Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
ธันวาคม 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
23 ธันวาคม 2567

งานซ้อมใหญ่พยุหยาตราทางชลมารค 2567 (2)


เรืออสูรวายุภักษ์ และเรืออสุรปักษี 

หลังจากนี้เข้าสู่ช่วงสำคัญคือ การมาถึงของเรือเรือสายใน
เป็นเรือรูปสัตว์จำนวน 4 คู่ ทุกลำมีปืนจ่ารง 1 กระบอก ประจำที่โขนเรือ
เริ่มจากเรือรูปอสูร 1 คู่ เรือรูปวานร 2 คู่ และเรือรูปครุฑ 1 คู่

เรือรูปอสูร มีร่างกายท่อนบนเป็นยักษ์ท่อนล่างเป็นนก
ได้แก่
เรืออสูรวายุภักษ์ แปลว่า อสูรผู้กินลมเป็นอาหาร
ร่างสีคราม สวมเสื้อแขนยาวสีม่วง

และเรืออสุรปักษี แปลว่าอสูรผู้เป็นนก ร่างสีเขียว
ใส่เสื้อแขนยาวด้านหน้าสีกรมท่าอมม่วง

ทั้งสองลำสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และถูกซ่อมแซมในสมัยรัชกาลที่ 9  
ภายนอกลำเรือเขียนด้วยลายรดน้ำพุดตานก้านต่อดอก
เรือมีความยาว 31 เมตร กว้าง 2 เมตร ฝีพาย 40 คน
นายเรือ 1 คน นายท้าย 2 คน คนถือธงท้าย 1 คน
พลสัญญาณ 1 คน คนกระทุ้งเส้า 2 คน คนตีกลองชนะ 10 คน
 
ระหว่างเรืออสูรวายุภักษ์ และเรืออสุรปักษี ในสายเรือพระที่นั่ง
เป็นเรือตำรวจนอกลำที่ 1 ชนิดเรือกราบ มีพระตำรวจหลวงชั้นปลัดกรมนั่ง
หลังจากนี้พายุเริ่มโหมกระหน่ำ ทำเอาทุกคนเปียกปอนกันไปหมด
 

เรือกระบีปราบเมืองมาร เรือกระบี่ราญรอนราพณ์
 
เรือรูปวานร ได้แก่ เรือกระบีปราบเมืองมาร กระบี่ราญรอนราพณ์
เรือพาลีรั้งทวีป และเรือสุครีพครองเมือง สื่อถึงสมมุติเทพของพระมหากษัตริย์
ที่เป็นดั่งนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระราม เพื่อปราบความทุกข์เข็ญในรามายณะ
ตัวเรือยาว 26-27 เมตร ฝีพาย 34-36 คน และนายท้าย 2 คน
 

เรือกระบี่ปราบเมืองมาร โขนเรือเป็นวานรสีขาว
เชื่อว่าเป็นรูปของหนุมาน  สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
เรือลำปัจจุบันถูกสร้างตัวเรือขึ้นมาใหม่ใน พ.ศ.  2510

เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ โขนเรือเป็นวานรสีดำ 
เป็นเรือที่มีประวัติน้อยที่สุด

ในสายกลางระหว่างเรือทั้งสองลำ เป็นเรือตำรวจนอกลำที่ 2
เรือสายในคู่ต่อไปคือ


เรือพาลีรั้งทวีป โขนเรือเป็นวานรสีเขียวสวมมงกุฎ  
สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ปรากฏชื่อเดิมว่า พาลีล้างปวีป
และ
เรือสุครีพครองเมือง โขนเรือเป็นวานรสีแดงสวมมงกุฎ  
สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และถูกซ่อมแซมพร้อมเรือพาลีรั้งทวีป  
 

เรือพาลีรั้งทวีป และเรือสุครีพครองเมือง 
 
ในสายกลางระหว่างเรือทั้งสองลำเป็น
เรืออนันตนาคราช
ทอดบุษบกเพื่อใช้อัญเชิญผ้าพระกฐิน โขนเรือเป็นรูปนาค 7 เศียร
ตามความเชื่อแล้ว พระวิษณุจะบรรทมอยู่บนหลังของอนันตนาคราช
บางข้อมูลว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เสร็จสมัยรัชกาลที่ 4
 
ดังที่ภาพเก่าของจอห์น ทอมป์สัน ได้ถ่ายไว้
เรือทอดบุษบก กำลังลอยลำในลำน้ำขนาดเล็ก

ผมเห็นภาพครั้งแรกที่พิพิธภัณฑ์ชุมชนบ้านบุ
ทำให้เชื่อว่า น่าจะเป็นคลองบางกอกน้อย
อาจจะเป็นพระราชพิธีทอดผ้าพระกฐินที่วัดสุวรรณารามก็เป็นได้
 โดยคิดไปเองว่า เมื่อทอดบุษบกก็น่าจะอัญเชิญผ้าพระกฐิน

แต่ไปเจอใน facebook หนึ่งที่ลงภาพนี้ และเขียนบรรยายไว้ว่า
เป็นเรือพระที่นั่งทรง ผมก็เอ๊ะ สรุปอะไรกันแน่
ไม่ยอมแพ้ต้องรู้ให้ได้ เริ่มจากหาภาพที่ชัดที่สุด

