U-Turn สุขภาพ ... วันที่ว่าวติดลมบน
สวัสดีครับ ... ไม่ได้เข้ามาเขียนบล็อกสุขภาพนานมากแล้ว ท่านที่ตามอ่าน ตามชม อาจเคยเห็นผมทางทีวีบ้าง 555 อดภูมิใจไม่ได้ ที่เคยออกทีวีพูดคุยเรื่องสุขภาพและการรับมือกับเบาหวานกับคุณกาละแมร์เทปหนึ่ง และอีก 2-3 เทป กับ แอนดี้ เขมภิมุข (ผมก็จำไม่ได้แล้วว่า ที่ไหน)
เดี๋ยวนี้ก็ยังมีบางช่องเอาออกมารีรันให้ดู รวมทั้งช่อง True4U ก็เอาสารคดีไลฟ์ ติดตามชีิวิตของอาสาสมัครที่มีปัญหาเรื่องโรค NCD's ตอนนี้กำลังรีรันอยู่ ซึ่งผมจะไปโผล่ในช่วงของน้องมิ้ว นักแสดงมายากลที่มีปัญหาสุขภาพเรื่องเบาหวาน ซึ่งน้องเขามีตัวเลขน้ำตาลสูงมากจนน่าตกใจ (เกิน 200++ ครับ)
เอาหล่ะ กลับมาที่ตัวผมบ้าง หลายปีที่ผ่านมา ผมก็ยอมรับว่าวินัยการรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องการกิน มีหย่อนไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นหลุดเละเทะ น้ำตาลขึ้นสูงเกิน 130 มิลิกรัมเปอร์เซนต์ ... โดยที่ผมยังไม่ได้กินยาลดน้ำตาล อาศัยการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว
ควบคู่ไปกับการแวะเวียนเจาะเลือดที่ รพ.จุฬาฯ ซึ่งผมเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ฟรี ตามสิทธิ์ประกันสังคม (ซึง Work มากครับ) ทุก 6 เดือน ก็ดูจะควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีครับ ... ดีจนผมเริ่มดีแตก 555
ก็เริ่มปล่อยทีละนิด แอบทานขนมบ้าง เริ่มมีวงจรชีวิตเก่าๆ กลับมาคือ ถึงขนมขบเคี้ยววางไว้ข้างเบาะรถยนต์ ตามประสาคนกรุง รถติดมหาวินาศ แล้วก็เริ่มหย่อนยานเรื่องการออกกำลังกาย ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง โยคะเล่นบ้าง นอนเล่นดูซีรีส์ สบายใจเสียมาก
จนกระทั่ง ผลเลือดล่าสุดออกมาครับ
- Fasting Plasma Glucose 135 mg% - HbA1C 6.5%
มาพร้อมกับคำเตือนของหมอว่า ถ้าคราวหน้า เอาไม่อยู่ ผลเลือดไม่ปรับตัวดีขึ้น จะเริ่มให้ผมทานยาลดน้ำตาล เอาหล่ะสิ ของจริงมาแล้ว
หมอถามว่า ไปกินไรมา ก็เห็นคุมได้ดีตลอดนี่ ผมพยายามบอกหมอว่า เอ...ก็ทานปกติ หวานนิดหน่อย 555 มีออกกำลังกายด้วยน้าาา ... หมอถามว่า ทำไรมั่งหล่ะ .... ก็ว่ายน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งๆ ละ 45 นาทีครับ หมอหัวเราะ...555 แล้วเลคเชอร์ทันทีว่า นี่ไม่ได้เรียกว่าการออกกำลังกายครับเฮีย ที่ถูกต้อง เฮียต้องออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที และต้องทำให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาที จึงจะเรียกว่าการออกกำลังกายที่ถูกต้อง หมอสำทับว่า ... ไปจัดการให้ดี อีก 3 เดือนหมอนัดมาเจาะเลือดใหม่ คราวนี้เอาให้ดีนะ ผมรับปากหมอเบาๆ ... ได้ครับ พร้อมทั้งน้ำตาเล็ดนิดๆ เพราะต้องอดขนมของโปรด ในใจคิดว่า เอาวะ เคยทำได้ขนาด Glucose ต่ำกว่า 100 มาแล้ว สู้โว้ย
