Group Blog All Blog
|
ความผิดปกติบนความปกติ สิ่งผิดปกติทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราล้วนเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราคิดว่าปกติแต่ไม่ปกติภายในของเราทั้งสิ้น เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความไม่สมดุลย์ของจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) พลังงานบวกมากหรือน้อยเกินไป และจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) พลังงานลบมากหรือน้อยเกินไป จิตวิญญาณเชื่อมต่อกับความคิดความรู้สึกและการกระทำในส่วนของมนุษย์เท่ากับความผิดปกติยืนอยู่บนฐานของความปกติ และความปกติก็ยืนอยู่บนฐานของความผิดปกติ เมื่อต้นกำเนิดผิดปกติผลที่ได้ก็ผิดปกติ ถ้าเราต้องการผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปเราต้องเปลี่ยนที่ต้นกำเนิด โลกไม่สามารถคิดและทำเองได้โลกทำได้เพียงตอบสนองความต้องการภายในของเราเท่านั้น ถ้าเราไม่พอใจชีวิตที่เราเป็นอยู่ภายนอกเราต้องเปลี่ยนชีวิตภายในของตัวเราเองเพราะชีวิตภายนอกคือภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นจากการส่งคลื่นความถี่ทางความคิดและความรู้สึกภายในออกสู่ภายนอกโดยมีร่างกายมนุษย์เป็นสื่อกลางที่ทำให้ภาพสะท้อนเกิดเป็นภาพเสมือนจริงภายนอก ฉะนั้นภาพเสมือนจริงจึงไม่ใช่ภาพแห่งความจริง เมื่อไม่ใช่ภาพแห่งความจริงเราจึงสามารถเปลี่ยนแปลงภาพเสมือนจริงนั้นได้ตลอดเวลาที่เราต้องการ ภาพเสมือนจริงทั้งหมดถูกกำหนดโดยคลื่นความถี่ที่เรารับเข้าและส่งออกไป ถ้าเราต้องการเปลี่ยนภาพเสมือนจริงเราต้องเปลี่ยนที่คลื่นความถี่ที่เรารับเข้าและส่งออกไปเพราะคลื่นความถี่ที่เหมือนกันและอยู่ในระดับเดียวกันจะดึงดูดกันและกันเข้าหากัน ความสามารถในการเปลี่ยนที่คลื่นความถี่ที่เรารับเข้าและส่งออกไปคือ การใช้ชีวิตเหนือธรรมชาติที่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่เราจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อให้ได้มา เราทุกคนมีเครื่องมือที่เป็นผู้ช่วยที่มีความสมบูรณ์พร้อมอยู่ในตัวเองคือ ความคิด(สมอง) คือ กระแสไฟฟ้า (พลังงานบวก) และอิเล็กตรอน (พลังงานลบ) ความรู้สึก (เส้นประสาทสัมผัส) คือ แม่เหล็ก ขั้วบวกขั้วลบ การไม่พยายามเรียนรู้และพัฒนาเครื่องมือที่เรามีอยู่คือการยอมจำนนต่อชีวิตด้วยความยินยอมพร้อมใจของเราเอง ไม่มีใครช่วยใครได้ ไม่มีใครสามารถพาเราเดินออกจากจุดที่เรายืนอยู่ได้นอกจากตัวเราเองเพราะโลกนี้คือโลกแห่งการลงมือทำ การใช้ความคิดและความรู้สึกสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดและความรู้สึกได้ แต่การใช้เพียงความคิดและความรู้สึกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมภายนอกของเราได้ ทางเข้าคือทางออก ทางออกคือทางเข้า การเปลี่ยนแปลงใดใดก็ตามจะต้องเกิดขึ้นและดับลงภายในตัวของสิ่งนั้นๆเอง ถ้าเราต้องการเปลี่ยนความคิดเราต้องใช้ความคิดเพื่อเปลี่ยนความคิด ถ้าเราต้องการเปลี่ยนความรู้สึก (จิตวิญญาณ) เราต้องใช้ความรู้สึกเพื่อเปลี่ยนความรู้สึก ถ้าเราต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมเราต้องใช้พฤติกรรมเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงชีวิตภายนอกเราจะต้องนำเอาความคิดความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปภายในออกมาลงมือปฎิบัติภายนอกเพื่อสร้างภาพเสมือนจริงใหม่ภายนอกและนำภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นใหม่จากการคิดใหม่รู้สึกใหม่ทำใหม่เข้าสู่ความคิดและความรู้สึกภายในอีกครั้ง มีเพียงการนำภาพที่ได้จากการคิดใหม่รู้สึกใหม่มาทำซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งภายในและภายนอกเท่านั้นที่จะสามารถลบภาพเก่าออกจากความคิดและความรู้สึกได้ ความคิดและความรู้สึกคือสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไปณ.เวลาที่เราคิดและรู้สึกเท่านั้น ถ้าเราต้องการให้ความคิดและความรู้สึกไม่เป็นเพียงสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไปเท่านั้น เราจะต้องนำเอาความคิดและความรู้สึกที่ได้มาใหม่นั้นๆมาลงมือทำด้วยตัวเองทันที่เท่านั้นจึงจะทำให้ความคิดและความรู้สึกภายในเกิดการแทนที่โดยสมบูรณ์แบบและทำให้ชีวิตที่เป็นอยู่ภายนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์แบบเช่นกัน การกระทำเดิมๆการใช้ชีวิตแบบเดิมเราก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ การกระทำเดิมๆการใช้ชีวิตแบบเดิมแต่เราได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปเกิดจากการมุ่งหน้าแสวงหาผลประโยชน์จากความคิดความรู้สึกและการกระทำของผู้อื่นที่ไม่ลดละของเราเอง ซึ่งอาจทำให้เราได้รับผลประโยชน์ภายนอกแต่สูญเสียผลประโยชน์ภายในเพราะเราคือคนที่ยืนอยู่จุดเดิม ถ้าเราใช้ชีวิตโดยการมุ่งหน้าแสวงหาผลประโยชน์จากความคิดความรู้สึกและการกระทำของผู้อื่นเราจะไม่เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ถ้าเราต้องการเดินออกจากจุดที่เรายืนอยู่เราต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเราต้องไม่มุ่งหน้าแสวงหาผลประโยชน์จากความคิดความรู้สึกและการกระทำของผู้อื่น เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้จากการนำเอาความคิดความรู้สึกและการกระทำของเราเองกลับมาคิดใหม่รู้สึกใหม่และทำใหม่เพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้จากการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองของผู้อื่น ผู้อื่นก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้จากการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองของเราเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน *ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงผู้อื่นโดยไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองคือ การแสดงความไม่รักไม่เคารพตัวเองและไม่รับผิดชอบต่อความคิดความรู้สึกและการกระทำของเราเอง
|
สมาชิกหมายเลข 3784113
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง There is no way to happiness, happiness is the way. การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว | ||||||||||||
