น เมื่อองค์หญิงว่าดี เขาก็เห็นดีด้วยไปหมด
องค์รักษ์ย่อมไม่ยอมห่างจากเจ้านาย ซือเฉิงตามติดหลี่หยวนหยวนเป็นเงาตามตัว ทุกคนที่รู้จักจึงเข้าใจว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน
เลยกลายเป็นภาพที่หนุ่มหล่อมาดดี ทูนหัวทูนเกล้าหญิงอ้วนหน้าตาไม่โดดเด่นคนหนึ่งให้ทุกคนตะลึง
เรื่องเปิดมาตลกนะคะ แต่โอว่าแนวหลักเป็นแนวโรแมนติกมากกว่า เป็นความหวานแบบไม่ฉูดฉาด ไม่มีฉากหวือหวาให้ตื่นตา องค์หญิงอยากทำอะไร องครักษ์ก็พยายามทำตามพระประสงค์ทุกอย่าง
และองค์หญิงอาจดูเป็นตัวโจ๊กในช่วงแรก แต่ตัวตนของนางก็ยังคงเป็นองค์หญิงคนหนึ่ง มองโลกอย่างคนเหนือกว่า ชินชากับการโดนประคบประหงม เท่าทันมารยาคน ตื่นตากับโลกกว้างใหญ่ที่ไม่เคยพบ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อมาอยู่ในโลกปัจจุบันก็มีทั้งคุณและโทษ หลี่หยวนหยวนจึงต้องค่อย ๆ เรียนรู้และปรับตัว เช่นเดียวกับซือเฉิง แรกเริ่มหลี่หยวนหยวนแค่ไม่ต้องการโดนมองแปลก ๆ ต่อมาจึงค่อย ๆ เข้าใจช่องว่างที่พวกเขาสองคนเหลื่อมล้ำกัน และนางก็พยายามลดช่องว่างของความไม่เท่าเทียมนี้ลง แม้องครักษ์อย่างซือเฉิงจะไม่เต็มใจแม้แต่น้อย
ระหว่างสองคนนี้จริง ๆ มีเรื่องราวมากมายที่บ่มเพาะกันมานาน แต่ต่างคนต่างไม่รู้ ต่างไม่สนใจ เมื่อมาอยู่ในโลกปัจจุบัน กลายเป็นว่าความรู้สึกที่เคยอยู่ลึกมาก ๆ นั้น เริ่มเติบโตให้เห็น
เรื่องก็จะมีความละเอียดอ่อนซ่อนอยู่ตรงนั้นตรงนี้ จะเนิบ ๆ หวานนวล ๆ
ฉากในเรื่องเป็นช่วงมหาวิทยาลัย มีชมรม มีเพื่อนนักศึกษา การเรียน การสอบ กิจกรรม มีช่วงวัยที่เต็มไปด้วยสีสันและไม่มีความรันทดอะไรนักค่ะ
โดยรวมโอก็ชอบค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านได้สบาย ๆ และก็รู้สึกดีเรื่องหนึ่งเลย แต่ตัวโอเองอาจจะติดประเด็นเรื่องที่ซือเฉิงเป็นองครักษ์ที่ทำทุกอย่างให้องค์หญิงจนดูเหมือนความเป็นตัวของเขามันจางไป มันยังมีช่องว่างที่โอมองว่าองค์หญิงยังสามารถพยายามเพื่อซือเฉิงได้มากกว่านี้ อย่างตอนที่ซือเฉิงเทียวไปเทียวมาหลายชั่วโมงเพื่อองค์หญิง หรือที่เขาแบกองค์หญิง แต่ก็ไม่ใช่ว่าองค์หญิงไม่ดีนะคะ หลี่หยวนหยวนเป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลย นางก็พยายามปรับตัว และหลายเรื่องมันไม่ใช่ว่าบอกจะเปลี่ยนก็จะเปลี่ยนได้ทันที มันเป็นเรื่องต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเข้าใจ นับจากตอนแรกถึงตอนท้าย ทั้งสองคนมีพัฒนาการการที่ดี โดยรวมโอพอใจนะ
3.5 ดาว . . . หลี่หยวนหยวนช่วยโจวฉิงดู แล้วหันกลับไปเลือกชุดสวย ๆ อีกครั้ง หลังจากที่ลองเอาชุดมาทาบกับตัวหลายชุด ในที่สุดนางก็ทำใจแล้วว่า เสื้อผ้าของที่นี่เล็กเกินไป นางใส่ไม่ได้...
แต่แบบเสื้องามจริง ๆ หากเป็นเมื่อก่อนข้าย่อมใส่ได้แน่นอน...
