พฤศจิกายน 2561

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม โม่เป่าเฟยเป่า เขียน





ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม
โม่เป่าเฟยเป่า เขียน  เสี่ยวหวา แปล
สำนักพิมพ์อรุณ  ในเครืออมรินทร์
365 บาท  465 หน้า

หลังปก

ชั่วชีวิตนี้ "สืออี๋" เคยทำเรื่องแปลกที่สุดเรื่องหนึ่งคือ วิ่งฝ่าเจ้าหน้าที่มากมายเพื่อเข้าไปทักทายชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่สนามบิน 

ครั้งแรกที่เธอเจอเขาคือที่ฉางอานเมื่อหลายร้อยปีก่อน 
เขา...คือท่านอ๋องน้อยหนานเฉินผู้ห้าวหาญเทียมฟ้า 
เธอ...คือว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทผู้งามล่มเมือง 

เพียง "นัยน์ตาสื่อรัก ใจประสานใจ" ประโยคเดียวทำให้โชคชะตาของพวกเขามีอันต้องพลิกผัน 

แต่ครั้งนี้ แม้กาลเวลาจะทำให้ใบหน้าและเสียงของเขาเปลี่ยน แต่เธอยังคงจดจำเขาได้ เธอเป็นเพียงคนเดียวที่มีความทรงจำของอดีตชาติ ทว่าเขากลับจำเธอไม่ได้อย่างสิ้นเชิง 

"โจวเซิงเฉิน" สามคำนี้ทำให้ความรู้สึกอ่อนโยนที่สุดพรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของหัวใจเธอ การร่วมเผชิญกับแผนการร้าย การใส่ร้าย และการต่อสู้แย่งชิง ทำให้หัวใจของเขากับเธอค่อย ๆใกล้ชิดกัน ชั่วชีวิตนี้เธอเพียงต้องการเรื่องราวที่เป็นของพวกเขาอย่างแท้จริง หาได้สนใจความมั่งคั่งร่ำรวยหรือการเคียงคู่กับจักรพรรดิไม่


คุยกันหลังอ่าน

โอซื้อเรื่องนี้มาตอนออกใหม่ ๆ เลย แต่ก็ดองไว้ตามระเบียบ ซึ่งก่อนหน้าที่จะอ่านก็เห็นคะแนนรีวิวใน goodreads กลาง ๆ ค่อนไปทางต่ำ

ความรู้สึกคือ เอาแล้ว ซวยแล้ว แหม โอก็เป็นคนหนึ่งที่อยากอ่านเรื่องที่เราชอบนี่นะ ซื้อมาทุกเรื่องคือคิดว่าจะสนุกไง บางทีก็ใช่ แต่บางทีก็ไม่


"ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม"

กระดูกงดงามคืออะไร เรารู้สึกสงสัยตั้งแต่ชื่อเรื่อง

โอจะบอกให้ทุกคนทราบตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะมันไม่ใช่ความลับยิ่งใหญ่อะไร

กระดูกงดงามในที่นี้คือ จิตใจงาม

จากท่อนใจความสำคัญในเรื่อง

"ผู้ที่มีกระดูกจะไม่มีผิวหนัง 
ผู้ที่มีผิวหนังจะไม่มีกระดูก 
มนุษย์บนโลกส่วนใหญ่มีสายตาตื้นเขิน 
มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก 
ไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงกระดูก"

กระดูกคือจิตใจ ผิวหนังคือรูปลักษณ์

คนที่จิตใจดี หน้าตาไม่ดี คนที่หน้าตาดี จิตใจไม่ดี คนมักมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก มากกว่าจิตใจคน

นี่เป็นใจความที่สื่อออกมา

สืออี๋ นางเอกของเรา เป็นสาวสวย ใครเห็นใครก็ชม ทำอาชีพเป็นนักพากย์เสียง

สืออี๋เห็นโจวเซิงเฉินครั้งแรกก็ตั้งใจเลยว่าฉันจะปล่อยคนนี้ไปไม่ได้

โจวเซิงเฉินหน้าตาดีเหรอ

เปล่า โจวเซิงเฉินหน้าตาธรรมดามาก ย้ำอีกครั้ง ธรรมดามาก ธรรมดาจนเพื่อนสืออี๋สงสัยว่าทำไมสาวสวยอย่างเธอถึงปักใจกับคนคนนี้

