สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆทุกคน เอาหละจ่ะ รีวิวนี้เป็นรีวิวสนอง need ทั้งตัวเองและผู้ชมที่น่ารักของน้อยหนึ่งด้วย ยาวและฟินกันแน่นอน พร้อมยัง?

Urban Decay อีกแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ต้องบอกว่าพบเจอกันบ่อยมาก เพราะเค้าขยันส่งไอเทมเด็ดๆทั้งเก่าใหม่ มาให้เราลองแบบรัวๆ ซึ่งตามเคย เราลองก็เหมือนคุณผู้ชมได้ลองไปกับเรานั่นแหละเนอะ ไปจ้า

กรี๊ดดดด 555 เป็นสิ่งแรกที่ทำหลังจากได้เจ้าสิ่งนี้มาเลย กรี๊ดระลอกแรกคือ เป็น Naked Palette ทุกตัว(ไม่รวม Naked Skin และ Naked Basic) ที่เค้ามี และกรี๊ดอีกระลอกคือ Naked Heat Palette ตัวใหม่ล่าสุด! ที่เราได้รับคัดเลือกจาก Urban Decay Thailand ให้เป็น Blogger กลุ่มแรกๆที่ได้ลองก่อนวางขายจริงด้วย ขนลุกแล้วววว มาแกะกัน!

คนที่ชื่นชอบเครื่องสำอาง ก็จะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับ Naked Palette เรียกได้ว่า เป็นพาเลทตาสามัญประจำบ้านกันไปช่วงหนึ่งเลย เวลาเค้าออก Edition ใหม่มาแต่ละครั้ง เป็นอันต้องสร้างกระแสแห่พรีออเดอร์ได้ทุกครั้งไป (ตอนนั้นเค้ายังไม่มาไทยอ่ะเนอะ) นับรวมอันใหม่ล่าสุดแล้ว เค้าก็ออกมาทั้งหมด 5 Edition แล้วแหละเธอ

เปิดดูสีที่คุ้นบ้าง ไม่คุ้นบ้าง จะเห็นว่า เค้ามีทั้งหมดพาเลทละ 12 สี ขนาดแต่ละพาเลทมีความใกล้เคียงกัน (แต่ตัวชาโดว์ข้างในเท่ากันเด๊ะ!) แพคเกจวัสดุแตกต่างกันไป แต่ละพาเลทจะแถมแปรงแบบ 2 หัว มาให้ด้วย เดี๋ยวเรามาดูเจ้าแปรงน้อยกันก่อนที่จะไปดูสีละกันเนอะ

แปรงที่แถมมานั้น ไม่ใช่แปรงก๊อกแก๊กนะ คือเป็นแปรงที่ใช้งานได้จริงเลย ชอบตรงนี้ แต่ละพาเลทจะมีลักษณะของแปรงต่างกันไปบ้าง ดังนี้
Naked / Naked2 / Naked3 - แปรงพุ่มแบน เอาไว้ลงชาโดว์และเกลี่ยได้เบาๆ กับ แปรงแบน เน้นลงชาโดว์แบบกดย้ำและสามารถใช้ทาขอบตาล่างได้ด้วย

Naked Smoky - แปรงพุ่มเล็ก ใช้ลงและเกลี่ยหางตาให้เข้มเป็นที่ๆ กับ แปรงพุ่มกลม ใช้เกลี่ยชาโดว์ให้กลมกลืน ได้เอฟเฟคสโมคกี้อาย

Naked Heat - แปรงพุ่มแบน เอาไว้ลงชาโดว์และเกลี่ยได้เบาๆ กับ แปรงพุ่มกลมขนาดกลางๆ ใช้เกลี่ยหรือลงสีย้ำๆก็ได้

แปรงแต่ละแบบเหมาะสำหรับการใช้งานของแต่ละพาเลท ซึ่งเอาจริง ยังไงเราก็ควรมีแปรงที่มากกว่า 2 อันนี้นะ เพื่อที่จะสร้างลุคต่างๆและลงสีได้หลายแบบมากขึ้น เอาหละ! ถึงเวลาของการปาดสีแต่ละพาเลทกันแล้ว

