เป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว ที่ "หัวหิน" ได้รับความนิยมในฐานะเมืองตากอากาศยอดนิยมของคนไทย โดยมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ตำนานสถานตากอากาศยอดนิยมของเมืองไทยเริ่มขึ้นเมื่อมีการสร้างเส้นทางรถไฟสายใต้ในสมัยรัชกาลที่ 6 และได้มีการค้นพบชายหาดขาวสะอาดเม็ดละเอียดบริเวณบ้านสมอเรียง ซึ่งก็คือชายหาดหัวหินในปัจจุบัน ส่วนที่มาของชื่อ "หัวหิน" มาจากการที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนเรศน์วรฤทธิ์ ได้ทรงสร้างตำหนักของพระองค์ขึ้นเป็นแห่งแรกบนชายหาดนี้และได้ทรงขนานนามพระตำหนักของพระองค์และบริเวณถัดลงไปทางใต้ว่า "หัวหิน" ตามลักษณะหาดทรายที่มีโขดหินเรียงรายอยู่ทั่วไป ต่อมาชื่อนี้เป็นที่ติดปากคนทั่วไปจึงถูกใช้เรียกขานมาจนถึงปัจจุบัน ..... ทุกวันนี้หัวหินก็ยังเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของคนไทยอยู่เสมอ สังเกตได้จากปัจจุบันที่หัวหินยังมีโรงแรมและรีสอร์ทเกิดใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ผมเชื่อว่าบรรดาผู้คนที่หลงใหลในการเดินทางท่องเที่ยว ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักหัวหิน สำหรับผมเองก็ได้มีโอกาสมาเยือนหัวหินแล้วไม่ต่ำกว่าสามครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นการกลับไปเยือนหัวหินอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้ไปมาครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดใหม่ๆ ในหัวหิน ซึ่งผมยังไม่เคยไปเยี่ยมเยือนในการเดินทางมาเที่ยวในปีก่อนๆ นั่นเอง ..... ครั้งนี้ผมเดินทางไปแบบครอบครัวใหญ่และก็ไม่พลาดที่จะกระเตงเจ้าตัวเล็กสองเด็กดื้อของผมไปด้วย เราออกเดินทางออกจากบ้านที่ปราจีนบุรีกันตั้งแต่เย็นวันศุกร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่น่าจะคับคั่งในวันสาร์ กว่าจะไปถึงที่พักก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว เราพักที่คอนโดของเพื่อนของน้าอีกทีนึง มองจากบนชั้น 14 ของคอนโดในยามค่ำคืนจะเห็นแสงสีของเมืองหัวหินสวยงามจับตาเลยทีเดียว ..... บรรยากาศเมืองหัวหินในยามค่ำคืน เช้าวันเสาร์ หลังจากอาบน้ำอาบท่า ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่รอช้า รีบออกเดินทางทันที โดยสถานที่แห่งแรกที่เราจะไปเยี่ยมชมกันในวันนี้ก็คือ "วัดห้วยมงคล" เช้าวันที่เราไปอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีเมฆมากแทบไม่มีแดดเลย ไม่ค่อยเหมาะสำหรับการถ่ายรูปเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีสำหรับสองเด็กดื้อของผม เพราะจะได้ไม่ต้องตากแดดร้อนๆ ตอนไปเที่ยว วัดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหัวหินมากนัก ขับรถออกนอกเมืองไปประมาณ 16 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว สำหรับเส้นทางไปวัดก็ดูตามแผนที่นี้ได้เลย .....