"Micheal Clayton" ... คนที่ถูก กับงานที่ผิด และการปกปิดความผิดให้มันถูก
"Micheal Clayton" ... คือ ชื่อของทนายความนายหนึ่ง ที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงบนโลกใบนี้ หากแต่ตัวละครตัวนี้ก็ยังเป็นคนจริงผู้ที่ยึดถือความยุติธรรมเหนือสิ่งอื่นใด (ที่โลกใบนี้จริงๆอาจจะไม่มีทนายความเช่นนี้เหลืออยู่อีกแล้ว)
ไมเคิล เคลย์ตัน มีหน้าที่ในการเป็นภารโรง ผู้คอยตามเก็บกวาดล้างเช็ดให้ลูกค้าในบริษัทว่าความที่่ไปทำความผิดที่นั่นที่นี่ ให้ออกมาเป็นฝ่ายที่ได้รับความถูกต้องจากคำพิพากษาทางศาล...การทำงานในด้านนี้ อาจจะส่อแสดงถึงตัวตนที่หน้าซื่อ ใจคด ของไมเคิล แต่ความเป็นจริงแล้ว เขาก็คือทนายความอีกคนหนึ่งที่ต้องทำทุกสิ่งทุึกอย่างเพียงเพราะมันเป็นหน้าที่ที่เขาจำเป็นจะพึงกระทำ
และในงานๆหนึ่ง ที่เขาจำเป็นต้องพึงกระทำไปตามคำสั่งของเบื้องบน ก็คือ การปกป้องเพื่อนทนายความของเขาที่กำลังเผชิญหน้ากับอิทธิพลอันใหญ่คับฟ้าของบริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกา ที่ปกปิดความเป็นจริงถึงการกระทำความผิดบางอย่างเอาไว้ เป็นคดีความที่สู้กันยาวนานถึงสิบกว่าปี หากแต่คนโดนกระทำก็ไม่สามารถจะสู้อะไรได้เลย ...จนกระทั่ง "อาเธอร์ อีเดนส์" เพื่อนทนายความของไมเคิล ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยคนโดนกระทำนั่นเอง จึงเป็นเหตุเป็นผลที่ก่อให้เกิดคดีความใหม่ที่ถูกกระทำอย่างแอบซ่อนเอาไว้โดยผู้ร้ายตัวจริง ผู้ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บริษัทของตัวเองเป็นผู้ที่ถูกต้อง
Micheal Clayton ... คือ งานกำกับครั้งแรกของมือเขียนบทที่เชี่ยวชาญงานหนังทริลเลอร์เป็นอย่างเซียน ...และ "โทนี่ กิลรอย" ก็คือ ชื่อที่คนปลื้มหนังแอ๊คชั่นสายลับเท่ห์ๆตระกูลBourne ต้องอยากขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
จากภาคสาม ล่าสุด ที่เพิ่งผ่านตากันไปแหม่บๆ ...สิ่งที่ผมเห็นได้ชัดเจนจากงานของเขาที่ทำตั้งแต่ภาคแรกเป็นต้นมา ก็คือ พัฒนาการทางวิธีการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ที่ยิ่งผ่านเวลาและประสบการณ์ไปมากเท่าไหร่ ก็ดูจะเอาอยู่ และแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าที่แล้วมา
แต่ถึงกระนั้น โทนี่ ก็ไม่คิดจะย่ำอยู่กับที่ สักแต่จะอยู่กับบอร์นไปตลอด ...การก้าวเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้กำกับหนังเป็นครั้งแรก แสดงออกถึงความพร้อมที่เขาจะได้ที เล่าเรื่องราวหนังจากมือของตัวเขา ด้วยวิธีการและความคิดที่เป็นตัวของตัวเขาเอง