Naked Palette เป็นตัวแรกที่เปิดความ Naked ให้โด่งดังไปทั่วโลก ปลุกกระแสความโป๊แบบมีชั้นเชิงของการแต่งตาที่แท้จริง ทำให้สาวๆตอนนั้น หันมาแต่งตากันเยอะขึ้น ซึ่งความเป็น Original ของนางก็ยังคงอยู่ แพคเกจเป็นกำมะหยี่สีน้ำตาล ซึ่งคนโก๊ะกังอย่างเราจะทำเค้าเลอะได้ง่ายมากๆ 555 รูปลักษณ์โดยรวมไม่แตกต่างกันมากกับตอนแรกที่ออกมา เพียงแต่ละเปลี่ยนของแถมเป็นแปรง จากแต่ก่อนเป็น ดินสอ/อายไพรเมอร์

Naked Palette เป็นสีสันโทนอบอุ่น เน้นไปทางน้ำตาลทอง ที่มีสีน้ำเงินเข้มตุ่นและเงินแอบมาให้นิดหน่อยพอกรุบกริบ มีทั้งแมทและชิมเมอร์ให้สามารถคัดเบ้ากันได้สนุกสนาน

Virgin  / Sin / Naked

Sidecar / Buck / Half Baked

Smog / Darkhorse / Toasted

Hustle / Creep / Gunmetal

หลังจากที่ Swatch ดูสีของ Naked Palette ก็ไม่แปลกใจที่ทำไมนางถึงดังและเป็นที่ต้องการได้ขนาดนี้ เพราะความแต่งได้ง่ายและเข้ากับแทบทุกคน ทุกสิผิว โทนอบอุ่นทองๆน้ำตาลๆแบบนี้ แต่งยังไงก็สวย แถมยังมีสีแมทให้คัดเบ้าและไฮไลท์ไปในตัวด้วย ชิมเมอร์ของเค้าน่าสนใจมาก ละเอียดสวยเกลี่ยง่าย เนื้อนิ่มด้วย
สีที่น่าสนใจ : Sidecar / Buck / Smog / Hustle ควรไปลองปาดเล่นดู ความรู้สึกและความนุ่มนวลของสีเหล่านี้ Sidecar เนื้อดีสุดๆ ปาดทีร้องไห้ 555 Smog ก็ทองอร่ามสวยมาก

เหมาะกับใคร : Naked Palette เหมาะกับคนที่พึ่งเริ่มแต่งตา อยากได้โทนสีที่ดูดี สุภาพ ดูแพง ไม่ได้แฟนซีอะไรนัก ผสมสียังไม่ชำนาญ เพราะพาเลทนี้ผสมกันไปกันมาก็ยังรอดอยู่ เป็นพาเลทตั้งต้นเลย สำหรับมือใหม่หัดแต่ง

เหมือนหนังภาคต่อ เมื่อภาคแรกฮิตแล้ว จะไม่มีภาคต่อไปก็จะกระไรอยู่ Naked2 จึงเกิดขึ้น และอีกตามเคย ความอื้ออึงก็บังเกิดอีก มีการทำรีวิวเปรียบเทียบกับ Naked อันแรกมากมาย ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้ว Naked2 ก็มีความเหมือนและความต่างกับตัวแรกอยู่ อันดับแรกเลยคือ แพคเกจไม่ใช่กำมะหยี่แล้ว เป็นกล่องที่ดูแข็งแรงทนทานมากขึ้น กระจกใหญ่สะใจขึ้น

ว่าด้วยเรื่องโทนสี Naked2 จะยังเป็นโทนน้ำตาล แต่มีความอมเทา เป็นน้ำตาลที่ดูโทนเย็นมากขึ้น และมีการผสมผสานของสีทองและสีดำสนิท เข้ามาเติมเต็มลุคด้วย คอนเซปของ Naked นั้นก็ยังอยู่ในเรื่องของการแต่งตาที่ไม่ฉูดฉาด เป็นสีที่ไม่ยาก แต่เหมือนจะยืดช่วงสีไปแตะในโทนเทามากขึ้น

