ในช่วงวันหยุดปีใหม่ ตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ ปาย ภูชี้ฟ้า เชียงคาน หรือตามยอดดอยต่างๆ ในภาคเหนือ มักจะเต็มไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นเหนือไปสัมผัสกับอากาศหนาว เมื่อคนมากันเยอะ ก็ต้องแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว สภาพแบบนี้ผมเจอมาแทบทุกปีเวลาไปเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาล จนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ..... มาปีนี้ผมเลยตั้งใจว่า วันหยุดยาวช่วงปีใหม่ของปี 2555 นี้ ผมจะหลีกเลี่ยงไม่ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ที่คนนิยมไปกัน คิดหาที่เที่ยวที่ดูจะสงบเงียบไม่วุ่นวายอยู่นาน จนในที่สุดก็มาลงตัวที่ "สุโขทัย" และ "พิษณุโลก" สองจังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง ที่คนส่วนใหญ่มักใช้เป็นแค่ทางผ่านมากกว่าจะแวะเที่ยวแบบจริงๆ จังๆ ..... +++ วันหยุดปีใหม่ 2555 นี้ ผมขอพาทุกท่านหลีกหนีความวุ่นวายไปเที่ยวสุโขทัยด้วยกันนะครับ +++ ทริปนี้เราออกเดินทางกันแบบสบายๆ ในช่วงสายๆ ของวันสิ้นปี จุดหมายแรกของเราอยู่ที่จังหวัด "สุโขทัย" เมืองโบราณเก่าแก่ อดีตราชธานีแห่งหนึ่งของชาวสยาม ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 700 ปี เมื่อพูดถึงเมืองสุโขทัย คนส่วนใหญ่มักจะนึกไปถึงงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ซึ่งเป็นงานใหญ่ของที่นั่น และเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวสุโขทัยกันมากที่สุด แต่นอกเหนือไปจากงานลอยกระทงแล้ว สุโขทัยยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ซึ่งก็คือ "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" ที่ผมจะพาไปเที่ยวกันในบล็อกเอนทรี่นี้นั่นเองครับ .....+++ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โบราณสถานที่ได้รับการคัดเลือกจากยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลก ++++++ เมืองเก่าแห่งนี้ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 700 ปีมาแล้ว +++ จากที่ผมได้หาข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสุโขทัยในช่วงวันขึ้นปีใหม่ตาม webboard ท่องเที่ยวต่างๆ พบว่าคนส่วนใหญ่แทบไม่มีใครพูดถึง "สุโขทัย" กันเลย ทำให้ผมมั่นใจว่าเมืองเก่าแห่งนี้ น่าจะเป็นเมืองที่สงบเงียบเหมาะกับการหลบมาพักผ่อนสบายๆ ไม่ต้องไปแย่งกันเที่ยวกับใครๆ ผมแน่ใจถึงขนาดที่ว่าไม่ได้จองที่พักไปล่วงหน้าแม้จะเป็นวันหยุดสิ้นปี เพราะที่พักไม่น่าจะเต็มอย่างแน่นอน ..... ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้จริงๆ เพราะ "สุโขทัย" ในวันนั้น ทั่วทั้งเมืองดูเงียบจนค่อนข้างเหงา ร้านค้าในเมืองหลายแห่งปิดเงียบ เจ้าของร้านอาจกำลังหนีไปเที่ยวตามที่เที่ยวดังๆ ในจังหวัดอื่นอยู่ก็เป็นได้ เราใช้เวลาไม่นานในการหาที่พัก และได้เข้าพักที่ "โรงแรมไพลิน" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สามารถเดินทางไปเที่ยวได้สะดวก และที่สำคัญคือราคาไม่แพงจนเกินไปนัก .....+++ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ในวันขึ้นปีใหม่ที่แสนจะเงียบสงบ ++++++ แม้จะเป็นวันหยุดปีใหม่ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยวเหมือนที่เที่ยวอื่นๆ ++++++ ตามสองเด็กดื้อไปเที่ยวชมเมืองเก่าสุโขทัยกันเลยดีกว่าครับ +++ "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า) อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยปัจจุบัน (เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี) ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนจรดวิถีถ่อง) .....