แผนที่เส้นทางไปวัดห้วยมงคล ปัจจุบัน "วัดห้วยมงคล" นับสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาหัวหินมักจะไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมชม เพราะมีจุดเด่นคือ เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งหล่อด้วยโลหะผสม หน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร บนฐานสูง 3 ชั้น ชั้นล่างกว้าง 70 เมตร ยาว 70 เมตร ซึ่งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างอัญเชิญพระนาภิไธยย่อ ส.ก. ขึ้นประดิษฐานที่หน้ารูปหล่อองค์หลวงพ่อทวดด้วย .....รูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่วัดห้วยมงคลดื้อเล็กกำลังสนุกที่ได้มาเที่ยวที่วัดห้วยมงคลสองเด็กดื้อบริเวณหน้ารูปหล่อหลวงพ่อทวดปัจจุบันมีการแกะสลักรูปเหมือนหลวงพ่อทวด นั่งบนหลังช้าง แกะสลักจากไม้มงคลเก้าชนิด ประดิษฐานอยู่บริเวณลานด้านหน้ารูปหล่อหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ด้วย เราจะได้เห็นนักท่องเที่ยวพากันเดินลอดท้องช้างเพื่อเป็นศิริมงคลกันอย่างไม่ขาดสายเลย .....ช้างแกะสลักจากไม้มงคล ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาลอดเพื่อความเป็นศิริมงคลออกจากวัดห้วยมงคลก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังของหัวหิน ซึ่งก็คือ "ร้านก๋วยเตี๋ยวปลานายหอย" รสชาติอร่อยใช้ได้ การันตีจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่มาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้กันอย่างคับคั่งในช่วงเที่ยงๆ .....ก๋วยเตี๋ยวปลาต้มยำหน้าตาน่าทานที่ร้านนายหอย หลังจากท้องอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลาไปต่อกันแล้ว เราแวะไปเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งของหัวหิน ซึ่งแม้จะเพิ่งเกิดใหม่เมื่อไม่ถึงปีมานี้เอง แต่ชั่วเวลาเพียงไม่นานก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮ็อตฮิตอินเทรนด์ ไม่ว่าใครที่มาหัวหินก็มักจะไม่พลาดมาชมกัน นั่นก็คือ "เพลินวาน" ซึ่งเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งเมืองหัวหินนั่นเอง เพลินวานเปิดให้เที่ยวชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00 - 24:00 น. ..... ก่อนหน้านี้มีการปิดปรับปรุงชั่วคราวอยู่ราวๆ สองสัปดาห์ เพื่อสร้างส่วนเฟสใหม่ โชคดีที่กลับมาเปิดทันช่วงที่เราไปเที่ยวกันพอดี แต่น่าเสียดายที่เฟสใหม่ยังสร้างไม่เสร็จ เห็นว่าน่าจะเปิดสมบูรณ์ได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน วันที่เราไปเป็นช่วงเที่ยงวันเสาร์ คนมาเที่ยวกันเยอะมากๆ แทบจะหามุมถ่ายรูปที่ไม่ติดคนไม่ได้เลย เรียกว่าแต่ละจุดนี่ต้องต่อคิวรอถ่ายรูปกันยาวเลยล่ะครับ ถ้าเน้นถ่ายภาพสวยๆ แนะนำให้มาวันธรรมดาจะดีกว่า .....