{{{ รอบใหม่ ความรู้สึกใหม่ และมุมมองใหม่ ที่แตกต่าง กับ "Seasons Change" }}}
คำเตือน : บล็อกนี้ มีการ SPOILER ... ใครยังไม่ได้ดูหนัง อย่าเพิ่งอ่านเลยนะครับ ...ต้องไปอุดหนุนหนังสักรอบจะเป็นการดีที่สุด แล้วเราค่อยมาคุยกันนะ เมื่อวันอังคารผมได้ไปดู Seasons Change รอบที่ 2 มาเป็นอันเรียบร้อยโรงเรียนจีทีเฮช ...(ขอนอกเรื่องสักนิด) โดยที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หลังจากผมออกโรงไม่กี่นาที ก็เกิดการ Government Change อย่างเงียบๆซะอย่างงั้นเลย ...กลับบ้านมา ยังแซวๆกับคุณอาที่ไปดูหนังด้วยกัน ว่า แหม มันช่างเข้ากั้นเข้ากันกับหนังที่เราไปดูเลยนะเนี่ย (วกกลับมาคุยเรื่องหนังต่อ) สำหรับความรู้สึกหลังจากดูรอบที่สองจบ ...จากรอบแรกที่ดูแบบปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย โดยไม่สนใจใส่ใจอะไรมากนัก ก็ยังคิดว่าหนังแหว่งๆหวิ่งๆ ไม่ค่อยอิ่มในอารมณ์ และ ตอนจบก็ยังไม่เคลียร์ดี ... พอมาเป็นรอบนี้ ที่ดูไปแบบตั้งใจเก็บทุกจุด รายละเอียดที่ผมพลาดไปก็ลองมองไปนึกไป ผมกลับรู้สึกออกจากโรง อิ่มกว่าดูรอบแรกได้ซะนี่ ...เรื่องที่ผมเคยคิดว่ามันด้อย พอได้ดูรอบสอง ผมก็ไม่อยากจะนึกตำหนิอีกเลย... องก์ที่สาม ที่ผมเคยบ่นว่ามัน Fail ลงไป ...พอดูแบบใส่ใจแล้ว "องก์นี้ก็ลงตัวไม่ต่างไปกับองก์หนึ่งองก์สองที่ผมโดนใจมาก่อนเลยนี่" ตอนจบของป้อมกับดาวที่หนังยังไม่ทันได้จากลากัน ...พอดูแบบไม่คิดอะไร "หนังตัดออกไปก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกขาดหายอะไรสักหน่อย" ปกติผมดูหนังรอบสอง มักจะดูเอาความสนุกและความชอบ อยากรู้ว่าจะได้เท่าเดิมที่เคยได้ในรอบแรกหรือเปล่าแต่เรื่องนี้ รอบสองกลับให้อะไรได้มากกว่ารอบแรก... แล้วกับเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดในหนัง ถ้ามองกันแบบตื้นๆ ก็คงเป็นอะไรที่ฮาๆซึ้งๆ พอออกจากโรงก็ไม่ได้เกิดความค้างคาอะไร ...แต่ถ้ามองกันอย่างลึกๆเลย Seasons Change แอบใส่อะไรหลายๆอย่างที่หนังก็บอกจะสื่อให้เราคนดูนี่แหละ เพียงแต่ให้ตรงๆมันดูจะง่ายไป ก็เลยต้องขอศรัญญาๆสักนิด มุมมองที่ 1 ... ฉากที่อ้อมกับป้อมเดินลุยฝนโดยใช้ร่มคันเดียวกัน ตอนดูรอบแรก ผมไม่ได้เห็นถึงจุดๆนี้ที่หนังใส่เข้ามาอย่างชัดๆเลย ...แต่พอได้ดูรอบสอง ก็ได้เห็นภาพเก่าที่มีอะไรใหม่โผล่เข้ามาในหัว มันเป็นภาพที่ "ป้อมยอมเปียกฝนเพื่ออยากให้เพื่อนสาวของเขาวิ่งหลบอยู่ในร่มที่เขาถือ" ... มุมมองของฉากๆนี้ แสดงออกถึง ความห่วงใยที่ป้อมมีให้อ้อมอย่างเต็มร้อย (ตัวเองเปียกได้ แต่อ้อมต้องไม่เปียก) แต่ตัวเองนั้นไม่ได้รู้สึกอยากจะไปเคียงข้างใกล้อ้อมในฐานะคนรัก ที่เดินไปด้วยกันในร่มคันเดียว ...ป้อมก็แค่ห่วงใยในฐานะเพื่อนสนิทเท่านั้นจริงๆ ผมเข้าใจตั้งแต่รอบแรกแล้วว่า หนังเรื่องนี้ไม่ต้องการให้จุดจบของความรักมากกว่าเพื่อนไปเกิดขึ้นระหว่าง ป้อม กับ อ้อม ...