คือหนังสือภาพฟิล์มกระจกของจอห์น ทอมป์สัน 
คำบรรยายใต้ภาพเขียนว่า
เรืออนันตนาค
ผู้ควบคุมฝนตามตำนานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ถ่ายเมื่อวันที่ 14 ต.ค. พ.ศ.2408 
ในพระราชพิธีทอดผ้าพระกฐิน

กำลังจอดอยู่ในคลองหลังจากเสร็จพระราชพิธี
โดยพลประจำเรือกำลังแสดงท่าพายนกบิน



เรืออนันตนาคราช

ถ้าไม่ใช่เรือสำคัญ ช่างไม่ถ่ายภาพมาแน่
แต่การพายท่านกบิน ก็อาจไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นเรือพระที่นั่ง
การทอดบุษบกก็อาจไม่ใช่ที่ประทับ แต่เป็นการวางผ้าพระกฐินก็ได้


การปักฉัตร 7 ชั้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังบุษบก
และฉัตร 5 ชั้น อีกเป็นลำดับ ก็ไม่ใช่จุดที่ชี้ชัดเฉพาะได้
เพราะทั้งเรือพระที่นั่งและเรือผ้าพระกฐินก็ใช้ฉัตรจำนวนเท่ากัน
 

แล้วเรือลำใดคือเรือพระที่นั่ง หากย้อนไปถึงบันทึกตอนเลียบพระนคร
ในตอนที่รัชกาลที่ 4 ขึ้นครองราชย์ มีบันทึกว่า


แล้วทรงดำริว่าพระมหากษัตริย์แต่ก่อนเลียบพระนคร
ก็แต่ทางสถรมารคเพียงวันเดียว
ครั้งนี้เห็นว่าราษฎรนิยมชมชื่นทั่วกัน
เรือพระที่นั่งและเรือต่างๆ มีอยู่เป็นจำนวนมาก

ไม่มีการสิ่งไรเก็บไว้ก็ไม่มีผู้ใดเห็น 
ครั้งนี้จะแห่พยุหยาตราเรือให้ราษฎรเชยชมพระบรมโพธิสมภาร
ทั่วกันอีกคราวหนึ่ง จะได้เป็นเกียรติยศปรากฏไปภายหน้า 
จึงสั่งเจ้าพนักงานให้เตรียมพยุหยาตราเรือไว้


โขนเรือพระที่นั่งศรีประภัสสรชัย (พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี)

บันทึกกล่าวว่า มีเรือมากถึง 269 ลำ มีเรือนอกขบวนอีก 50 ลำเศษ
มีฝีพายทั้งหมดประมาณ 10,000 คน ซึ่งมีเรือพระที่นั่งและพระที่นั่งรองคือ

เรือกิ่งศรีสมรรถไชย และเรือกิ่งแก้วไตรจักร ซึ่งเป็นคติที่สืบมาแต่สมัยอยุธยา
แต่เรืออนันตนาคราช อาจจะสร้างเสร็จในช่วงปลายรัชกาลก็ได้


เราสืบค้นต่อไปในสมัยรัชกาลที่ 5
ซึ่งแม้ว่ากระบวนเรือพยุหยาตราจะลดจำนวนลง
เพราะการปฏิรูปการปกครอง โดยยกเลิกระบอบจตุสดมภ์
ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยพระบรมไตรโลกนารถมาเป็นระบบกระทรวง

ในรัชกาลนี้ไม่มีการบันทึกรายละเอียดของรายชื่อเรือในกระบวน
แต่มีการถ่ายภาพไว้ เช่นภาพพระราชพิธีทอดผ้าพระกฐิน
ที่วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2450 
จากตำแหน่งของเรือจะเห็นได้ว่า ในพระราชพิธีครั้งนั้น


เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ทอดบัลลังก์กัญญาเป็นเรือพลับพลา
เรือพระที่นั่งอนันตนาคทอดบุษบกเป็นเรือพระที่นั่งทรง 
เรือพระที่นั่งสง่างามกระบวนทอดบัลลังก์กัญญาเป็นเรือพระที่นั่งรอง
เรือพระที่นั่งศรีประภัสสรชัยทอดบุษบกเป็นเรือเชิญผ้าพระกฐิน

น่าจะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พิสูจน์ได้ว่า ในช่วงเวลานั้น
มีธรรมเนียมการใช้เรืออนันตนาคราช เป็นเรือพระที่นั่งทรงจริง



Create Date : 23 ธันวาคม 2567
Last Update : 25 ธันวาคม 2567 15:06:44 น. 3 comments
Counter : 298 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณcatt.&.cattleya.., คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse


 
เป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยคะ
ขอบคุณมากนะคะ


โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 23 ธันวาคม 2567 เวลา:18:57:38 น.  

 
ถ้าไม่มีเลขสองจะนึกว่าบล็อกเดิม
ภาพเรือมันคล้ายๆ กันหมดจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 24 ธันวาคม 2567 เวลา:6:56:54 น.  

 
ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคงดงามมาก
ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 25 ธันวาคม 2567 เวลา:0:58:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]