แต่สืออี๋มีความลับอย่างหนึ่ง นั่นคือเธอระลึกชาติได้ และเธอรู้ว่าโจวเซิงเฉินคนนี้คือโจวเซิงเฉินในอดีตชาติ

ชื่อเดียวกัน แต่หน้าตาไม่เหมือน เสียงก็ไม่คล้าย แต่ส่วนลึกแล้วสืออี๋รู้สึกได้ว่าเขาคือคนคนเดียวกัน

โจวเซิงเฉินในอดีตคือ อ๋องน้อยหนานเฉิน อาจารย์ของว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท
โจวเซิงเฉินตอนนี้เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้เคร่งครัด

สืออี๋ในอดีตคือ หญิงสาวไร้เสียง ว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท 
สืออี๋ในตอนนี้ เป็นนักพากย์เสียงผู้ที่ชื่อว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของเสียงที่ไพเราะที่สุดของจีน

ต่างเวลา ต่างหน้าตา ต่างความสามารถ

แต่เนื้อในคือคนคนเดียวกัน

เหตุนี้ใจจึงไม่แปรผัน เปลี่ยนแปลง

เดิมสืออี๋คิดว่าขอแค่รู้จัก เห็นหน้า ได้คุยได้พบปะกันบ้าง ก็พอใจแล้ว ไม่ได้หวังว่าจะได้เคียงคู่ 

ไม่นึกไม่ฝันว่าหลังจากส่งอีเมลคุยกัน พบกันสี่ครั้ง ในเวลาหกเดือน (แถมเป็นการพบปะแบบสั้น ๆ ด้วยซ้ำ) โจวเซิงเฉินจะเป็นฝ่ายโทรมาขอหมั้น โดยให้เหตุผลว่าถ้าตนจะต้องหมั้น ก็ขอหมั้นกับคนที่คุ้นเคยดีกว่า ส่วนเหตุผลอื่นๆ ยังไม่ขอเล่า

สืออี๋แทบไม่รู้จักอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่เธอก็ตกลงรับปากไป

ซึ่งนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องลำบาก ที่แสนสุขใจ


เรื่องจะอยู่ในปัจจุบันเป็นหลัก มีเพียงไม่กี่บทที่กล่าวถึงช่วงโบราณ 

ดำเนินเรื่องแบบไม่เร่งรีบ ช้า ๆ ละมุนละม่อม (ไม่นับพบกับสี่ครั้งแล้วขอหมั้นน่ะนะ)

จะเห็นถึงความสัมพันธ์ด้านความรักที่ค่อย ๆ พัฒนา โดยเฉพาะจากฝั่งพระเอก เพราะนางเอกเราหลงอีกฝ่ายหน้ามืดตามัวอยู่แล้ว อะแฮ่ม ถึงโอใช้คำนี้ แต่คู่นี้เขาเป็นผู้ดีนะ

คือนางเอกเนี่ย มีความทรงจำจากยุคโบราณ ความชอบ ความสามารถอะไรที่หญิงโบราณควรมี นางมีหมด เหมือนอยู่ในสายเลือด

ส่วนพระเอก ครอบครัวเขาเป็นผู้ดีเก่า พูดง่าย ๆ คือ ครอบครัวหัวโบราณ แม้พระเอกจะไปเรียนหรือทำงานที่เมืองนอก แต่เขาก็เติบโตมาในครอบครัวแบบนี้ เลยหล่อหลอมให้มีความสนใจคล้ายคลึงกัน

พวกเขาก็จะคุยกันตั้งแต่เชิงอักษร กาพย์กลอน ชงชา เล่นหมาก การละเล่นโบราณ วาดภาพ ซึ่งโอเข้าใจคนที่จะไม่อินในส่วนนี้ เพราะโอก็ไม่อินเหมือนกัน มันอินยาก เพราะเราไม่ได้อยู่ในวัฒนธรรมเดียวกับเขา ไม่ได้เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น คุยเรื่องสมุนไพร ต่อกลอน อย่างงี้ นึกภาพออกไหม สมมติถ้าโอขึ้นต้นให้ว่า มัสมั่นแกงแก้วตา... โอให้ต่อ ร้อยละเก้าสิบต่อได้แน่นอน แต่ให้ต่างชาติเขามาเข้าใจ มาคุ้นเคยรู้จัก เขาก็ไม่เข้าใจ