แผนที่เส้นทางไปเพลินวานPlay and learn ที่เพลินวานทางเข้าด้านหน้าของเพลินวาน เห็นเด่นชัดแต่ไกลเลยสองเด็กดื้อมาถึงเพลินวานกันแล้วมุมถ่ายรูปสุดฮิตที่ใครๆ ก็ไม่พลาด หลังจากเก็บรูปด้านหน้ากันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็เข้าไปดูด้านในกันเลย ก่อนหน้านี้ผมได้เคยเห็นภาพเพลินวานจากหน้า website ต่างๆ มาเยอะพอสมควร แต่ไม่คิดว่าของจริงจะเล็กกว่าที่คิดไว้ค่อนข้างมาก รวมๆ แล้วพื้นที่ส่วนที่เปิดให้เข้าชมอยู่ตอนนี้ก็จะหน้ากว้างประมาณตึกแถวราวๆ สามห้องเศษ และลึกเข้าไปไม่มาก เรียกว่าถ้าใครมาเดินดูแบบผ่านๆ ไม่เน้นเก็บรายละเอียด ผมว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินทั่วแล้ว คงต้องรอเฟสใหม่ที่กำลังสร้างอยู่เสร็จเรียบร้อยก่อน น่าจะมีอะไรๆ ให้ชมกันมากขึ้น .....ป้ายสวยๆ หน้าร้านค้าในเพลินวานโมเดลจำลองของเพลินวาน หลังจากผ่านประตูเข้าไป ด้านขวามือก็จะเจอกับ "ลานอเนกประสงค์" เป็นลานกว้างที่ปูพื้นด้วยหญ้าเทียม มีที่นั่งพักผ่อนและรูปวาดสวยๆ บนผนังให้ถ่ายรูปกันด้วย ส่วนชั้นล่างของเพลินวานก็จะมีร้านขายสินค้าแนวย้อนยุคอยู่หลายร้าน อย่างเช่น ร้านห้องเสื้อไฉไล ร้านขายของเล่น ซุ้มยิงปืนแบบงานวัดและรถเข็นขายน้ำอัดลมโบราณและขายผลไม้ ชั้นสองก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านขายเหล้า ร้านขายไอศครีมและขนมหวานเย็น และห้องน้ำ ตามไปเที่ยวด้วยภาพกันเลยดีกว่า .....ลานอเนกประสงค์ มองจากชั้นสองของเพลินวานรูปวาดสถานีเพลินวาน ที่ผนังลานอเนกประสงค์รูปวาดสวยๆ บนผนังอีกภาพรถเข็นขายน้ำอัดลมโบราณ ว่าจะลองชิมแต่เดินไปเดินมาดันลืมร้านกาแฟจัดร้านได้บรรยากาศเก่าๆ ดีหน้าห้องเสื้อไฉไล ขายเสื้อผ้าแนวย้อนยุคแบบเสื้อสวย เข้ากับสถานที่ดีเหมือนกันถังขยะแนวเก๋ๆ ของที่นี่ซุ้มยิงปืนแบบงานวัดของเล่นสังกะสีในร้านขายของเล่นที่นี่ ราคาแพงกว่าตลาดเก่าอื่นเป็นร้อยเลยครับมุมสวยก่อนขึ้นบันไดไปชั้นสอง มุมนี้คนก็นิยมเก็บภาพกันนะขึ้นบันไดไปดูชั้นสองกันต่อเลยครับร้านขายอาหาร อยู่บริเวณชั้นสองเหนือประตูทางเข้าร้านขายไอศครีมบนชั้นสองแวะทานไอศครีมกันก่อนดีไหมครับของตกแต่งสวยๆ แบบย้อนยุคในร้านไอศครีมร้านนี้ขายขนมหวานเย็นห้องน้ำอยู่บนชั้นสอง เลือกกันเอาเองนะครับว่าใครจะเป็นจิ๊กโก๋หรือจิ๊กกี๋ มุมนี้จัดเป็นร้านตัดผมแบบโบราณไว้ให้ถ่ายรูปกันมีโปสเตอร์โฆษณาเก่าๆ ตกแต่งอยู่ทั่วไปตามผนังที่เราเดินผ่านประตูทางออก มองจากด้านในออกไป เราใช้เวลาเที่ยวชมเพลินวานกันอยู่ประมาณเกือบชั่วโมงเต็ม ที่ช้าก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ เป็นเพราะต้องรอคิวถ่ายรูปตามจุดต่างๆ ทำให้เสียเวลา ต่อไปถ้าส่วนเฟสสองสร้างเสร็จน่าจะดีกว่าตอนนี้ เพราะจะมีพื้นที่กว้างขวางขึ้น การกระจายคนน่าจะดีกว่านี้ เห็นว่าส่วนเฟสสองจะมีทั้งลานหนังกลางแปลง ร้านค้าจิปาถะ รวมทั้งมีห้องพักให้มาพักกันด้วย .....ตรงนี้เป็นส่วนเฟสสองที่ยังสร้างไม่เสร็จออกจากเพลินวานแล้ว เราก็เดินทางกลับที่พัก เพราะสัญญากับเด็กดื้อทั้งสองว่าจะพาไปเล่นทรายและเล่นน้ำที่ชายทะเล พอดีคอนโดที่เราไปพักอยู่ติดหาดทรายเลยครับก็เลยสะดวกหน่อย ทรายบริเวณนี้ขาวสะอาดดี ทั้งดื้อเล็กและดื้อใหญ่เล่นทรายกันสนุกไปเลย .....