+++ ก่อนเข้าไปชมอุทยานประวัติศาสตร์ ควรแวะไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงกันก่อน ++++++ บรรยากาศสงบเงียบภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย +++ ผังเมือง "สุโขทัย" มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวังและวัดอีก 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือ "วัดมหาธาตุ" นอกจากนี้ยังมีวัดเก่าที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น วัดศรีสวาย วัดสระศรี วัดตระพังเงิน วัดศรีชุม ฯลฯ ..... อุทยานแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากรด้วยความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี ค่าเข้าชมก็ถูกแสนถูก เพียงคนละ 20 บาทเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าหรือขี่จักรยานเที่ยวชมก็ได้ หรือถ้าใครนำรถส่วนตัวไปก็สามารถขับรถเข้าไปเที่ยวได้ โดยเสียค่านำรถยนต์เข้าอุทยานคันละ 50 บาท .....+++ แผนที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย +++วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ใจกลางผังเมือง เป็นวัดใหญ่และวัดสำคัญที่สุดของที่นี่ ถือเป็นศูนย์กลางเมืองสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ประจำทิศอีก 8 องค์บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์ทรงปราสาทก่อด้วยอิฐที่ได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา ที่ด้านเหนือและด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า "พระอัฏฐารศ" ..... +++ วัดมหาธาตุ เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ++++++ พระประธานปางมารวิชัยภายในวัดมหาธาตุ มีพุทธลักษณะงดงามตามแบบศิลปะสุโขทัย ++++++ เก็บภาพเป็นที่ระลึก หลังกราบพระประธานในวัดมหาธาตุแล้ว ++++++ วันที่เราไป ฟ้าสดใสแดดแรง อากาศค่อนข้างร้อน ++++++ ดื้อเล็ก ในวันที่ได้มาเยือนเมืองเก่าสุโขทัยเป็นครั้งแรก ++++++ เจดีย์ประธานของวัดมหาธาตุ เป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ++++++ รอบเจดีย์ประธาน จะมีเจดีย์ขนาดเล็กอยู่โดยรอบทั้งแปดทิศ ++++++ สองเด็กดื้อ หน้าเจดีย์วัดมหาธาตุ ++++++ ลวดลายปูนปั้นรูปพระสงฆ์เดินทักษิณาวัตร ที่ฐานเจดีย์ประธานวัดมหาธาตุ ++++++ พระอัฏฐารศ พระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระใกล้เจดีย์วัดมหาธาตุ ++++++ พระพุทธรูปและเจดีย์ขนาดเล็ก ที่อยู่รายรอบวัดมหาธาตุ ++++++ มุมมองจากด้านหลังองค์พระ ++++++ พระพุทธรูปอีกองค์ที่อยู่เบื้องขวาของวัดมหาธาตุ ++++++ ภาพสะท้อนในสระน้ำก็งามได้ หากตั้งใจชมให้ดี ++++++ เก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อย +++วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ 350 เมตร โบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ ที่มีรูปแบบศิลปะลพบุรี ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง .....+++ ไปเที่ยวชมวัดวัดศรีสวายกันต่อครับ ++++++ พระปรางค์ 3 องค์ภายในวัด เป็นรูปแบบศิลปะลพบุรี ++++++ มุมมองด้านข้างของวัดศรีสวาย ++++++ เก็บภาพบริเวณด้านหน้าวัดศรีสวาย +++วัดตระพังเงิน ตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงิน ทางทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ ห่างจากวัดมหาธาตุ 300 เมตร โบราณสถานนี้ไม่มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ประกอบด้วยเจดีย์ทรงดอกบัวตูมเป็นประธาน ลักษณะเด่นของเจดีย์ทรงดอกบัวตูมของวัดนี้ คือ มีจระนำที่เรือนธาตุทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปยืน และพระพุทธรูปปางลีลา (จระนำ หมายถึง ชื่อซุ้มท้ายวิหาร หรือท้ายโบสถ์ มักเป็นช่องตัน) มีวิหารประกอบอยู่ด้านหน้า และทางด้านตะวันออกของเจดีย์เป็นเกาะมีโบสถ์ตั้งอยู่กลางน้ำ ..... +++ เจดีย์ทรงดอกบัวตูมของวัดตระพังเงิน ++++++ พระประธานเป็นปางมารวิชัยเช่นเดียวกับวัดอื่นๆ ++++++ พระพุทธรูปปางลีลา ประดิษฐานอยู่ในจระนำ (ซุ้มท้ายวิหาร) +++วัดสระศรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานสำคัญอยู่บริเวณกลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ ชื่อว่า ตระพังตระกวน สิ่งสำคัญของวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา ด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย มีเจดีย์ขนาดเล็ก ศิลปศรีวิชัยผสมลังกา ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ ด้านหน้ามีเกาะกลางน้ำขนาดย่อมเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม ..... +++ วิหารวัดสระศรี ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ++++++ พระพุทธรูปปางลีลา และเจดีย์ทรงลังกาในวัดสระศรี ++++++ ตากล้องตัวน้อย กำลังตั้งใจเก็บภาพพระพุทธรูป +++วัดสรศักดิ์ เป็นวัดที่อยู่ใกล้ศาลตาผาแดง และวัดซ่อนข้าว ตามประวัติกล่าวว่านายอินทร สรศักดิ์ ได้สร้างวัดนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ออกญาธรรมราชา (พระมหาธรรมราชาที่ 3) จุดเด่นของวัดคือ เจดีย์ประธานทรงลังกามีรูปช้างล้อม ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร ก่อด้วยอิฐ รอบฐานประดับด้วยปูนปั้นรูปช้างจำนวน 25 เชือก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพาหนะของพระเจ้าจักรพรรดิ (ชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า) เป็นตัวแทนของสัตว์พาหนะที่ค้ำจุนพระพุทธศาสนา .....+++ เจดีย์ประธานรูปช้างล้อมของวัดสรศักดิ์ ++++++ รอบฐานเจดีย์ประดับด้วยปูนปั้นรูปช้าง จำนวน 25 เชือก ++++++ ปูนปั้นรูปช้าง อยู่ในสภาพสมบูรณ์ น่าจะผ่านการบูรณะมาแล้ว ++++++ เจดีย์วัดสรศักดิ์ แม้ขนาดจะไม่ใหญ่โต แต่ก็สวยงามไม่แพ้เจดีย์วัดอื่นๆ +++ เราเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมวัดเก่าภายใน "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" อยู่นาน จนเวลาล่วงมาบ่ายคล้อย ได้เวลาทานอาหารกลางวันกันแล้ว มาถึงเมืองสุโขทัยทั้งที ไม่ควรพลาดชิม "ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย" อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เราแวะที่ "ร้านเจ้แฮ" ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังที่อยู่ไม่ไกลจากเขตเมืองเก่า ตัวร้านตั้งอยู่ที่ถนนจรดวิถีถ่อง หรือทางหลวงหมายเลข 12 ที่จะออกไปทางอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ในช่วงกลางวัน ร้านนี้จะเต็มไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวที่ต้องการลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยต้นตำรับ ทำให้เราต้องนั่งรอโต๊ะและรอคิวอาหารอยู่ร่วมชั่วโมงกว่าจะได้ทาน แต่รสชาติก๋วยเตี๋ยวของร้านนี้ ก็อร่อยคุ้มกับที่ต้องเสียเวลารอเลยล่ะครับ .....