BlogGang.com : : navagan : *** Red Sparrow *** เพศสัมพันธ์และความสัมพันธ์เชิงอำนาจ

*** Red Sparrow *** เพศสัมพันธ์และความสัมพันธ์เชิงอำนาจ

*** Red Sparrow ***

Red Sparrow สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันของ Jason Matthews (ที่รับหน้าที่ดัดแปลงบทหนังด้วย) หนังเป็นผลงานของผู้กำกับ Francis Lawrence

โดยเนื้อเรื่องแล้ว นี่คือหนังสายลับยุคปัจจุบันที่ยังมีกลิ่นของสงครามเย็นหลงเหลืออยู่ หนังเล่าเรื่องของ Dominika นักบัลเลต์สาวชาว Russia ที่ต้องผันตัวมาเป็นสายลับ Sparrow ที่ต้องใช้หน้าตาและร่างกายเพื่อล่อลวงล้วงความลับ จากฝ่ายตรงข้าม

ซึ่งจะว่าไปแล้ว Red Sparrow ไม่ได้แตกต่างจากหนังสายลับเรื่องอื่นๆที่เคยผ่านตากันมาแล้ว อีกทั้งการปฏิบัติภารกิจของ Dominika ก็ไม่ได้ใช้ทักษะจากการฝึกเป็น Sparrow ตามชื่อเรื่องมากนัก แต่หนังเน้นหนักไปที่การเอาตัวรอดในโลกสายลับของ Dominika เสียมากกว่า

อย่างไรก็ตามสิ่งที่โดดเด่นและน่าสนใจที่สุดคือการใช้เพศสัมพันธ์เป็นเครื่องมือในการแทรกแซงและปฏิบัติภารกิจ แต่หนังกลับเลือกที่จะไม่เน้นประเด็นนี้มากเท่าไรนัก ซึ่งถ้าผมได้มีโอกาสเป็นคนดัดแปลงบทหนังเรื่องนี้ อาจจะหยิบยกประเด็นนี้มาเสริมเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศที่สอดคล้องกับความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันเป็นงานของ Sparrow และเป็นประเด็นของหนังโดยตรง

(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ เหมาะกับผู้ที่ชมแล้วเท่านั้นครับ)

การมีความสัมพันธ์ทางเพศนั้น บางครั้งมันเป็นมากกว่าการสืบพันธ์, การสนองอารมณ์ตามสัญชาตญานของสิ่งมีชีวิตในการดำรงเผ่าพันธ์ และเป็นมากกว่าความรัก

Red Sparrow แสดงให้เห็นตั้งแต่เริ่มแล้วว่า การมีเพศสัมพันธ์ คือหนทางในการเอาชนะศัตรู หรือเป็นหนทางในการเพิ่มอำนาจและรักษาอำนาจเอาไว้ และงานของเหล่าสายลับ Sparrow ก็เป็นงานที่ต้องใช้การมีเพศสัมพันธ์ในการสร้างอำนาจหรือข้อได้เปรียบเหนือศัตรู

ดังนั้นฉากการมีเพศสัมพันธ์ (รวมถึงการพยายามมีเพศสัมพันธ์) ในหนัง สามารถแสดงถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจได้เป็นอย่างดี

โดยรูปแบบของการมีเพศสัมพันธ์อาจหมายถึงการแสดงอำนาจที่เหนือกว่า อาจหมายถึงการแสดงความเป็นเจ้าของ อาจหมายถึงการยอมรับข้อตกลงร่วมกัน

เราจะมาพิจารณาถึงฉากที่เกี่ยวข้องกับการมีและการพยายามมีเพศสัมพันธ์กันดีกว่า

ฉากแรกคือฉากที่ Dominika ต้องเข้าไปเสนอตัวให้นักการเมือง Russia

เราจะพบว่าฝ่ายชายชอบ Dominika ในฐานะดาวเด่นของคณะบัลเลต์ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขารับรู้เกี่ยวกับตัวเธอและเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหลงไหลเธอ

เพศสัมพันธ์จึงเริ่มต้นที่ฝ่ายชายชื่นชมกับเรียวขา (อวัยวะชิ้นสำคัญของนักบัลเลต์) ก่อนที่จะพยายามสอดใส่โดยไม่เล้าโลมฝ่ายหญิงก่อน