แล้วผมก็เริ่มปรับการดำรงชีวิตใหม่ เรื่องแรกเลยคือ ลดขนม จนแทบจะไม่ได้ทานเลย จากเดิมกล้วยน้ำว้าปิ้ง 20 บาท 4 ลูก หมดภายในพริบตา กลายเป็นทานลูกเดียว อีก 3 ลูก เอากลับบ้านให้ภรรยา (จนโดนบ่น 555) ข้าวตังหน้าหมูหยองของโปรด ... เอาออกจากรถ ไปซ่อนไว้ในบ้าน 555 ขนมเปี๊ยะหอมๆ ขนมปังของโปรด ... ได้แค่ชิมคำสองคำแล้ววาง รวมทั้งสั่งแม่ค้ากาแฟร้านประจำว่า ... ลดหวานจากเดิมลงอีก คราวนี้กลายเป็นขมขื่นเลย 555
แล้วก็เริ่มเปลี่ยนแปลงการเดินทางจากปกตินั่งรถไฟฟ้า 1 สถานีไปกลับ เช้า-เย็น มากลายเป็นการเดินเร็ว ครั้งละ 30 นาที ระยะทาง 2.5 กม. ใช้เวลา 30-35 นาที
สัปดาห์แรกที่เริ่ม ผมทำได้ 115 นาที ต่อมาก็เริ่มพัฒนาเป็น 130 นาที, 170 นาทีต่อสัปดาห์
จนกระทั่งเดี๋ยวนี้กลายเป็นความเคยชินแล้วว่า ต้องออกเดินทุกเช้า ระหว่างที่จอดรถออฟฟิซใหญ่ ไปตึกใหม่ย่านธุรกิจ ที่ผมมานั่งประจำการอยู่ ซึ่งถ้าเดิน เช้า/เย็น คงทำเวลารวมได้ไม่ต่ำกว่า 250 - 300 นาทีต่อสัปดาห์ เป็นอย่างน้อย
ข้อดีของการเดินแบบนี้ นอกจากจะได้สุขภาพกลับคืนมาแล้ว อาการเจ็บข้อเข่าก็ดีขึ้น คงเพราะกล้ามเนื้อรอบเข่าแข็งแรงขึ้น
ได้เดินดูชีวิตผู้คน ยามเช้า เพราะเวลาเดินผมจะพยายามหลีกเลี่ยงถนนหลัก อาศัยเดินเข้าซอกซอยตรอกย่อย เพื่อหลบรถและควันไอเสีย กลายเป็นว่า สนุกกับมันเสียอีก เพราะได้เดินผ่านตลาดเช้า 2-3 แห่ง
อ้อ...แรงบันดาลใจและตัวช่วยสำคัญในครั้งนี้ ต้องขอแนะนำเลยครับว่า ช่วยได้มากคือ แอพมือถือ ที่ใช้ในการช่วยนับก้าว/ระยะทาง/ระยะเวลา และ การจดบันทึกทุกวัน ถึงความก้าวหน้าและรวมระยะเวลาที่สะสมได้ในแต่ละสัปดาห์ ช่วยได้มากครับ
มาถึงวันนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ผมก้าวข้ามจุดเปลี่ยนสุขภาพของตัวเองและติดลมบนได้อีกครัั้งแล้ว และตั้งหน้าตั้งตารอคอยนัดเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดค่าน้ำตาลในอีก 4 สัปดาห์ถัดไป อย่างใจจดใจจ่อ
ได้ผลอย่างไรแล้ว ผมจะเอามาอัพเดทให้ทุกท่านได้รับทราบนะครับ เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้สำหรับท่านที่กำลังมีปัญหากับเบาหวาน ได้มีกำลังใจต่อสู้กับตัวเอง หาจุดเปลี่ยน เพื่อกลับมามีสุขภาพที่ดีได้อีกครั้งครับ
(ตาราง Work Out ล่าสุด)
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2561 |
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2561 14:22:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 451 Pageviews. |
|
|