Foxy / Half Baked / Bootycall

Chopper / Tease / Snakebite

Suspect / Pistol / Verve

Ydk / Busted / Blackout

สีโดยรวมของ Naked2 จะมีความเป็นเทามากขึ้น โทนเย็นมากขึ้น มีสี Half Baked ที่เป็นที่ชื่นชอบจาก Naked Palette ติดมาด้วย (ส่วนตัวคิดว่าสีเข้ากันได้ดี แต่ก็แอบอยากให้เป็นสีใหม่ทั้งหมดมากกว่า) มีสีคัดเบ้าที่เป็นเทาและเทาอมม่วง ไม้ตายอีกอันนึงใน Naked2 คือมีสีดำสนิท ที่ทำให้ลุคดูสมบูรณ์มากขึ้น

สีที่น่าสนใจ : Tease / Snakebite / Suspect / Pistol / Ydk สีเหล่านี้มีสีที่สวยมาก เนื้อนุ่มลื่นเกลี่ยง่าย โดยเฉพาะ Snakebite ปาดแล้วจะหลงรักในทันที

เหมาะกับใคร : ยังเหมาะกับมือใหม่อยู่ แต่เป็นมือใหม่ที่ค่อนข้างเข้าใจ undertone ร้อนเย็นของสี เพราะในพาเลทมีทั้ง 2 โทน ถ้าผสมข้ามโทนอาจจะไม่กลืนเท่ากับโทนเดียวกัน (แต่เอาจริงก็ไม่ได้เห็นชัดอะไรมาก) คนที่ไม่ได้ชอบโทนน้ำตาลทอง อยากให้มีเทาๆอยู่บ้าง คนที่ชอบทาขอบตาสีเข้มหรือสีดำ พาเลทนี้มีสีดำที่คุณภาพดีมาให้ด้วยสามารถทำลุคเข้มขึ้นกว่า Naked ได้

ระยะเวลาผ่านไปซักพักนึง ก็มีข่าว Naked3 ออกมา ตอนนั้นหลายคนเดาทางกันไปต่างๆนานาว่าจะออกมาในโทนไหน ความ Naked นอกจากน้ำตาลทอง กับ น้ำตาลเทา ยังมีอะไรให้เล่นอีกหรอ มีจ่ะ! Naked3 ว่าด้วยเรื่องความหวานแหววในโทนน้ำตาลชมพู ที่แค่เห็นสีก็น้ำตาลในเลือดขึ้นแล้ว โทนสียังคงตุ่นๆอยู่ตามสไตล์ แต่ดูคอนเซปชัดเจนขึ้น และเริ่มเห็นแนวทางความแปลกใหม่ที่ Naked Series เริ่มมอบให้เรา แพคเกจเป็นแบบ Naked2 แต่พื้นผิวตัวนี้เป็นคลื่นๆ ดูหวานมากขึ้น

อย่างที่บอกว่าเค้าเป็นโทนน้ำตาลชมพู แต่ก็ไม่ได้ชมพูทุกภาคส่วน ยังมีทอง ม่วง และสีอมเทาแอบๆมาให้ด้วย เราคิดว่าพาเลทนี้ค่อนข้างเอาใจสาวหวานเลยแหละ

Strange / Dust / Burnout

Limit / Buzz / Trick

Nooner / Liar / Factory

Mugshot / Darkside / Blackheart

จากที่ได้ดู Swatch จะเห็นว่า สีที่ใช้คัดเบ้าเนื้อแมท จะเป็นน้ำตาลชมพูอย่างชัดเจน และสีน้ำตาลเข้มที่ให้มา ก็มีติ่งชมพูอยู่ เพื่อให้มาผสมกันอย่างกลมกลืนกับสีอื่นๆ ยังคงมีทองและเทา เพื่อให้เป็นทางเลือกของบางวันที่ไม่ได้อยากจะหวานอะไรมากมาย
สีที่น่าสนใจ : Buzz / Nooner / Mugshot / Darkside สีเหล่านี้พรีเซนต์ความเป็น Naked3 ได้ชัดเจนดี Buzz เหมือนเป็นนางเอกของพาเลท Nooner ก็เป็นพระเอกที่แมทและสีตุ่นๆชมพูม่วง สวยมาก