Micheal Clayton เป็นหนังที่มีตัวเอกเป็นทนายความ มีเรื่องมีราวคดีความเป็นตัวดำเนืนเรื่อง หากแต่ตัวหนังทั้งเรื่องไม่มีฉากไหนที่อยู่ในศาลเลยแม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่ง... ซึ่งนั่นก็คงเป็นมุมมองหนึ่งที่ โทนี่ คิดเอาไว้จะให้เป็นอย่างนั้น และสิ่งที่เขาทำให้มากไปกว่าเป็นหนังทริลเลอร์อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ การโยงเรื่องราวระหว่างชีวิตภาคทนายความ ที่ไปได้ดีไม่เสียหาย และชีวิตภาคผู้ชายธรรมดาอีกคนหนึ่ง ที่มีความล้มเหลวรายล้อมปิดกั้นทางเดินเอาไว้
เรื่องราวทั้งสองส่วน เดินหน้าควบคู่ไปด้วยกัน พร้อมกับการสร้างความน่าติดตามจากการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของ ไมเคิล ที่มี อาเธอร์ เป็นหมากตัวสำคัญของการเปิดความจริง... บทหนังของ โทนี่ ยังคงฉลาด และมีลูกเล่นด้วยการเล่าแบบอ้อมค้อมในช่วงแรก ก่อนจะย้อนกลับมาสู่จุดที่เปิดประเด็นชวนฉงนให้จบลงได้หายความสงสัย ...ส่วนของการกำกับ อาจจะยังมีแสดงออกถึงความเป็นมือใหม่ที่ยังไม่คล่องงาน ไม่แม่นจังหวะ และขยี้หนังไม่เข้มข้น ก็ให้ขัดๆความรู้สึกอยู่บ้าง แต่กระนั้นเขาก็คุมหนังออกมาได้อย่างเป็นมืออาชีพ
การแสดงของ "จอร์จ คลูนีย์" ในฐานะบทนำเดี่ยวๆ (ไม่มีซูเปอร์สตาร์ผู้อื่นมาเอี่ยว) ยังแน่นปึ้กในคุณภาพเช่นเคย ...การแสดงทางอารมณ์ที่ดูเรียบเรื่อย กับสีหน้าที่เคร่งเครียดจริงจัง แต่กระนั้นก็คงความแน่น มีน้ำหนักถ่วงให้รู้สึกคล้อยไปตามสถานการณ์ทางอาชีพและชีวิตที่ ไมเคิล ต้องเดินหน้าสู้มันไป ..."ทิลดา สวินตัน" สวมบทหญิงร้ายที่มาดไม่ได้เป็นนางมารอย่างที่เคยคุ้นจากนาร์เนีย แต่กระนั้นแล้วผมก็นึกรังเกียจตัวละครของเธอ ตั้งแต่ที่หนังยังไม่เฉลยความจริงเสียด้วยซ้ำ ...และ "ทอม วิลคินสัน" ขโมยซีนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด กับการเป็น อาเธอร์ ที่จิตกระท่อนกระแท่นไม่อยู่กะร่้องกะรอย แต่มีใจที่ยังยึดมั่นกับความยุติธรรมไม่บิดพริ้ว ...ถึงผมจะไม่สามารถหยั่งรู้ใจกรรมการออสการ์ได้ แต่ก็กล้ารับรองว่า ชื่อ ทอม วิลคิลสัน ไม่หลุดจากที่นั่งเข้าชิงสมทบชายเป็นอย่างแน่นอน
"Micheal Clayton" ... คือ หนังทริลเลอร์เนื้อหาเข้มที่คนชอบคิด ชอบนึกตามหนัง จะได้สนุกไปกับเรื่องราวอันซับซ้อน แต่ไม่ซ่อนความเคลียร์ให้ต้องซีเรียสขนาดหนักเมื่อหนังจบ ...โดยตัวหนังอาจยังไม่ถึงกับประทับใจอะไรผมเป็นพิเศษ แต่นี่ก็คืออีกหนึ่งหนังดีมีคุณภาพที่คอหนังไม่น่าพลาด ไม่น่าปล่อยผ่านให้ออกจากโรงไปแบบน่าน้อยใจแทนก็แล้วกัน
เกรด B+ ... {}
ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 2:03:12 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1900 Pageviews. |
|
|
|