แต่พอผมได้เห็นภาพนี้เพิ่มเติมเข้ามา มันก็ช่วยเสริมทับความแน่ใจให้ผมชัวร์กับความคิดของผมมุมมองที่ 2 ... ฉากที่ ป้อม กับ ดาว เดินกลับจากห้องซ้อมดนตรีด้วยกัน เราจะเห็นได้ว่า ป้อม จะพยายามรักษาระยะห่างกับดาวเอาไว้มาก ...มันแสดงออกถึง ความไม่กล้าพอตามประสาคนแอบรัก แม้จะได้โอกาสประชิดงามๆแล้วก็ตามที แต่ก็ไม่เคยกล้าสานต่อความรู้สึกที่มีให้ แม้ว่าดาวจะเห็นป้อมอยู่ในสายตาแล้วก็ตาม แล้วกับตอนที่ป้อมเดินหยิบก้านไม้ขึ้นมาพร้อมเขี่ยดินไปเรื่อยๆนั้น ...สาสน์ที่ซ่อนเร้นนี้ ซึ่งรอบแรกผมไม่ยักสังเกต ป้อม กำลังเดินไปพร้อมกับไม้นี้ เหมือนกำลังคลำหาทางแบบคนตาบอด มุมมองของฉากๆนี้ ก็คือ ...ป้อมก็คือคนตาบอดคนหนึ่ง ที่มาเผลอรู้จักความรักกับคนที่ไม่คู่ควร หนังต้องการสื่อไปถึงการที่ป้อมเข้ามาเรียนที่นี่ได้ เพราะมีดาวเป็นคนจูง ...ป้อมคือคนตาบอดที่หลงเดินตามทางมาโดยมีคนจูงอยู่ข้างหน้า คนตาบอดคนนี้มองไม่เห็นว่า ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเลย เขารู้แต่เพียงว่าคนที่กำลังจูงให้อยู่นี้ เขานั้นจะสามารถเชื่อใจได้ว่าเธอเป็นคนที่ดีงามจริงๆ มุมมองที่ 3 ... ฉากที่ดาวถามป้อมว่า "ไม่ชอบกินผัก ทำไมไม่บอก" ฉากนี้เป็นที่ถกกันอย่างสนุก ว่าตกลงแล้วหนังมันต้องการเสนออะไรกันแน่ จากการที่ดูรอบแรก ผมตีความไปแล้วว่า ฉากนี้ เป็นตัวดาวที่รู้ด้วยตัวเองว่า ป้อมไม่ชอบกินผัก ...ผมปักใจว่า ดาวสังเกตจากในตอนที่กินข้าวด้วยกันนั่นแหละ เพียงแค่เห็นสีหน้าไม่สู้ดี เธอก็คงดูออกว่า ป้อมคงขยาดผักอยู่ไม่น้อย แต่ประเด็นที่ผมจับตามองได้ มันอยู่ตรงที่ ก่อนที่ ดาว จะถามคำถามนี้ออกมา ผมรู้สึกได้ว่า เธอกำลังเก้อเขินและอ้ำอึ้ง กับการจะหลุดปากถามคำถามนี้... ในฉากเล่นคอนเสิร์ตอำลาวง "แอซโฮลี่" นั้น ...ในการดูรอบแรกนั้น ผมก็เกิดสังเกตได้แล้วว่า ตาของดาว ในเวลานั้น กำลังจับตามองไปยัง ป้อม โดยตลอด ...บางคนอาจจะบอกกับผมว่า "ดูผิดแล้ว" แต่ผมอยากเชื่อในความรู้สึกของผมว่า อ้อม เริ่มรู้สึกดีๆกับไอ้หมอนี่เข้าให้แล้ว มันเป็นผลสืบเนื่องมาจากฉากที่ ป้อม โทรศัพท์หลอกแจ้งว่า เอาสมุดมาคืนให้ ...ดาว รู้สึกมีความสุขกับการความขี้เล่นของหมอนี่ และก็ไม่ต้องการทำให้ป้อมต้องอับอาย เพียงเพราะเธอรู้แล้วว่า ป้อมหลอกเธอ ผมเชื่อตัวเองตั้งแต่ดูรอบแรกไปแล้วว่า "ดาวไม่คิดอะไรเกินเพื่อนกับป้อมแน่นอน" ...แต่พอมาดูรอบสองนี้ แล้วผมก็เริ่มเอียงๆจะมาทางที่ "ดาวก็น่าจะรู้สึกประทับใจในตัวป้อมมากกว่าเพื่อนอยู่เหมือนกัน" การโทรศัพท์มาปลุกตื่น อาจดูจะธรรมดา เป็นแค่ความรู้สึกของเพื่อนที่ห่วงใยเพื่อน ,การเล่นแปะแข็ง ก็เป็นไปตามวิถีทางสามัญของเพื่อนที่จะชวนกันเล่น ชวนกันทำนู้นทำนี่ ...