เหมาะกับใคร : เหมาะกับคนที่ชอบโทนชมพู หรือคนที่เบื่อความ Natural โทนน้ำตาล โทนเทา ที่มีอยู่เยอะแยะในท้องตลาด หรืออาจจะอยากลองสีโทนชมพูที่ไม่ได้บาร์บี้หวานเลี่ยนดูบ้าง

หลังจากความสำเร็จของ Naked ไตรภาค เค้าก็เริ่มอยากพาเรามาสำรวจดินแดนที่ dark ขึ้น ดู sexy มากขึ้น โตขึ้น กล้าได้กล้าเสียมากขึ้น Naked Smoky จึงออกมา เป็น Naked ตัวแรกที่ไม่ได้ใช้ตัวเลขในการบอก Edition แล้ว (คิดว่าเค้าคงไม่อยากให้มันเฟ้อและสับสนในการจำ) Naked Smoky มีคอนเซปที่ชัดเจนมาก ในความเล่นกันสีมืดๆที่ใช้ทำลุคสโมคกี้ และแพคเกจที่เหมือนจะยกเครื่องใหม่หมด เป็นตลับสี่เหลี่ยมขอบคม ดูดุดัน จริงจัง (อารมณ์ชั้นโตแล้ว จะแต่งตายังไงก็ได้55) กระจกใหญ่ และใช้ระบบแม่เหล็กในการเปิดปิด ทำให้ Edition นี้ Naked Series ดูแก่กล้ามากขึ้นอีกเยอะ

โทนสีแนว Smoky ก็หนีไม่พ้นโทนสีเข้มๆ ดำ น้ำเงิน ม่วง เทา ซึ่ง Naked Smoky เปลี่ยนการนำสีแมทมาไว้ริมขวาทั้งหมดเพื่อง่ายต่อการคิดพื้นสีคัดเบ้าที่จะนำไปบวกกับชิมเมอร์แถบซ้าย แต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งความทองและน้ำตาลอยู่บ้าง แต่มาในโทนกลางๆ ไม่ร้อนไม่เย็น

High / Dirtysweet / Radar

Armor / Slanted / Dagger

Blackmarket / Smolder / Password

Whiskey / Combust / Thirteen

ถ้าคิดว่า Smoky มีแต่สีดำๆเข้มๆให้คิดใหม่จ้า จาก Swatch นี้จะเห็นเลยว่า มีทั้งโทนน้ำตาล เทา น้ำเงิน ม่วง มาให้เล่นด้วย แถมมีเนื้อแมทที่เนื้อนิ่มและชัดเจนมากๆเอาไว้ผสมกันให้ดูมีทักษะมากขึ้น อยากจะสโมกกี้อ่ะได้ อยากจะวันสบายๆอ่ะ 3 สีริมซ้ายก็ได้ อยากจะแมทๆก็เลือกได้จะแมทน้ำตาลหรือเทา

สีที่น่าสนใจ : Radar / Dagger / Blackmarket / Password / Whiskey / Thirteen สี Blackmarket คือพระเอกเลย มีความเข้มที่ไปทำให้สีอื่นเข้มได้ Dagger ก็น้ำเงินเทาๆ ยากหน่อยแต่สวยดี ส่วนสีแมทนั้น น่าสนใจทั้งหมด เนื้อดีกว่าแมทในรุ่นอื่นนิดหน่อย นุ่มลื่นเกลี่ยง่าย ทำได้หลากหลาย

