All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 ตุลาคม 2562
 
All Blogs
 
*** Terminator: Dark Fate *** สตรีนิยมโค่นล้มจักรกล

*** Terminator: Dark Fate ***






กลับมาเป็นครั้งที่ 6 สำหรับหนังชุด Terminator ที่คราวนี้พิเศษกว่าตรงที่ผู้กำกับภาคแรกและภาคสองอย่าง James Cameron ประกาศเอาไว้ว่าให้ลืมภาคอื่นๆให้หมด เพราะนี่เป็นภาคสามอย่างเป็นทางการของหนังชุดนี้



(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)



อันที่จริง Terminator: Dark Fate ยังคงมาพร้อมกับ plot เดิมๆแบบหนังภาคหนึ่งและภาคสอง ที่ว่าด้วย


“ตัวละครที่มาจากอนาคตเพื่อปกป้องตัวละครอีกตัวหนึ่งในยุคปัจจุบันจากการตามล่าของหุ่นยนต์สังหารที่มาจากอนาคต”



การที่หนังนำ plot เดิมเหมือนกับเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว กลับมาเล่าใหม่ในยุคปัจจุบันนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจว่าบริบทของสังคมในแต่ละยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และนี่เองที่ทำให้ Terminator: Dark Fate ที่มาพร้อมกับ plot เรื่องโบราณ กลายเป็นบทบันทึกถึงสังคมในยุคปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ







ก่อนอื่นเรามาพิจารณา Terminator: Dark Fate ในฐานะหนังเดี่ยวโดยไม่อิงกับภาคเก่า เราจะพบ Plot เรื่องง่ายๆว่า



Grace (Mackenzie Davis) มนุษย์ดัดแปลงจากอนาคต ถูกส่งย้อนเวลากลับมาช่วย Dani (Natalia Reyes) ที่ถูกตามล่าโดย Rev-9 (Gabriel Luna) หุ่นยนต์ล่าสังหารจากอนาคต ซึ่งทั้ง Grace และ Dani ยังได้รับการช่วยเหลือจาก Sarah (Linda Hamilton) หญิงชราที่เคยผ่านเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน



ดังนั้นนี่คือหนังที่ว่าด้วย “ผู้หญิงสามคนที่ต้องเอาตัวรอดจากอนาคตที่หุ่นยนต์ได้เข้ามาแทนที่มนุษย์”


จึงไม่ใช่เรื่องเกินเลยไปนักที่จะบอกว่า



Terminator: Dark Fate คือหนังที่เชิดชูเพศหญิง






บทสนทนาและสถานการณ์หลายอย่างช่วยขับเน้นประเด็นนี้อยู่หลายช่วงตอน อย่างเช่น

ฉากบนรถไฟที่ Sarah พูดกับ Dani ว่า เธอไม่ใช่สิ่งสำคัญในอนาคตหรอก สิ่งที่สำคัญคือมดลูกของเธอต่างหาก ก่อนที่ฉากบนเครื่องบินช่วงท้ายเรื่อง Grace จะเฉลยว่า ผู้นำมนุษยชาติในอนาคต ไม่ใช่ลูกของ Dani หากแต่เป็นตัว Dani เองต่างหาก



นี่เองที่เป็นการให้คุณค่าของตัวละครเพศหญิงที่มีคุณค่ามากกว่า “การให้กำเนิดผู้นำ” แต่ผู้หญิงสามารถเป็น “ผู้นำ” ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้กำเนิดใคร


ดังนั้นมุมมองเดิมเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วจึงถูกทำลายด้วยบริบทของสังคมปัจจุบัน ที่เรื่องเพศไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป



ผู้หญิงมีคุณค่าในตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสถานะแม่






และเมื่อย้อนกลับมาดูฉากเปิดเรื่องที่ John Conner ลูกชายของ Sarah ผู้ที่จะต้องกลายเป็น “ผู้นำมนุษย์ชาติในอนาคต” ถูกกำจัดออกไปตั้งแต่ต้นเรื่อง

นี่เองที่เป็นการตอกย้ำว่าว่า หนังชุด Terminator ได้หลุดพ้นจากการผูกมัดบทบาทผู้นำของเพศชายไปแล้ว



เพิ่มเติม:

แล้วตัวละคร T-800 หรือ Carl (Arnold Schwarzenegger) ที่อยู่ในกลุ่มของตัวเอกที่เป็นหญิงล้วน ไม่ใช่ตัวละครของเพศชายหรืออย่างไร ?

ความหนักแน่นของการเชิดชูเพศหญิงหรือความเป็นสตรีนิยม (Feminist) ของหนังจะลดลงไปหรือไม่ ?



