|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
เรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลมากที่สุด คือ ต้องพูดคุยสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับคนอื่น ๆ ได้จริง ซึ่งการพูดอาจเป็นอุปสรรคของใครหลาย ๆ คน อาจเนื่องมาจากพูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี หรือไม่รู้ว่าจะต้องใช้คำศัพท์คำใด วันนี้ มีเทคนิคการปรับปรุงการพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นมาฝากทุกคน เอาไปทำตามกันได้เลยค่ะ
1. หาคำศัพท์เยอะ ๆ จากการอ่าน การอ่าน toefl book IELTS Book ช่วยให้เราได้คำศัพท์มากขึ้น ในหนึ่งวันเราไม่ต้องอ่านบทความหลาย ๆ หน้ากระดาษ เพียงแค่อ่านประโยคสั้น ๆ เช่น ข่าวในเว็บไซต์ที่ติดตาม โพสต์บน Twitter หรือ ตามที่ต่าง ๆ ที่เราชอบ การอ่านวันละนิดวันละหน่อยแต่ต่อเนื่องและเป็นประจำจะทำให้เราได้คำศัพท์เยอะขึ้นและจำได้นานมากขึ้นด้วย
2. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน สิ่งที่ควรเตรียมก่อนจะเริ่มต้นฝึกอย่างจริงจังคือ การตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองในการฝึกครั้งนี้ว่าฝึกไปเพื่ออะไร หรือสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง เช่น ฝึกครั้งนี้เพื่อใช้สื่อสารกับเจ้านายชาวต่างชาติ หรือใช้พรีเซนต์งานเป็นภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้จะช่วยเป็นแนวทางในการเลือกประเภทของหนังหรือซีรีส์ที่เราจะดูนั่นเองครับ
3. ภาษาอังกฤษอยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรี่ส์ เราก็สามารถใช้เวลาเหล่านี้เป็นตัวช่วยฝึกฝนสกิลภาษาอังกฤษของเราได้ทั้งนั้น หรือถ้าไม่มีเวลาฟังจะเปิดทิ้งไว้ให้มีเสียงเพลง เสียงคนพูดภาษาอังกฤษอยู่ตลอดก็ยังได้ แล้วปล่อยให้สมองค่อยๆ ซึมซับเรื่องสำเนียง จังหวะการพูดต่างๆ ก็ช่วยได้ไม่น้อยเลยล่ะ ลองสังเกตดูสิคนที่ไปอยู่ต่างประเทศมักจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะได้ซึมซับภาษาอังกฤษที่อยู่รอบตัวตลอดเวลานั่นเอง
4. อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ การอ่านเป็นการฝึก พัฒนา และลับคมความรู้ภาษาอังกฤษในระยะยาวได้เป็นอย่างดี คุณสามารถเลือกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เตรียมสอบ CMU-eTEGS , Chulalongkorn University Academic Testing Center , Chulalongkorn University Aptitude Test for Science ภาษาอังกฤษ TOEIC ได้มากมายตามใจชอบ สนใจเรื่องใดอ่านเรื่องนั้น เรื่องที่คุณสนใจจะเป็นแรงผลักดันให้อยากอ่านอยากศึกษา ส่วนข้อแนะนำในการอ่านหนังสือคือหลีกเลี่ยงหนังสือที่เป็นวิชาการมากเกินไป เพราะหนังสือเหล่านี้เป็นเนื้อหาหนัก เขียนโดยนักวิชาการ ด็อกเตอร์ และผู้มีความรู้สูง ซึ่งปัญหาของคนมีความรู้สูงมากเกินไปคือถ่ายทอดภาษาที่เข้าใจอยู่คนเดียว ให้เลือกอ่านหนังสือที่เขียนโดยคนทั่วไปทีอยากแชร์ประสบการณ์และความรู้ของตัวเอง คนทั่วไปเหล่านี้เขียนด้วยภาษาง่ายๆเหมือนผมและคุณ อ่านง่าย เข้าถึงง่าย ช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาได้เร็วเพราะไม่เครียดในความเป็นวิชาการอันซับซ้อน
5. เริ่มจากเรื่องที่จำเป็น การเรียนภาษาอังกฤษจะไปได้เร็วกว่ามากถ้าคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร ถ้าคุณกำลังจะไปแลกเปลี่ยนก็เน้นคำศัพท์เกี่ยวกับการเรียน ถ้ากำลังจะไปงานสมนาต่างประเทศก็เน้นเรื่องการสนทนาไว้คุยกับเพื่อนร่วมงาน ไปในช่วงพักระหว่างม.ปลายกับมหาลัยก็เน้นคำคัพท์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ถ้าคุณเริ่มเรียนภาษาอังกฤษโดยหวังจะเรียนรู้ได้ทุกอย่างราวกับมีเวทมนตร์ มีแต่จะหมดกำลังใจและสับสนเสียเปล่า
Create Date : 22 ตุลาคม 2564 |
Last Update : 22 ตุลาคม 2564 14:48:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 686 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| Smember | | ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
IELTS คือ ข้อสอบทดสอบภาษาอังกฤษครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง (Listening) การพูด (Speaking) การอ่าน (Reading) และการเขียน (Writing) คำว่า ไอเอลส์ ย่อมากจาก International English Language Testing System IELTS คะแนนเต็ม 9 โดยคะแนนจะแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ เริ่มจากระดับ 1 คือไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เลย ถึง ระดับ 9 คือความสามารถในการใช้ภาษาดีเลิศ ในปัจจุบันการสอบไอเอลส์ มีให้เลือกสอบอย่างหลายหลายตามวัตถุประสงค์ของการใช้คะแนน นอกจาก IELTS Academic และ General ที่เราได้ยินกันจนคุ้นหูและทราบดีว่าส่วนใหญ่มักใช้สำหรับการสมัครเรียนหรือสมัครงาน ยังมีการสอบ IELTS UKVI ซึ่งเป็นการสอบสำหรับทำวีซ่าเพื่อใช้เข้าประเทศในสหราชอาณาจักร หรือจะเป็น IELTS Life Skills เป็นการสอบสำหรับบุคคลที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าตนมีทักษะในการพูดและการฟังในระดับ A1 หรือ B1 ตามกรอบมาตรฐานการประเมินความสามารถทางภาษาจากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป
|
|
|
|
|