โรแมนติกแบบเนิบ ๆ แอบวาบหวามเล็ก ๆ ให้หัวใจไหว

แนวหลักของเรื่องคือโรแมนติก แต่ก็จะมีปริศนาในครอบครัวพระเอกให้เราสงสัยว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ ให้นางเอกได้ชีวิตวุ่นวายเล่น

อ่านยากเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องซับซ้อน แต่เพราะการดำเนินเรื่องเหมือนอยู่ในม่านหมอก เห็นอะไรก็ไม่ชัด จากตรงนี้ไปตรงนู้น แล้วไปอีกที่ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนงงว่าพาเราไปทำไม มาอยู่จุดนี้ได้ยังไง จับประเด็นที่ต้องการสื่อไม่ได้

จุดที่ดีคือความสัมพันธ์ โอว่าคู่นี้น่ารัก พระเอกเดิมเป็นคนที่ทำอะไรตามกรอบเป๊ะ ๆ เหมือนหุ่นยนต์ ก็ค่อย ๆ ปรับตัวทีละขั้น ส่วนนางเอกไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไร เดิมใส่ใจพระเอกยังไง ก็ใส่ใจอย่างนั้น เพียงแต่จะแสดงออกมาชัดเจนขึ้น

โอชอบสองในสามเรื่องแรก ชอบเกินคาด และได้เร็วเกินคาดเลย อยากรู้เรื่องพระเอก เรื่องครอบครัวพระเอก อยากเห็นความสัมพันธ์ของสองคนนี้ เดาทางตอนต่อไปไม่ถูก แต่จบแบบเบลอ ๆ งง ๆ ผู้เขียนพูดถึงเหตุการณ์ที่โน่นที่นี่ เอ้า แล้วมันที่ไหน เกิดอะไรขึ้น แทนที่จะเล่าเป็นเหตุการณ์มา ใครจะไปจำชื่อสถานที่ได้ ไปมาตั้งหลายที่ หลายอย่างก็ไม่เฉลย ปล่อยให้คลุมเครือซะอย่างนั้นแหละ

โอว่ารายละเอียดยังไม่ชัด ยังเน้นประเด็นที่ต้องการสื่อออกมาไม่ดีพอ แม้แต่ "กระดูกงดงาม" วลีสำคัญ ก็ยังอธิบายได้ไม่มีพลังพอ ตอนพิเศษท้ายเรื่องบางตอนอ่านแล้วสงสัยว่าเพื่ออะไร

และโอว่าภาษามีปัญหาด้วย โออ่านแยกประโยคเข้าใจ แต่พออ่านเรียงกันมาเป็นใจความ ดันไม่เข้าใจซะงั้น เหมือนไม่สื่อความออกมา 

3 ดาว ชอบความสัมพันธ์นะ เริ่มต้นจากก้าวกระโดดไปที่หมั้น แล้วค่อย ๆ ย้อนมาทำความรู้จักแบบคนใกล้ชิด เรียนรู้กันและกัน เข้าใจกัน ดูแลกัน เพราะอดีตชาติเป็นแบบนั้น ปัจจุบันเลยเป็นแบบนี้ ตรงส่วนนี้ก็ตอบคำถามได้ แต่ส่วนอื่นจะดูคลุมเครือ ไม่ค่อยเฉียบคมหรือสื่อความนัก




ยกตัวอย่างที่โออ่านแล้วมีปัญหา

หน้า 78

แค่สิบกว่าขวบก็เริ่มคัดเลือกภรรยาแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆ 

"ท่านคัดเลือกมาจำนวนหนึ่ง แล้วสุดท้ายคุณค่อยเลือกใช่ไหมคะ"

เขาจิบชา ทำเป็นมองข้ามคำถามนี้

เธอก้มหน้าครุ่นคิด 'ทำไมเขาถึงได้ทำให้คนรู้สึกว่าการเข้าใกล้เขาเป็นเรื่องยาก'

มีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงจะเหมาะกับเขา


มันไม่ใช่ประโยคที่เราพูดกันเลย นึกออกไหมคะ

'ทำไมเขาถึงได้ทำให้คนรู้สึกว่าการเข้าใกล้เขาเป็นเรื่องยากกันนะ'

และ 

แต่แบบนี้แหละจึงเหมาะกับเขา หรือ แต่แบบนี้จึงจะเหมาะกับเขา


หน้า 112


สืออี๋กับโจวเซิงเฉินเพิ่งจะยกถ้วยน้ำชาขึ้น ยังไม่ทันจิบก็เห็นชายสองคนกับหญิงสองคนสาวเท้าเดินออกมา มีหญิงชราคนหนึ่ง สามคนที่เหลืออายุยังน้อย ชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาว อีกคนหนึ่งสวมสูทแบบตะวันตกและรองเท้าหนัง ถ้าพวกเขาไม่รู้ อาจจะคิดว่าพวกเขามายังสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์สมัยหมินกั่วเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ก็เป็นได้ กลับเป็นหญิงสาวที่สวมเสื้อยืดกระโปรงยาว ในมือถือสมุดภาพมาเล่มหนึ่ง เลยนับว่าดูปกติขึ้นมาหน่อย

คงมีแต่ยุคสมัยนั้นที่จะเห็นเครื่องแต่งกายที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจีนกับตะวันตกเข้าด้วยกัน

ตรงถ้าพวกเขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรคะ ทำให้เฉพาะเจาะจงขึ้น จะเป็น ถ้าพวกเขาไม่รู้มาก่อน 

ส่วนท่อนนี้ 

กลับเป็นหญิงสาวที่สวมเสื้อยืดกระโปรงยาว ในมือถือสมุดภาพมาเล่มหนึ่ง เลยนับว่าดูปกติขึ้นมาหน่อย

มันดันมาตีกับท่อนล่าง

คงมีแต่ยุคสมัยนั้นที่จะเห็นเครื่องแต่งกายที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจีนกับตะวันตกเข้าด้วยกัน

ยุคสมัยนั้น เดาว่าหมายถึงยุคสมัยหมินกั่ว เพราะฉะนั้นประโยคเด่นจะไม่ใช่ที่หญิงสาว การลงท้ายแบบนี้ทำให้ประโยคหญิงสาวเด่นขึ้นมา ซึ่งไม่สัมพันธ์กับท่อนต่อไป 

โอลองเปลี่ยนใหม่ คงไม่ถูกเป๊ะนะ เพราะโอไม่รู้ภาษาจีน และโอไม่รู้ว่าต้นฉบับมายังไง เอาพอเห็นภาพ

เป็น

สืออี๋กับโจวเซิงเฉินเพิ่งจะยกถ้วยน้ำชาขึ้น ยังไม่ทันจิบก็เห็นชายสองคนกับหญิงสองคนสาวเท้าเดินออกมา มีหญิงชราคนหนึ่ง สามคนที่เหลืออายุยังน้อย ชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาว อีกคนหนึ่งสวมสูทแบบตะวันตกและรองเท้าหนัง ถ้าพวกเขาไม่รู้มาก่อน อาจจะคิดว่าพวกเขามายังสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์สมัยหมินกั่วเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ก็เป็นได้ มีเพียงหญิงสาวที่สวมเสื้อยืดกระโปรงยาว ในมือถือสมุดภาพมาเล่มหนึ่ง เลยดูปกติขึ้นมาหน่อย

คงมีแต่ยุคสมัยนั้นที่จะเห็นเครื่องแต่งกายที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจีนกับตะวันตกเข้าด้วยกัน


หน้า 125

สืออี๋มองพวกเขา เดาไม่ออกว่าในกล่องบรรจุอะไรไว้

หลังจากที่หญิงสาวทักทายสืออี๋แล้วก็ส่งสัญญาณให้คนเปิดกล่อง ไม่นานหลังจากนั้นก็มีราวแขวนเสื้อสีแดงเข้มตั้งอยู่