คำตอบคือ ไม่

เพราะต้องบอกว่าหนังให้ภาพของ T-800 ที่ใช้ชื่อใหม่ว่า Carl เป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีเพศ และหนังยังนำเสนอให้เห็นว่า T-800 ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางกายกับมนุษย์ได้ และไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์แม้ตัวเขาจะพยายามแล้ว ดังนั้น T-800 ก็คือตัวแทนของเทคโนโลยี ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเพศชายไม่ต่างกับ Rev-9 ที่เป็นหุ่นยนต์ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเพศชาย เท่านั้น






ที่นี้เรามาพิจารณา โดยเทียบ Terminator: Dark Fate กับหนัง Terminator 2 ภาคแรกกันบ้าง

ที่ต้องเปรียบเทียบก็เพราะหนังใช้ plot เดียวกันกับ 2 ภาคแรก แต่ต่างกันที่ปีที่หนังออกฉาย



ตัวร้าย

ภาค 1 = T-800 (หุ่นยนต์ที่มีร่างกายเป็นโครงโลหะ)

ภาค 2 = T-1000 (หุ่นยนต์ที่มีร่างกายเป็นโลหะเหลว)

Dark Fate = Rev-9 (หุ่นยนต์ที่มีร่างกายเป็นโครงโลหะผสมโลหะเหลว)



ผู้ถูกล่า

ภาค 1 = Sarah Connor

ภาค 2 = John Connor

Dark Fate = Dani Ramos



ผู้ปกป้อง

ภาค 1 = Kyle Reese (มนุษย์)

ภาค 2 = T-800 (หุ่นยนต์)

Dark Fate = Grace มนุษย์ดัดแปลง (มนุษย์ผสมหุ่นยนต์)



เราจะพบว่า Terminator: Dark Fate เป็นเหมือนการหยิบเอาภาค 1 และ ภาค 2 มารวมกัน (ผู้ล่า และ ผู้ปกป้องคือการเอาลักษณะตัวละครจากภาค 1 และ ภาค 2 มารวมกัน)



แต่สิ่งที่ต่างไปจากเมื่อ 28 ปีที่แล้วก็คือ บทบาทของตัวละครเพศหญิงในฐานะ ผู้ปกป้อง และผู้นำ หลังจากถูกผูกขาดโดยเพศชายมา 2 ภาค






เห็นได้ชัดว่า Terminator: Dark Fate เป็นความบันเทิงที่เน้นขายฉาก action และหนังก็เต็มที่กับส่วนนี้จริง อีกทั้งการนำเสนอฉาก action แบบมีจังหวะการเล่าที่มีผ่อนมีเร่ง ทำให้หนังเป็นความสนุกที่ไม่น่าเบื่อ

ที่สำคัญก็คือการให้เวลาผู้ชมในการสร้างความผูกพันกับตัวละครหลัก ก็เป็นส่วนสำคัญให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังได้ไม่ยาก

ต้องชมไปที่การกำกับและจังหวะของฉาก action ที่ผู้กำกับ Tim Miller นำเสนอออกมาได้อย่างดี



แต่แผลใหญ่ของหนังก็คือความเป็นเหตุผลของหนัง ไม่ว่าจะเป็นตรรกะเรื่องการย้อนเวลา (เช่น ถ้าไม่มี Skynet แล้ว T-800 ถูกส่งมาได้อย่างไร) หรือการที่ตัวละครผ่านสถานการณ์ที่เป็นปัญหามาได้ง่ายดายเพียงเพื่อที่จะได้ขายฉาก action แบบจัดเต็ม (ขึ้นเครื่องบินขนส่งของทหารอย่างงายดาย)

เหล่านี้ทำให้หนังขาดความหนักแน่นของเนื้อเรื่องลงไป






โดยภาพรวมแล้ว Terminator: Dark Fate เป็นหนัง action ที่ทำออกมาได้สนุก แม้บทหนังอาจจะยังไม่ถึงขั้นน่าประทับใจ

แต่ที่น่าสนใจและช่วยยกระดับหนังให้เหนือกว่าภาคต่ออื่นๆก็คือ การที่หนังนำ plot เดิมกลับมาใช้ ซึ่งนอกจากเป็นการคารวะหนัง 2 ภาคแรกแล้ว การดัดแปลงบทให้เข้ากับบริบทของสังคมในยุคปัจจุบัน ทำให้การดูหนังเรื่องนี้ในฐานะภาคต่อ จึงเป็นเหมือนการทำความเข้าใจในบริบทของสังคมใน 2 ยุคสมัยที่ต่างกัน



เหมือนกับที่ T-800 กำลังจะหยิบแว่นตาดำมาใส่ให้เหมือน 2 ภาคแรก แต่แล้วก็เลือกที่จะไม่ใส่ราวกับจะบอกว่า บางทีแม้จะเป็นเรื่องราวเดิมๆ แต่เราก็ต้องเปลี่ยนวิธีในการมองเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป





7 / 10




Create Date : 31 ตุลาคม 2562
Last Update : 31 ตุลาคม 2562 19:20:27 น. 1 comments
Counter : 1731 Pageviews.

 
กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/39368540


โดย: navagan วันที่: 10 พฤศจิกายน 2562 เวลา:1:41:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.