+++ มาสุโขทัยทั้งที ต้องแวะทานก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยต้นตำรับกันซะหน่อย ++++++ ร้านที่เราเลือกทานก็คือ ร้านเจ๊แฮ ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ชื่อดังของที่นี่ ++++++ สั่งปอเปี๊ยะมาทานรองท้องกันก่อน เพราะต้องรอก๋วยเตี๋ยวอีกนาน ++++++ หลังจากนั่งรออยู่ร่วมชั่วโมง ในที่สุดก๋วยเตี๋ยวของเราก็มาเสิร์ฟซะที ++++++ ชามแรกเส้นเล็กต้มยำสุโขทัย รสชาติอร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย ++++++ ชามที่สอง บะหมี่แห้ง ชามนี้รสชาติจะออกหวานหน่อยๆ +++วัดศรีชุม หลังทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว เราไม่ลืมที่จะแวะไปเที่ยวชมโบราณสถานสำคัญของสุโขทัยที่ไม่ควรพลาดชมอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ "วัดศรีชุม" ซึ่งอยู่นอกเขตกำแพงเมือง สิ่งสำคัญในวัดนี้คือ "พระอจนะ" พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร ประดิษฐานอยูในวิหารรูปสี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายมณฑป แต่หลังคาพังทลายลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน ผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนเข้าไปภายใน และเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบ ๆ ถึงผนังด้านข้างขององค์พระอจนะ หรือสามารถขึ้นไปถึงสันผนังด้านบนได้ แต่ปัจจุบันนี้ประตูทางเข้าผนังถูกปิดไว้ ไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไป .....+++ วัดศรีชุม วัดสำคัญอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาเที่ยวสุโขทัย ++++++ ภายในวิหารลักษณะคล้ายมณฑป เป็นที่ประดิษฐาน "พระอจนะ" ++++++ พระอจนะ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้างถึง 11.30 เมตร ++++++ ภายในวิหารมีพื้นที่จำกัด หากจะถ่ายภาพพระให้เต็มองค์แบบนี้ ต้องใช้เลนส์ ultrawide เท่านั้น ++++++ เก็บภาพที่ระลึกหน้าวิหารวัดศรีชุม ++++++ หากใครอยู่เที่ยวจนถึงช่วงเย็น ก็น่าจะแวะไปเก็บภาพแสงสุดท้ายของวันกันด้วย ++++++ ช่วงกลางคืน ทางอุทยานจะเปิดไฟส่องสว่างที่องค์พระพุทธรูปและหมู่เจดีย์ด้วย +++ ในช่วงวันหยุดเทศกาลต่างๆ หากใครต้องการหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ไม่ต้องแย่งกันเที่ยวกับใครๆ ผมคิดว่า "สุโขทัย" เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะจากที่ผมได้ไปสัมผัสมา ที่นี่เป็นเมืองสงบจริงๆ แม้กระทั่งในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก็ยังเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่งาน countdown เหมือนจังหวัดอื่นๆ จนผมยังอดคิดไม่ได้ว่ามันจะเงียบกันไปถึงไหน เงียบเกินไปไหมเนี่ย สำหรับบล็อกเอนทรี่นี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อน แต่ทริปปีใหม่ของเรายังไม่จบเท่านี้ ไว้เอนทรี่หน้าผมจะขอเปลี่ยนแนว พาไปเที่ยวธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลกกันบ้าง ไว้พบกันใหม่เร็วๆ นี้ สวัสดีครับ .....
สถานที่ตั้ง : "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" ตั้งอยู่ที่ ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย 64000 โทร. 055-697-310 เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวันเวลา 6.00-21.00 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทยคนละ 20 บาท และชาวต่างชาติ 100 บาท, ค่าเช่าจักรยานคันละ 20 บาท
ยากมว๊ากกก
ปล. ภาพ สวย คม ดีจังเลยครับ