ดื้อใหญ่ไปทะเลทีไร ไม่เคยพลาดการเล่นทรายเลยดื้อเล็กไปคราวนี้มีหนุ่มมาเล่นทรายด้วยเล่นทรายเสร็จก็มาเล่นน้ำในสระว่ายน้ำกันต่อดื้อใหญ่เล่นน้ำจนปากสั่นก็ยังไม่ยอมเลิก จนต้องบังคับให้เลิกเล่นดื้อเล็กตอนแรกไม่กล้าลงสระ แต่พอลงไปแล้วติดใจไม่ยอมเลิกเล่นเลยล่ะครับ เย็นนั้นเราไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกอีกเลย เพราะเราสั่งอาหารเย็นมาทานที่คอนโด วันถัดมาเป็นเช้าวันอาทิตย์ เป็นวันที่เราต้องเดินทางกลับบ้านกันแล้ว ก่อนกลับเราแวะไปเที่ยวที่ "สถานีรถไฟหัวหิน" กันก่อน ซึ่งที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเวลามาหัวหิน นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศนิยมมาถ่ายรูปกับป้ายสถานีรถไฟหัวหินเพื่อเป็นการยืนยันว่ามาถึงหัวหินแล้วจริงๆ .....ชานชาลาสวยๆ ของสถานีรถไฟหัวหินพลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เอกลักษณ์ของสถานีรถไฟหัวหินมุมบังคับ ที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปกันดื้อเล็กและเพื่อน สนุกได้อีกที่สถานีรถไฟหัวหิน ที่บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟหัวหิน ตอนนี้มีจุดที่น่าสนใจเพิ่งเปิดใหม่สดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2552 นี่เอง นั่นก็คือ "ห้องสมุดการรถไฟหัวหิน" ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดห้องสมุดด้วย ห้องสมุดรถไฟหัวหินนี้นับเป็นแห่งที่ 3 ของประเทศ โดยนำตู้รถไฟเก่าของไทย ที่นำเข้ามาจากประเทศจากประเทศญี่ปุ่น แบบเจอาร์เว็บ ความยาว 21 เมตร จำนวน 2 โบกี้ ซึ่งถูกปลดระวางและมีอายุเก่าแก่มากกว่า 50 ปี มามาปรับปรุงใหม่ด้วยการทาสีและปรับแต่งภายในตู้รถไฟใหม่ กลายเป็นห้องสมุดสำหรับบริการประชาชนชาวหัวหินและคนทั่วไป ..... ห้องสมุดรถไฟหัวหิน สถานที่น่าสนใจแห่งใหม่ของหัวหินเก็บภาพกับโบกี้รถไฟห้องสมุดซะหน่อยดื้อเล็กเลือกหนังสือได้แล้วได้หนังสือแล้วก็มานั่งอ่านกันที่มุมนี้เลยนอกจากหนังสือแล้ว ยังมีส่วนที่จัดของเล่นไว้ให้เด็กๆ ได้เล่นกันด้วย หลังออกจากสถานีรถไฟหัวหิน ก็ได้เวลากลับบ้านกันจริงๆ แล้ว ทริปนี้นับเป็นอีกทริปหนึ่งที่ทำให้เราได้พบเจออะไรใหม่ๆ ในหัวหิน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าหัวหิน ยังเป็นเมืองที่มีอะไรใหม่ๆ รอให้เราค้นหาอยู่ตลอดเวลา และจะยังคงเป็นสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของคนไทยไปอีกนาน เหมือนกับที่พูดกันว่า "หัวหินไม่เคยสิ้นมนต์ขลัง" นั่นแหละครับ ขอปิดท้ายด้วยรูปมุมสูงของหาดหัวหินในวันฟ้าใสที่ผมเพิ่งจะได้เห็นเอาตอนวันเดินทางกลับ ก็แล้วกันนะครับ ไว้ค่อยไปเที่ยวกับสองเด็กดื้อกันใหม่ในทริปหน้าเร็วๆ นี้ สวัสดีครับ .....
ดูไป ชมไป อ่านไป ยิ้มเพลินเลย
ดื้อเล็กจ้ำม่ำน่ากอด น่าฟัดเป็นที่สุดเลย
ภาพหัวหินคุณพ่อน้อง(ทั้ง)สองดื้อถ่ายออกมาสวยงาม
มากเลยค่ะ แล้วจะแวะไปเที่ยวด้วยในทริปหน้านะคะ อิอิ