ที่แท้ก็มาส่งเสื้อผ้า มิหนำซ้ำยังเอาราวแขวนเสื้อมาด้วย

เธอเข้าใจทันที

หญิงสาวกลับมองสีหน้าของสืออี๋ออก และรู้สึกว่าการกระทำนี้เป็นเรื่องที่น่ารำคาญอย่างยิ่ง "คุณย่าบอกว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณชายใหญ่สกุลโจวเซิงจะต้องทำให้ถูกต้อง" หญิงสาวเห็นสีหน้าประหลาดใจของสืออี๋ก็อดถอนหายใจไม่ได้ "ช่วยไม่ได้จริง ๆ ค่ะ คนที่คุณสืออี๋กำลังจะแต่งงานด้วยเป็นคนสกุลโจวเซิงซึ่งมีเพียงคนเดียวในแต่ละรุ่นเท่านั้น"

มีคนดึงผ้าคลุมออก แล้วเอาเสื้อผ้าสิบกว่าชุดแขวนไว้บนราว

สืออี๋มองพวกมันแล้วอุทานออกมาว่า "สวยจังค่ะ"

"ชอบไหมคะ ชอบจริง ๆ ใช่ไหมคะ" หญิงสาวหัวเราะ

การกระทำอะไรคะที่น่ารำคาญ
1. การเอาเสื้อผ้ามาทั้งราว 2. การอธิบายต่อสืออี๋ 3. สีหน้าสืออี๋

ซึ่งพอเจอประโยคต่อมา สืออี๋ทำหน้าประหลาดใจ โอจึงว่าสีหน้าสืออี๋ไม่ได้น่ารำคาญแน่ ๆ และโอคิดว่าหญิงสาวไม่น่าจะรำคาญสืออี๋ โอคิดว่าสิ่งที่น่าจะเป็นคือ หญิงสาวอาจจะรู้สึกว่าลำบากใจ หรือยุ่งยากใจ  (เพราะจุดประสงค์ในการมาของตนอาจจะขัดกับความต้องการของสืออี๋ สืออี๋อาจจะรู้สึกว่าการเลือกเสื้อผ้านั้นไม่พึงประสงค์)


หน้า 191

เป็นเพราะเธอมีแผลที่ขาและยังพันผ้าพันแผลไว้ ทำให้ใส่กระโปรงหรือกางเกงรัดรูปไม่ได้

เธอเลยสวมชุดออกกำลังกายที่เธอนำติดตัวมาด้วย

แต่เมื่อคิดถึงกฎของตระกูลเขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันสวมชุดกี่เพ้าแทน แล้วถอดผ้าพันแผลออกหลายชั้นจนสามารถใส่ถุงน่องสีดำทับได้

เหตุการณ์คือสืออี๋กำลังจะเปลี่ยนชุด พอเล่าถึงเหตุการณ์นี้ ภาพที่นึกคือเปลี่ยนชุดเป็นอะไร

อ่านครั้งแรก ความเข้าใจคือสืออี๋เปลี่ยนชุดสองครั้ง ครั้งแรกใส่ชุดออกกำลังกาย ครั้งที่สองเปลี่ยนมาใส่ชุดกี่เพ้า

แต่เหตุการณ์จริงคือสืออี๋ใส่ชุดออกกำลังกายอยู่แล้ว เมื่อต้องการไปพบแม่พระเอกจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นสวมชุดกี่เพ้าเพื่อความเหมาะสม (มีบอกอ้อม ๆ อีกครั้งตอนเจอพระเอก)

เพื่อเน้นสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ชัดเจนขึ้น

ควรจะเป็น 

ตอนนี้เธอเลยสวมชุดออกกำลังกายที่เธอนำติดตัวมาด้วย

แต่เมื่อคิดถึงกฎของตระกูลเขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันเปลี่ยนเป็นสวมชุดกี่เพ้าแทน แล้วถอดผ้าพันแผลออกหลายชั้นจนสามารถใส่ถุงน่องสีดำทับได้


หน้า 298

สิบวันต่อมา มีคนหนุ่มสาวมาที่คฤหาสน์ บรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้น

บ่ายวันนั้นโจวเหวินซิ่งและเหมยสิงมาถึงพร้อมกัน ในเวลานั้นโจวเซิงเฉินกับเธอค่อย ๆ ก้าวลงบันไดหินมาที่เชิงเขา ใบไม้หนาทึบบดบังแสงอาทิตย์แรงกล้า บริเวณใกล้เคียงมีทั้งสายน้ำและสายลมเลยไม่รู้สึกร้อน

