สวัสดีค่าทุกคน กลับมาพบกันอีกแล้วกับการแกะกล่องแล้วลองเลย วันนี้นิคพาน้องใหม่แต่รุ่นเก๋า อย่าง LANEIGE WATER BANK สกินแคร์ซิกเนเจอร์ของลาเนจที่อยู่กับแบรนด์มา 25 ปีแล้วจ้าาา

อย่างที่รู้ว่าลาเนจเค้าเป็นแบรนด์ที่หนึ่งในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นให้ผิวเปล่ลงประกายจากภายในสู่ภายนอกอยู่แล้ว ตอนนี้เค้าออก WATER BANK ESSENCE & CREAM มาถึง 2 สูตรด้วยกัน ส่วนผสมหลักๆมาจาก Green Mineral Water ที่มาจากผัก 6 ชนิด และน้ำแร่จากใต้ทะเลลึกค่ะ ซึ่งตัวนี้ลาเนจให้นิยามว่า Moisture to Power เพราะเค้าจะมอบพลังแห่งน้ำสู่ผิว เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก พร้อมล็อคความชุ่มชื้นไว้ในผิว ให้ผิวชุ่มฉ่ำยาวนานตลอดวันไปเลยค่า

ขอเริ่มที่ LANEIGE Water Bank Moisture Essence และ LANEIGE Water Bank Hydro Essence กันก่อนเลยค่ะ ตัวนี้จะมาในลักษณะเนื้อเอสเซ้นส์ ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว บำรุงใต้ชั้นผิวอย่างล้ำลึก ให้ผิวเปล่งประกายดูสุขภาพดี

ด้วยเทคโนโลยี Water zipper เทคโนโลยีเฉพาะจาก LANEIGE ที่จะช่วย เติมเต็ม กักเก็บ ฟื้นฟู ความชุ่มชื้นสู่ผิวค่ะ นอกจากนั้นเค้าก็ยังใช้เทคโนโลยี Ocean Brew ที่ช่วยกักเก็บแร่ธาตุให้คงคุณประโยชน์ให้มากที่สุดเพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงได้เต็มที่ค่ะ

ตัวเอสเซ้นส์นี้จะได้คุณประโยชน์จากสารสกัด Garden Cress หรือผักเทียนแดง ที่ช่วยในเรื่องของการต่อต้านอนุมูลอิสระ เผยผิวที่กระจ่างใสยิ่งขึ้นจ้า

นิคขอเปรียบเทียบให้ดูเนื้อเอสเซ้นส์ค่ะ สูตร Hydro Essence จากบางเบากว่าค่ะ ความแตกต่างของสองสูตรนี้คือ

• Moisture Essence จะมีส่วนผสมมาจาก ผักกระหล่ำดาว ผักอาร์ติโชค และถั่วลิมาค่ะ ซึ่งสูตรนี้จะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งขาดน้ำมากเป็นพิเศษ เหมาะกับคนที่ต้องการความชุ่มชื้นตลอดเวลาค่ะ
• Hydro Essence จะมีส่วนผสมมาจาก ผักเคล ผักสลัดน้ำ และบีทรูธค่ะ สูตรนี้จะเหมาะกับคนที่มีผิวผสมถึงผิวมัน คนที่ต้องการเติมความสดชื่นให้ผิวโดยไม่ทำให้ผิวมันเพิ่มค่ะ

นิคทาฝั่งละสูตรไปเลยค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะต่างกันแค่ไหน ในเรื่องของเนื้อสัมผัส แน่นอนค่ะว่าสูตร Hydro Essence จะบางเบากว่า แต่ทั้งสองสูตรซึมไวพอกัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ระคายเคืองผิวจ้า

เนื้อเอสเซ้นส์ให้สัมผัสที่บางเบา ผลลัพธ์ออกมาไม่ต่างกันนัก แต่ด้านที่ใช้สูตร Hydro Essence จะแห้งไปเลย ทาแล้วเนื้อเอสเซ้นส์หายไปเลย เหมาะกับคนผิวมันมากๆๆๆๆ ส่วนตัวนิคนั้นผิวแห้ง เลิฟตัว Moisture Essence มากกว่า เพราะให้ความชุ่มชื้น ผิวดูไม่มันเยิ้ม สดชื่นดีค่ะ ตัวเอสเซ้นส์นี่นิคว่าเหมาะกับทาตอนเช้าค่ะ ลงเมคอัพตามได้ไม่เป็นคราบค่ะ