เหมาะกับใคร : Naked Smoky ไม่ได้เหมาะกับมือใหม่เท่าไร ต้องค่อนข้างแต่งตาเป็น มีทักษะทั้งการผสมสี ผสมเนื้อสัมผัส และเกลี่ยสีให้กลมกลืน สีเป็นโทนกลางถึงเย็น คนที่ชอบแต่งตาสโมคกี้ดาร์คๆน่าจะชอบ หรือคนที่อยากลองแต่แนวนี้ดูบ้าง ก็สามารถลองตัวนี้ได้อยู่ เพราะยังมีสีแมทที่พร้อมจะให้เราแต่งลุคธรรมดาได้ด้วย

เอาหละ! เชื่อว่าคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ต้องรอดูตัวนี้อย่างใจจดใจจ่อแน่นอน ตอนแรกยอมรับเลยว่า Naked Series อาจจะจบลงที่ Naked Smoky รึเปล่า เพราะเห็นว่า UD ออกทั้ง Naked Skin / Naked Basic กันหลายตัว คงไม่ได้ต่อยอดตัวนี้แล้วมั้ง คิดผิด! และโผล่มาอีกทีคือปัง ปัง ปัง ตายกันหมด โลกโซเชียลแตกทุกช่องทาง เพราะ Naked Heat นี้ เหมือนฟื้น Naked Series ให้ว้าวอีกครั้ง แพคเกจเป็นแบบเดียวกับ Naked Smoky แต่ดูมีลวดลายที่มีลึกตื้นมากขึ้น แวววาวมากขึ้น แค่ดูก็เหงื่อออกตาแล้ว

แม่เจ้า! สีข้างในนั้นนนนน เป็นเทรนด์ที่มาแรงเลยกับชาโดว์สีส้มแดง ฝั่งเกาหลีเราเห็นกันมาซักพักแล้ว แต่จะมาในรูปแบบของความวาวๆใสๆ พอฝั่งฝอเค้าออกมาด้วยความแน่นปังแบบนี้ ยอมรับจริงๆว่า UD ฆ่าตายจริงๆ จะเห็นว่า Naked Heat มีสีแมทอยู่เยอะมาก มีชิมเมอร์อยู่ไม่ถึงครึ่ง แต่ก็ประมาทนางไม่ได้นะ

Ounce / Chaser / Sauced

Low Blow / Lumbre / He Devil

Dirty Talk / Scorched / Cayenne

En Fuego / Ashes / Ember

ความร้องแรงนี้ ยอมแล้วจ้าาา! 555 มันสวยจริงๆ มีความเชิญชวนสุดๆ เรียกว่าเป็นการพลิกกระดานของ Naked Series เลยจริงๆ แบบว่า เป็นสาวแล้ว ลองโทนสีใหม่ๆแซ่บๆได้ ไม่ผิด ก็เนี่ยนู๊ดของชั้น 555 สีโทนส้ม แดง น้ำตาล มีความทันสมัย ชิมเมอร์มีน้อยลงแต่คัดมาแต่ตัวยอดทั้งนั้น ดูจาก Swatch ได้เลยว่า วาววับจับแสงได้ดีจริงๆ

สีที่น่าสนใจ : Lumbre / He Devil / Dirty Talk / Scorched / Cayenne / Ember สีน่าสนใจเยอะ เพราะเป็นสีที่แปลก สวย หายาก คือรวมมาในพาเลทนี้แบบไม่ต้องหากันให้วุ่นวาย สี Dirty Talk และ Scorched คือสวยจริงๆ Lumbre คือส้มประกายทองที่สวยมาก แต่ที่หนึ่งให้ชนะเลยคือ Ember ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่นางคือน้ำตาลชิมเมอร์เข้ม ที่มีสีแบบทองแดงจริงๆ คือมีสีมืดๆหม่นๆอมเขียวสนิมรองอยู่หลังเนื้อชิมเมอร์แบบอธิบายไม่ได้ ไม่รู้ทำได้ไง เนื้อสมูทสวยมาก ต้องลองไปปาดดู แล้วจะเข้าใจ