หลี่หยวนหยวนส่วยหน้า พลางมองตัวเองในกระจกแต่งตัวบานใหญ่ เสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีน เป็นชุดที่เรียบง่ายมาก ทว่าเรือนร่างนี้ช่างงดงามยิ่งนัก หน้าท้องเป็นส่วนที่นูนเด่นที่สุดของร่างกาย จากลำคอไปจนถึงข้อเท้าสามารถลากเป็นเส้นโค้งครึ่งวงกลมสวยงามสมบูรณ์แบบ แม้คนที่นี่อยู่เสมอว่าความกลมกลึงนั้นไม่ชวนมอง แต่หากพิจารณาตามความงามแบบขนบนิยม หลี่หยวนหยวนก็ไม่รู้สึกว่าเรือนร่างของตนในขณะนี้มีปัญหาแต่อย่างใด
นางคิดว่าตนจะต้องปรับตัวเรื่องการใช้ชีวิตเพื่อให้อยู่รอดในโลกยุคนี้ ทว่านางไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตนเองตามทัศนะความงามของผู้อื่น
ร่างกายแข็งแกร่ง สุขภาพแข็งแรง ใบหน้ามีราศีแห่งความสมบูรณ์พูนสุข นี่เป็นสิ่งที่นางเฝ้าปรารถนามาตลอด แต่กลับไม่เคยได้มา เพราะฉะนั้นเมื่อสวรรค์ได้ประทานสิ่งนี้แก่นางแล้ว นางย่อมต้องดูแลทะนุถนอมเป็นอย่างดี นางควรจะเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และไม่โลภมากจนเกินไป
หน้า 89 บทที่ 12 . . . หากอยู่ในต้าถัง นางย่อมไม่มีวันประสบเหตุการณ์เช่นนี้ สามัญชนคนใดจะอาจหาญปฏิเสธไมตรีที่องค์หญิงหยิบยื่นให้ แม้ว่านางจะไม่ใช่องค์หญิงที่หวงตี้ทรงโปรดปรานก็ตาม
แต่เมื่ออยู่ที่นี่ เหตุการณ์เช่นนี้ย่อมเกิดขึ้นได้
และที่ยิ่งกว่านั้นคือ นางมิได้เตรียมใจที่จะถูกปฏิเสธเช่นนี้มาก่อน ทั้งนางก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการใดบีบบังคับให้เสี่ยวพั่งยอมรับน้ำใจนาง
ข้าไม่มีกองทหารองครักษ์ จึงมิอาจจับตัวเขาได้ ข้าไม่มีจวนองค์หญิง จึงมิอาจกักขังเขาไว้ได้ ข้าไม่มีแม้กระทั่งเงินทองและรูปโฉมอันงดงาม จึงมิอาจล่อลวงเขาได้
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาได้ระยะหนึ่ง แม้จะรู้ว่าสถานะของตนต่างไปจากเมื่อก่อน นางเริ่มถือของเอง เริ่มเรียนรู้ที่จะพูดจาเช่นคนที่นี่ เริ่มไปเข้าเรียนและไปโรงอาหารคนเดียวโดยไม่มีเยี่ยนซือเฉิง แต่ภายในใจนางยังคงรู้สึกว่าตนแปลกแยกจากผู้อื่น นางรู้สึกว่าตนเองชอบที่นี่ ด้วยเหตุนี้นางจึงยอมลดเกียรติของตนด้วยความเต็มใจ
คิดไม่ถึงว่าในสายตาของผู้อื่น นางมิได้ “ลดเกียรติ” แต่อย่างใด ข้าก็เหมือนกับคนทั่วเป็น เป็นเพียง...
หญิงอ้วนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่หยวนหยวนรู้สึกตัวอย่างแท้จริงว่า นางแสนจะธรรมดา
ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธข้าได้ ไม่มีผู้ใดเห็นว่าคำสั่งของข้าเป็นสิ่งที่ต้องกระทำตาม
รวมไปถึง...ซือเฉิงด้วย
หน้า 118-119 บทที่ 15 . . . “ซือเฉิง ข้าคิดว่าเราจะต้องใช้ชีวิตในโลกยุคนี้ต่อไป ดังนั้นเราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความเคยชินหลายอย่าง” หลี่หยวนหยวนเอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง “เริ่มจากการเดินเป็นอย่างแรก”
“เปลี่ยน?” เยี่ยนซือเฉิงไม่เข้าใจ
“ใช่ ต้องเปลี่ยนความเคยชินที่มีอยู่เดิมทั้งหมด ไม่ว่าจำเป็นคำเรียกขาน คำพูดคำจา การกระทำ รวมไปถึงความคิดอ่าน ต้องเปลี่ยนทั้งหมด หากเปลี่ยนภายในวันพรุ่งนี้ไม่ได้ ก็ใช้เวลาปรับเปลี่ยนสักปีสองปี” หลี่หยวนหยวนเอ่ย “ข้าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ย่อมต้องปรับตัวให้เข้ากับที่นี่”
“องค์หญิง?”