นี่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายชายมองฝ่ายหญิงเป็นวัตถุทางเพศที่มีไว้เพื่อตอบสนองอารมณ์ของฝ่ายชายโดยไม่สนใจความรู้สึกและอารมณ์ของฝ่ายหญิงเลยแม้แต่น้อย

และหากพิจารณาท่าทางในการมีเพศสัมพันธ์ของทั้งคู่ เราจะพบว่าฝ่ายชายอยู่ข้างบนและคอยควบคุมกิจกรรมโดยที่ทั้งชายและหญิงหันหน้าเข้าหากัน

นี่สามารถตีความได้ว่า ฝ่ายชายมั่นใจในอำนาจที่เหนือกว่าเพราะอยู่ข้างบน และสามารถควบคุมได้โดยตรง (ไม่ต้องแอบเข้าทางข้างหลังตอนเผลอ)

[ความสัมพันธ์เชิงอำนาจของฉากการมีเพศสัมพันธ์นี้ สะท้อนอำนาจของ Dominika ในช่วงเวลาเดียวกันในเรื่องว่าเธอไร้อำนาจที่จะต่อสู้หรือต่อต้านสิ่งที่กดดันและควบคุมเธออยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาของเธอหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวเธอ]

ฉากที่สองเป็นฉากที่ Dominika จะโดนเพื่อนชายร่วมชั้น Sparrow พยายามที่จะข่มขืนเธอขณะที่เธอยืนอาบน้ำในห้องน้ำ แต่การมีเพศสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่สำเร็จ เพราะเธอขัดขืนได้

ลักษณะการพยายามจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งนี้ เป็นการพยายามแสดงอำนาจที่เหนือกว่าของฝ่ายชาย ในขณะที่ฝ่ายชายไม่มั่นใจในอำนาจที่ตัวเองมี จึงต้องลงมือโดยที่ฝ่ายหญิงไม่รู้ตัวและกำลังหันหลังให้

และโดยตำแหน่งของทั้งคู่ที่อยู่ในท่ายืนด้วยกัน นั่นทำให้ไม่มีใครสูงหรือต่ำกว่าใคร แสดงให้เห็นอำนาจที่สูสีกัน

สุดท้าย Dominika โดนสั่งทำโทษ ให้เปลื้องผ้าหน้าชั้นแล้วยอมให้เพื่อนชายคนนั้นมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ Dominika เข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องของอำนาจ มากกว่าความต้องการทางเพศ

เธอจึงแสดงอำนาจที่เหนือกว่านั่นคือเปลื้องผ้าแล้วหันหน้าให้เพื่อนชายคนนั้น ก่อนจะท้าให้เขาสอดใส่จากด้านหน้า

ซึ่งสุดท้ายอวัยวะเพศของฝ่ายชายก็ไม่แข็งตัว นั่นก็เพราะความต้องการทางเพศของชายคนนี้มาพร้อมกับความต้องการมีอำนาจที่เหนือกว่า

หากพิจารณาถึงฉากนี้ เราวิเคราะห์ได้ว่า Dominika และฝ่ายชายยืนอยู่ในระดับเท่ากัน และเธอหันหน้าเข้าประจันกับเขา แถมเธอยังเป็นคนออกคำสั่งให้เขาสอดใส่ (ซึ่งเป็นการแสดงอำนาจในการสั่งการของเธอ ถ้าเขาสอดใส่นั่นหมายความว่าเขาทำตามคำสั่งเธอ และตกอยู่ใต้อำนาจของเธอ) ชายคนนั้นจึงไม่สามารถทำให้อวัยวะเพศของเขาแข็งตัวได้ และเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปในที่สุด

[ความสัมพันธ์เชิงอำนาจของฉากการมีเพศสัมพันธ์นี้ สะท้อนเรื่องราวของ Dominika ในช่วงเวลาเดียวกันในเรื่องว่าเธอเรียนรู้ที่จะใช้อำนาจในการต่อกรกับอำนาจ]

ฉากที่สามคือฉากการมีเพศสัมพันธ์ของ Dominika และ Nash เจ้าหน้าที่ CIA ที่เป็นเป้าหมายของเธอ