แต่ กับการที่ดาวเลือกจะถามคำถามที่มีเลศนัยแอบแฝงอย่างนี้ ผมว่า มันน่าจะมีอะไรในใจของดาวบางอย่างที่เริ่มจะผูกพันกับป้อมมากไปกว่าเพื่อนแล้ว (ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆ ต้องถามกันตรงๆไปแล้ว ว่า "นายชอบเราหรือเปล่า") ก่อนที่ดาวจะถามคำถามนั้นออกมา หนังแสดงภาพให้เห็นว่าดาวคงจะทิ้งระยะห่างถาม จากคำถามก่อนหน้านานอยู่ แล้วกับท่าทางของดาวในเวลานั้น ก็ดูเหมือนว่า เธอกำลังรู้สึกเขินที่จะถามคำถามต่อไปด้วย ผมเชื่อในความคิดของตัวเองว่า คำถามเกี่ยวกับ 'ผัก' คำถามนั้น หนังอยากจะให้สื่อความหมาย ไปถึง ความรู้สึกชอบของป้อมที่มีต่อดาว ... แล้วที่ดาว ถามป้อมว่า "ไม่ชอบกินผักทำไมไม่บอก" ก็สื่อไปถึง "ถ้าชอบเราจริงๆ ทำไมไม่ยอมบอกกันดีๆ" แต่ผมก็คงจะไม่ชี้ชัดฟันธงหรอกว่า สิ่งที่ผมคิดมันจะเป็นจริงอย่างที่ผมเชื่อ ...ก็ไม่แน่อาจจะเป็นสมมติฐานข้อที่ว่า "อ้อมเป็นคนบอกเรื่องไม่ชอบกินผัก" เป็นคำตอบที่ถูกก็ยังเป็นไปได้ จากแค่อารมณ์ของคนที่อยากดูหนังบันเทิงขอตลกผสมโรแมนติกสักเรื่องหนึ่งโดยไม่คิดอะไรมากในรอบแรก กลายเป็นว่า ผมจำเป็นต้องกลับมาดู SC ในรูปแบบของหนังที่สนุกคิด สนุกค้นหาคำตอบ ในรอบสองซะนี่ ...- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ขอเชิญทุกคนที่ รัก/ประทับใจ/ชอบ/เฉยๆ/ไม่ชอบ หนังเรื่องนี้ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกันดีกว่าครับ ... คุณคิดอย่างไง คุณมองอย่างไง เหมือนกันหรือไม่ มาบอกกัน ณ ที่นี่ มาวินิจวิเคราะห์ขบคิดกันเถอะว่า จริง/ไม่จริง เป็นอย่างไร ไม่ใช่เฉพาะแค่ 3 มุมมองที่ผมยกเอามาเท่านั้น ...ประเด็นมุมมองอื่นๆ ที่ผมไม่ได้เอามาพูด ก็ขอให้เอามาแลกเปลี่ยนกันได้ ผมพร้อมจะแจมด้วยในทุกๆเรื่องเลยครับ 1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ...ครับ ขอบคุณครับ...
Create Date : 21 กันยายน 2549
Last Update : 21 กันยายน 2549 1:43:13 น.
9 comments
Counter : 3016 Pageviews.
โดย: bigwores วันที่: 21 กันยายน 2549 เวลา:8:13:02 น.
โดย: wanwitcha วันที่: 21 กันยายน 2549 เวลา:10:28:42 น.
โดย: knin IP: 210.167.165.67 วันที่: 21 กันยายน 2549 เวลา:12:20:11 น.
โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:2:20:08 น.
โดย: moderato (moderato ) วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:19:51:35 น.
โดย: yuioo IP: 125.24.155.254 วันที่: 4 ตุลาคม 2549 เวลา:3:36:36 น.
โดย: das Kino วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:45:00 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
โดยเฉพาะประเด็นสำคัญๆ ของเรื่อง
หนังเรื่องนี้มีรายละเอียดให้เก็บตกจริงๆ
เเค่ฉากที่ป้อมกางร่มให้อ้อม ผมก็ไม่สังเกตุหรอกครับว่าป้อมกางให้อ้อมยังไง ดูอีกรอบถึงสังเกตุออก...