เยี่ยนซือเฉิงไม่เข้าใจ เหตุใดเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้จึงทำให้หลี่หยวนหยวนคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่นี่
แต่เมื่อเห็นว่านางมิได้เศร้าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจึงคลายใจลงบ้าง
“ซือเฉิง เจ้ากับข้าต้องเปลี่ยนด้วยกันทั้งคู่” หลี่หยวนหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับแม่ทัพที่กำลังจะออกศึก
เยี่ยนซือเฉิงมองใบหน้าด้านข้างนาง เขาอดยิ้มน้อย ๆ ออกมาไม่ได้
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด”
“ผิดแล้ว คำพูดนี้ก็ต้องเปลี่ยนด้วย”
“ได้” เยี่ยนซือเฉิงเงี่ยหูฟัง ข้าง ๆ ทั้งสองมีนักศึกษาชายคนหนึ่งกำลังพูดกับแฟนสาวด้วยสีหน้าเอือมระอา “ได้ ๆ ๆ จะฟังเธอทุกอย่างเลย” เยี่ยนซือเฉิงมองหลี่หยวนหยวนพลางเอ่ยเบา ๆ “ได้ จะฟังเธอทุกอย่างเลย”
หลี่หยวนหยวนหัวเราะชอบใจ
หลังจากนั้นนักศึกษาชายที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถูกแฟนสาวตี “นายดูแฟนคนอื่นเขาสิ ดูสิว่าเขาอ่อนโยนแค่ไหน”
“โอย แล้วทำไมเธอไม่ดูบ้างล่ะว่าแฟนเขาเรียบร้อยขนาดไหน”
หน้า 120-121 บทที่ 16 . . .
มีที่อ่านติด ๆ นิดหน่อย
หน้า 131 “ฉันว่าเธอชอบหมอนั่น แต่ถึงหมอนั่นจะอ้วนก็ไม่ได้มีสเปคแบบนาย นายต้องคอยระวังหลี่หยวนหยวนเอาไว้บ้างนะ เกิดถูกสวมเขาคงจะฮาน่าดูชม!”
หน้า 205 จางหนานใช้ปากกาวงเนื้อหาบทความพลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เยี่ยนซือเฉิงดีกับเธอมาก เธอ...” เขาถอนใจครั้งหนึ่ง “เธอก็ควรซื่อสัตย์กับเขาหน่อย” หลี่หยวนหยวนเข้าใจความหมายของเขาทันที เมื่อก่อน “หลี่หยวนหยวน” เคยชอบจางหนาน และอาจเคยบอกรักเขามาแล้ว แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ “หลี่หยวนหยวน” ก็ยังชอบจางหนานอยู่ โดยที่จางหนานอาจไม่รู้ วันนี้เธอเอาบทความที่มีจุดผิดมากมายมาให้เขาช่วยแก้ ไม่ว่าดูอย่างไรบทความนี้ก็ไม่น่าจะเขียนโดยคนที่สอบเข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้ได้ ดังนั้นจางหนาานคงจะคิดว่าเธอหาโอกาสมาใกล้ชิดกับเขาแน่นอน ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดอย่างอ้อมค้อมว่า เยี่ยนซือเฉิงดีกับเธอมาก
ประโยค “เธอก็ควรซื่อสัตย์กับเขาหน่อย” มันเป็นคำพูดตรง ๆ ซึ่งขัดกับตอนท้ายที่บอกว่าพูดอย่างอ้อมค้อม เพราะฉะนั้น “เธอก็ควรซื่อสัตย์กับเขาหน่อย” น่าจะเป็นประโยคที่หลี่หยวนหยวนเข้าใจเองทันที (ไม่ใช่ประโยคที่จางหนางพูด) น่าจะตัดลงมาอีกบรรทัดหนึ่ง แบบนี้ >> จางหนานใช้ปากกาวงเนื้อหาบทความพลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เยี่ยนซือเฉิงดีกับเธอมาก เธอ...” เขาถอนใจครั้งหนึ่ง “เธอก็ควรซื่อสัตย์กับเขาหน่อย” หลี่หยวนหยวนเข้าใจความหมายของเขาทันที
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
| |||