ลองเทียบ Swatch ทั้ง 5 Edition ดูเนอะ ใครชอบโทนสีไหน ความต้องการแบบไหน ก็ลองดูเลยจ้า ส่วนตัวหนึ่ง เอาจริง ชอบทุกอัน 555 คือยังไม่รู้สึกว่ายังไหนไม่ชอบ เพราะเค้าก็ทำหน้าที่ในโทนหรือสไตล์การแต่งหน้าต่างๆได้ดี คุณภาพดี สีดี เนื้อดี แพคเกจดี ชอบๆ แต่ถ้าบังคับเลือกเลย ถ้าความชอบล้วนๆเลือก Naked Heat / ถ้าการใช้งานหลากหลายเลือก Naked Smoky (โทนทองก็มี น้ำตาลก็มี แมทก็เขียนคิ้วเบาๆได้) / ถ้าเลือกไปแต่งตาโดยเฉพาะเลือก Naked แรกสุด สวย classic รอดทุกคน ^^ อ้อ! นิดนึง เนื้อชาโดว์เค้านิ่ม ไม่ต้องฝนๆก็ติดแปรงแล้วนะ แค่แตะๆก็พอ ไม่งั้นถ้าเอาเนื้อขึ้นมาเยอะเกิน อาจเกิดอาการร่วงได้ ให้เคาะๆแปรงก่อนลงที่ตาซักนิดก็ไปต่อได้ และใช้ร่วมกับอายไพรเมอร์ก็จะติดทานานและสีชัดเจนดีจ้า

สรุปเลยเนอะ Naked Palette Series ทุกวันนี้ก็มีรีวิวให้ดูมากมายตั้งแต่ตัวแรกถึงล่าสุด ซึ่งเรื่องโทนสีนั้นก็เป็นความชอบส่วนบุคคลและสไตล์การแต่งหน้าด้วยว่าเราชอบโทนไหน อันนี้ลองอ่านได้ใต้ Swatch แต่ละพาเลทดูเนอะว่า น่าสนใจอย่างไรและเหมาะกับใครบ้าง พาเลทไหนที่ถูกจริตกับเรา นางจะกวักมือเรียกเราเอง 555 เอาเป็นว่าเรื่องสีแล้วแต่ แต่เรื่องคุณภาพของเนื้อนั้น UD ทำได้ดีมากๆ สีชิมเมอร์ทุกสี ย้ำว่าทุกสี! ไม่มีสีไหนที่ปาดแล้วงงหรือไม่ติดเลย คือติดดีและสม่ำเสมอกันดีมาก แค่แตะๆก็ติดแปรงขึ้นมาแล้ว การคิดคู่สีและจัดพาเลทมาให้นั้นก็ทำได้ดี ไม่ได้มีแต่โทนสุดโต่งจนใช้ยาก เป็นมิตรต่อผู้บริโภคที่พึ่งเริ่มหัดแต่งไปจนถึงคนที่แต่งได้ชำนาญแล้ว แพคเกจสวยงาม วัสดุ ดีไซน์ดูสมราคา (อาจจะมีแค่ Naked อันแรกที่เราแอบอยากให้เค้าทำเป็นกล่อง) แปรงที่แถมมาให้ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่แถมมาแกล้งๆ โดยรวม Naked Palette ก็ยังเป็นอีกตัวเลือกนึงที่คุณภาพดีและไว้ใจได้อีกเช่นเคย ^^ มหากาพย์รีวิวแบบนี้ ชอบกันรึเปล่า? ตั้งใจทำมากเลยนะ 555 เพราะมันเป็นโอกาสที่ดีเนอะที่จะรวบรวมทุกพาเลทมาไว้ในที่เดียว แต่อย่าลืมไปดูรีวิวจากหลายๆที่ด้วยเนอะเพื่อประกอบการตัดสินใจ และที่สำคัญ ควรไปลองเล่นลองปาด หยิบจับดูก่อนว่าเราชอบมั้ย แล้วค่อยตัดสินใจนะจ๊ะ จะได้ของที่เราชอบและใช้จริงๆ ฟินและคุ้มค่าจ้า

.

.

.