เมื่อเดินจนเหนื่อย เธอก็หยุดพัก

มีปลาตัวเล็ก ๆ แหวกว่ายอยู่ในลำธารไม่มากนัก พวกมันบังเอิญมารวมตัวกันอยูตรงคุ้งโค้งของลำธาร เหนือผิวน้ำมีแมลงปอสองสามตัวบินโฉบไปมา

เธอเฝ้าดูพวกมันโดยปล่อยใจให้ว่างขณะนั่งพักผ่อนอยู่บนก้อนหินใหญ่ โจวเซิงเฉินยืนอยู่ข้างเธอ เกิดความเงียบชั่วครู่

เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ "เหวินซิ่งกับเหมยสิงน่าจะมาถึงแล้ว"


ประโยค บ่ายวันนั้นโจวเหวินซิ่งและเหมยสิงมาถึงพร้อมกัน 

หมายความว่า โจวเหวินซึ่งและเหมยสิงมาถึงแล้ว

แต่จริง ๆ ทั้งคู่ยังมาไม่ถึง จากประโยค "เหวินซิ่งกับเหมยสิงน่าจะมาถึงแล้ว"

จึงควรจะเป็น

เหวินซิ่งกับเหมยสิงจะมาถึงพร้อมกันตอนบ่าย


299

มือของหล่อนผอมมาก น่าจะเป็นผลมาจากการเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดทำให้ดูผอมแห้งเล็กน้อย

ครั้งก่อนสืออี๋ไม่ทันสังเกต สภาพจิตใจในเวลานี้ของโจวเหวินซิ่งแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

ตรงนี้โองงจริง ๆ มันเป็นมาตั้งแต่ต้นหรือเปล่า

ขัดกันทุกประโยคเลย มือผอมมาก ดูผอมแห้งเล็กน้อย  (ตกลงผอมมากหรือผอมเล็กน้อย) แล้วสืออี๋ดันสังเกต สภาพจิตใจที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด (จากมือผอม ๆ นี่) ถ้าจะบอกว่าสภาพจิตใจแย่ ทำให้กินอะไรไม่ลง เลยผอม ประโยครายรอบก็ต้องมีลักษณะที่บ่งบอกว่าสภาพจิตใจโจวเหวินซิ่งไม่ดี  แต่นี่ไม่มีเลย ยังเป็นสาวน้อยมีชีวิตชีวา โอเลยงงมาก


หน้า 300

นี่คือคำอธิบายของผู้ที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง

วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์

เหมยสิงอดหยอกล้อเพื่อนไม่ได้ "นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่เป็นจริงก็คือสิ่งที่สมเหตุสมผล ฉันเชื่อในพุทธศาสนาและการกลับชาติมาเกิด"


นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่เป็นจริงก็คือสิ่งที่สมเหตุสมผล ประโยคนี้บอกโจวเซิงเฉิน และขัดแย้งกับประโยคหลัง ฉันเชื่อในพุทธศาสนาและการกลับชาติมาเกิด

ควรมีการแยกข้อความที่ขัดแย้งกัน และทำให้เป็นประโยคคำพูด

อย่างเช่น  

"นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่เป็นจริงก็คือสิ่งที่สมเหตุสมผล (แต่/ส่วน)ฉันเชื่อในพุทธศาสนาและการกลับชาติมาเกิดนะ"


ราว ๆ นี่ค่ะ




.
.
.

หงเสี่ยวอวี้กระโดดลงจากเตียง เดินไปที่ประตูห้องน้ำด้วยเท้าเปล่า สบตาเพื่อนผ่านเงาสะท้อนในกระจก "เธอบอกฉันได้ไหม เพราะอะไรเธอถึงชอบเขาขนาดนี้"

ภายใต้แสงไฟสีเหลือง สืออี๋ใช้สำลีจุ่มน้ำยาทำความสะอาดเครื่องสำอางเช็ดทำความสะอาดใบหน้าอย่างทั่วถึง การเคลื่อนไหวของเธอเป็นไปอย่างระมัดระวังและพิถีพิถัน ซึ่งเผยให้เห็นถึงความกังวลใจและความคาดหวังของเธอ หลังจากทำความสะอาดใบหน้าเสร็จ เปิดก๊อกน้ำ มองกระจกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "ฉันรู้สึกว่าฉันต้องรู้จักขเาเมื่อชาติที่แล้ว แถมยังติดหนี้เขามากด้วย"

หงเสี่ยวอวี้หัวเราะพรวด "ที่แท้ก็เป็นบุพเพสันนิวาสเมื่อชชาติก่อนและชาตินี้..."