จากเนื้อเรื่อง เราจะพบว่า Nash พยายามที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์ทางเพศกับ Dominika เพราะยังไม่มั่นใจในตัวเธอ และเขาพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ให้ได้ด้วยการไม่ยุ่งกับเธอ แต่เราจะพบว่าลึกๆแล้วเขาก็ชอบเธออยู่ไม่น้อย

ฉากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของทั้งคู่จึงเป็นการที่ Dominika เป็นฝ่ายเริ่มต้น โดยเธอควบคุมเกมอยู่ด้านบนตัวเขาซึ่งเป็นการแสดงอำนาจที่เหนือกว่า

อย่างไรก็ตามแม้เธอจะคุมเกม แต่ตำแหน่งของทั้งคู่นั้นไม่ได้สูงหรือต่ำกว่ากันมากนัก นั่นก็เพราะทั้งคู่อยู่ในท่านั่ง ซึ่งอำนาจของทั้งคู่ในจุดนี้ไม่ต่างกันมาก และทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน ราวกับจะคานอำนาจกันอยู่ โดยที่ไม่มีฝ่ายใดละสายตาจากกัน

(ถ้า Dominika อยู่ในท่านั่งแต่หันหลังให้ Nash การตีความเรื่องอำนาจจะเปลี่ยนไปทันที นั่นคือ Dominika เป็นฝ่ายเดินเข้าหาและมอบอำนาจให้ Nash เต็มที่ เพราะเธอไม่ระวังหลังของตัวเอง ปล่อยให้ Nash ควบคุมและเฝ้ามองได้สะดวกขณะที่เธอไม่สนใจที่จะเฝ้าระวังเขา)

[ความสัมพันธ์เชิงอำนาจของฉากการมีเพศสัมพันธ์นี้ สะท้อนเรื่องราวของ Dominika ในช่วงเวลาเดียวกันในเรื่องว่าเธอกำลังพยายามต่อรองทางอำนาจกับฝ่ายตรงข้าม]

ฉากสุดท้ายคือฉากเพศสัมพันธ์ครั้งที่สองของ Domonika และ Nash ที่คราวนี้มาในรูปแบบปกติของคนที่รู้จักกัน ดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความปรารถนามากกว่าเรื่องราวในเชิงอำนาจ

แต่มันก็สามารถตีความในเชิงอำนาจได้อยู่ดีว่า อำนาจของทั้งคู่เท่าเทียมกัน และเต็มใจที่จะแบ่งปันอำนาจซึ่งกันและกัน

ซึ่งนี่เองที่ทำให้ผู้ชมเดาได้ไม่ยากแล้วว่า Dominika เลือกและคิดที่จะทำอะไร

[ความสัมพันธ์เชิงอำนาจของฉากการมีเพศสัมพันธ์นี้ สะท้อนเรื่องราวของ Dominika ในช่วงเวลาเดียวกันในเรื่องว่าเธอให้ความร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อใช้อำนาจของกันและกัน]

Red Sparrow มีวัตถุดิบที่ดีและประเด็นที่น่าสนใจ แต่หนังไม่สามารถขับเน้นได้อย่างที่ควรจะเป็น

ส่วนบทหนังยังมีช่องโหว่ และเลือกที่จะใช้ความบังเอิญมาแก้ไขสถานการณ์มากเกินไป จนเมื่อการเฉลยเรื่องราวมาถึง จึงดูไม่น่าเชื่อถือมากนักเพราะมีน้ำหนักน้อยเกินไป

Jennifer Lawrence มอบการแสดงที่ทุ่มเท แต่ยังขาดความเฉียบคมด้านมิติความลึกของตัวละคร ซึ่งก็ต้องโทษที่ไปบทหนังด้วย

Red Sparrow จึงเป็นหนังสายลับยุคใหม่ที่มีกลิ่นของความเป็นหนังสายลับยุคสงครามเย็นที่ทำได้แค่พอใช้ ทั้งๆที่วัตถุดิบของมัน สามารถพาหนังไปได้ไกลและน่าจะเป็นความสดใหม่ได้มากกว่านี้

7 / 10

Create Date : 04 มีนาคม 2561

Last Update : 5 มีนาคม 2561 22:41:14 น.

1 comments

Counter : 4110 Pageviews.

กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/37430768

โดย: navagan

วันที่: 14 เมษายน 2561 เวลา:21:47:41 น.