มาต่อกันที่ LANEIGE Water Bank Moisture Cream EX และ LANEIGE Water Bank Hydro Cream EX ค่ะ แน่นอนค่ะว่าเนื้อสัมผัสเป็นแบบครีม มีส่วนผสมของ Green Mineral Water เติมความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ผ่านกระบวนการ  Ocean Brew เหมือนตัวเอสเซ้นส์ มีส่วนผสมจากผักสลัดน้ำที่ช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะ และยังช่วยเติมออกซิเจนเข้าสู่ผิว ช่วยให้ผิวคุณรู้สึกแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย ว้าววว

นิคเปรียบเทียบให้ดูเนื้อครีมเข้มข้น สูตร Hydro Cream EX จะบางเบากว่า แต่ให้ความชุ่มชื้นพอกัน ตัวครีมนี่เค้าการันตีว่าให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง เพราะเค้าใช้เทคโนโลยี Moisture Tight Matrix ที่ช่วยล๊อกความชุ่มชื้นให้คงอยู่กับผิวตลอดวันไปเลยจ้า

ความแตกต่างของสองสูตรนี้คือ

• Moisture Cream EX จะมีส่วนผสมมาจาก ผักกระหล่ำดาว ผักอาร์ติโชค และถั่วลิมาค่ะ ซึ่งสูตรนี้จะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งขาดน้ำมากเป็นพิเศษ เหมาะกับคนที่ต้องการความชุ่มชื้นตลอดเวลาค่ะ
• Hydro Cream EX จะมีส่วนผสมมาจาก ผักเคล ผักสลัดน้ำ และบีทรูธค่ะ สูตรนี้จะเหมาะกับคนที่มีผิวผสมถึงผิวมัน คนที่ต้องการเติมความสดชื่นให้ผิวโดยไม่ทำให้ผิวมันเพิ่มค่ะ

ทาคนละฝั่งแบบ Cream EX จะสังเกตถึงความต่างได้ชัดเจน คือ Moisture Cream EX จะให้ความชุ่มชื้นมากๆๆๆๆ เห็นเลยว่าผิวชุ่มฉ่ำขึ้นมากๆๆๆ เหมาะกับคนผิวแห้งเป็นที่สุด แต่โดยรวมแล้วทั้งสองสูตรเนื้อครีมใช้เวลาซึมค่อนข้างเร็วพอกัน ไม่เหนอะหนะเท่าไหร่ ตัวนี้เหมาะกับใช้ก่อนนอนมาก ตื่นมาผิวนุ่มฟู ผิวแห้งลอกก็หายไป ส่วน Hydro Cream EX ให้ความชุ่มชื้นโดยที่ไม่ทำให้ผิวมัน ให้ความรู้สึกแห้งสบายแบบไม่แห้งตึง เหมาะกับคนผิวมันไม่ชอบความเหนอะเป็นที่สุดค่า

ตอนนี้หน้านิคไม่ลอกแล้วนะ ปลื้ม ไม่เป็นขุยแล้ว นุ่มชุ่มฉ่ำมาก นิคใช้เอสเซ้นส์ตอนเช้า ใช้ครีมตอนกลางคืน และแน่นอนว่านิคเป็นคนผิวแห้งเลยชอบสูตร Moisture มากๆค่ะ ผิวดูอิ่มน้ำตลอดเวลา ดีงามมากค่ะ ไม่ระคายเคือง ไม่อุดตัน กลิ่นก็หอมผ่อนคลาย ต้องลองจ้า

หาซื้อ LANEIGE WATER BANK ESSENCE & CREAM ได้แล้ววันนี้ที่เคาท์เตอร์ลาเนจทุกสาขานะคะ

ขอบคุณที่รับชมค่ะ