สืออี๋เม้มปากยิ้ม ไม่ใช่แค่ติดหนี้เท่านั้น

ถ้าเขาจำได้แม้เพียงเล็กน้อย บางทีอาจจะไม่อยากเจอเธอ

.
.
.

หน้า 28  บทที่ 1 อดีตที่มองไม่เห็น



Create Date : 13 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2561 17:44:20 น.
Counter : 5536 Pageviews.

6 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสาวไกด์ใจซื่อ

  
อ่านเรื่องนี้แบบความสัมพันธ์ข้ามๆ อ่านใจความ แต่ไม่ได้อ่านลึกแบบการเรียบเรียงภาษา เรื่องแปลบางเรื่องมักมีสำนวนที่อ่านแล้วชวนงงๆ เหมือนกัน เวลาอ่านรู้สึกเหมือมันแยกเป็นส่วนๆ มันไม่สมูทเป็นเส้นเดียวกัน แต่ก็อ่านสนุกดี ความสัมพันธ์ของตัวละครของน้องสาวนางเอก ต้องอ่านทวนซ้ำอีกทีเหมือนกัน เพราะงงๆว่าใครทำอะไรที่ไหนกันแน่
โดย: มิโดริ IP: 223.24.190.113 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2561 เวลา:18:38:37 น.
  
แก้คำผิดค่ะ ของน้องสาวพระเอกสิ
โดย: มิโดริ IP: 223.24.190.113 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2561 เวลา:18:39:55 น.
  
เรื่องนี้อ่านแล้วมึนๆ ภาษาค่ะ เลยไม่ค่อยอิน ความจริงที่สงสัยมากคือตระกูลนี้ฝ่าฟันช่วงปฏิวัิติวัฒนธรรมมาได้อย่างไร ทำให้รู้สึกลอยมากค่ะ
โดย: jackfruit_k วันที่: 13 พฤศจิกายน 2561 เวลา:22:08:53 น.
  
อ่านแล้วเหมือนจะน่าสนใจนะ

ปัญหาตามที่ยกมา อยากรู้จังว่าเป็นตั้งแต่ต้นฉบับ หรือที่คนแปลกันแน่

บางทีคนแปลก็ทำให้หนังสือดีๆ อ่านยาก อ่านไม่เข้าใจ ถึงทำให้หนังสือแย่ลงได้นะ 555

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ออโอ Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 พฤศจิกายน 2561 เวลา:9:06:38 น.
  
คุณมิโดริ โอว่าผู้เขียนเขาพยายามทำให้ต้องตีความ แต่มันมากจนกำกวม แถมจุดที่ควรแก้ปมก็ปล่อย ๆ ผ่านไป ให้น้ำหนักความสำคัญไม่ถูกจุด

คุณ jackfruit_k (แวบไปอ่านเรื่องปฏิวัติวัฒนธรรมชั่วครู่) ความเห็นโอ ผู้เขียนอาจจะสะท้อนเรื่องนี้ในทิศทางตรงข้ามก็ได้นะคะ เขาอาจจะรู้สึกว่าเรื่องวัฒนธรรมนี้สำคัญ เลยต้องการสะท้อนผ่านนิยายของตนก็เป็นได้ อันนี้โอก็เดานะ


พี่สาวไกด์ฯ ขอบคุณที่โหวตให้ค่า
โดย: ออโอ วันที่: 17 พฤศจิกายน 2561 เวลา:16:11:34 น.
  
หรือเราอ่านนินายแปลจีนบ่อย การใช้สำนวนมันเป็นเสน่ห์
โดย: Siri IP: 1.10.213.49 วันที่: 3 กันยายน 2564 เวลา:7:20:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments