[2010-02-17]
บล็อกนี้ เขียนต่อจากเมื่อวาน อ่านย้อนหลังได้ที่นี่ครับ


เช้าวันรุ่งขึ้น ออกมาเดินเล่นริมโขง อากาศสดชื่น ผมได้ห้องพักริมโขนิดแบบที่นั่งในห้องก็ชมวิวแม่น้ำโขงได้
เท่าที่ทราบในตอนนี้ก็มีแต่โรงแรมสุขสมบูรณ์เท่านั้นครับ ที่มีห้องพักแบบนี้
แถมเมื่อคืนตอนนอนมีเรื่องตื้นเต้นเล็กน้อย คือแฟนผมเค้าพึมพัมอะไรสักอย่างตอนดึกๆ ผมเลยลืมตาขึ้นมาดู
เห็นว่าเขาตื่นอยู่ มองมาทางผม ปาดท่องอะไรพึมพัม ผมเลยถามว่า เธอพึมพัมอะไรเหรอ
ไม่มีคำตอบครับ เธอหันหลังให้แล้วยังพึมพัมต่อ เป็นอันรู้กันว่า เจออะไรดีๆเข้าแล้วแน่ๆ ผมเลยนอนต่อไปโดยไม่ถาม

ตื่นมาเช้าวันนี้ ถามได้ความว่า คืนนั้นเธอเห็นเด็กเหมือนกุมารทอง เอามือมายีหัวผมเล่นสนุกสนาน
แต่ทำอะไรผมไม่ได้ เพราะที่หัวผม เหมือนมีอะไรสักอย่างครอบอยู่ แต่เด็กก็ไม่ได้มีท่าทางทำร้าย
ท่าทางเหมือนเด็กที่จะหยอกเย้ากับพ่อแม่มากกว่า และตอนนั้นเธอไม่ได้หลับด้วย

ผมมาทบทวนดู ก็พอจะเดาได้ว่า พวกผมสองคนแต่งงานกันมา 10ปี ไม่คิดจะมีลูก
ไม่แน่ว่าเด็กนั้น อาจจะมาขอเป็นลูกก็ได้ ทริปนี้ หลายครั้งที่ไหว้พระธาตุหรือไหว้พระ
ผมจะอธิษฐานแบ่งส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ เพราะถึงยังไงพวกผมก็ไม่คิดจะมีลูกอยู่ดี
ถ้าตามมาจะเสียเวลาเปล่าๆ (ไม่รู้จะเข้าใจถูกไหมนะ ฮา)




นักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมนี้ ทางโรงแรมจะมีเสื่อและของใส่บาตรเตรียมให้ด้วย
ถ้าใครต้องการก็สามารถสั่งกับเจ้าของโรงแรมได้ครับ บริการเป็นกันเอง และซื่อสัตย์ต่อลูกค้ามาก
ผมขอยืนยัน เพราะผมลองใจด้วยการเข้าพักแบบ walk in ตอนเกือบ 5 โมงเย็น ขอพักห้องริมโขง
เจ้าของโรงแรมบอกว่า ไม่ได้ มีคนจองแล้ว ทั้งที่เวลาตอนนั้นก็เย็นแล้ว และผมก็ไม่ได้โทรคอนเฟิร์มด้วย
คุณน้าเจ้าของโรงแรมก็ไม่ได้เห็นแก่เงินยกห้องให้ลูกค้าอื่นแต่อย่างใด ผมจึงเฉลยว่า ลูกค้าที่โทรมาจองคนนั้น
ก็คือพวกผมสองคนนี่แหละครับ ก็เลยรู้สึกประทับใจในการบริการและความซื่อสัตย์ของที่นี่ครับ




ภาพนี้ มอบให้ใครบางคนที่ถึงเวลาแล้ว แต่ยังลังเล ไม่ตัดสินใจเสียที
ถ้ารถด่วนขบวนสุดท้ายผ่านไป ระวังจะต้องดูป้ายบอกทางอันนี้นะครับ




ราวๆ 6:45น. พระก็เดินแถวมารับบาตรจากชาวบ้าน มีลูกศิษย์ 4 ขา เดินนำหน้ามาด้วย น่ารักมาก




ลูกค้าของโรงแรม รอใส่บาตรข้าวเหนียว เหมือนกับที่หลวงพระบาง




ฝรั่งสนใจวัฒนธรรมการใส่บาตรของเรามาก ยืนถ่ายรูปด้วยความสนใจ




สุวรรณรามา ที่นี่เคยเป็นโรงหนังเก่าของ อ.เชียงคาน ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นร้านกาแฟครับ




เช้าๆ ก็ต้องไปดูตลาดเช้า จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่ว่าเขาอยู่กันอย่างไร กินอะไรกันบ้าง




โรงหีบฝ้าย ผลิตภัณท์ที่ขึ้นชื่อของเชียงคานอีกอย่างหนึ่งก็คือผลิตภัณท์ที่ทำมาจากฝ้ายครับ






ร้านบะหมี่เฟื่องฟ้า ร้านนี้นวดเส้นดึงเส้นเอง เส้นอร่อยมากครับ
เอารูปมายั่วน้ำลาย เตือนสักนิด ใครที่ไม่ชอบถั่วและน้ำตาล ถ้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งตาม ตจว.
ให้สั่งคนทำไว้ก่อนเลยครับว่าไม่เอาถั่วน้ำตาล ไม่งั้น จะโรยมาให้แบบนี้ทุกชาม




เก็บภาพบรรยากาศริมโขงที่เชียงคาน ก่อนจะเดินทางต่อไป




จากเชียงคาน จุดหมายทานมื้อกลางวันของเราคือหนองคายครับ
ขับเลียบโขงไปเรื่อยๆ เป็นระยะทาง 185กิโลเมตร
จะผ่านอำเภอสังคม อ.ศรีเชียงใหม่ ก่อนถึงหนองคาย




ดวงตะวันเริ่มทอแสงผ่านยอดไม้






วิวแม่น้ำโขง เกาะแก่งเยอะมาก แต่สวยงามครับ








เจอป้ายข้างทางเขียนว่า หนองปลาบึก จุดชมบั้งไฟพยานาค เลยจอดรถแวะถ่ายรูปครับ




จอดรถอีกครั้งที่ อ.สังคม เจอเจ้าสิ่งนี้ครับ
เดาว่าน่าจะเป็นโครงของเรือไฟ ที่ใช้ในเทศกาลไหลเรือไฟ




แม่น้ำโขงช่วงนี้กว้างและดูลึก แต่ก็เห็นสันทรายโผล่มาจากน้ำให้เห็นอยู่ทางฝั่ง สปป.ลาว




ถัดจากอ.สังคมก็จะเป็น อ.ศรีเชียงใหม่ ที่เมื่อมองข้ามฝั่งโขงไป
จะเห็นเมืองเวียงจันเมืองหลวงของ สปป.ลาว




ไม่นานนัก เราก็มาถึงหนองคาย ที่ตั้งของสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งแรกครับ






มาถึงหนองคาย ก็ต้องไปที่ท่าเสด็จ ตลาดการค้าชายแดน
แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปในตลาดมาให้ดูหรอกครับ เพราะวิวริมโขงสวยกว่าเยอะเลย




ผมเอารถไปจอดที่วัดนี้ครับ ต้องถ่ายรูปมาเพราะเห็นว่าสวยดี




ตึกที่ทำการศุลกากรท่าเสด็จ สร้างมานานมาก
เรียกว่าสมัยนั้นยังใช้คำว่า ศุลกสถานอยู่เลยครับ




ตึกนี้เขียนว่าสร้างมาตั้งแต่ปี 2509 ดูจากตัวตึกแล้วน่าจะอนุรักษณ์ไว้เป็นพิพิธภัณท์ได้สบายๆ




รถจากฝั่งลาวมาวิ่งที่หนองคายเยอะครับ




ผมขับรถเที่ยวไปทั่วหนองคายจะหาทางไปเดินเล่นบนสะพานมิตรภาพ
จนหลงเข้าไปที่ด่านข้ามแดน รถมาต่อคิวผ่านแดนกันเยอะ
ผมทะเร่อทะร่าเข้าไป ต้องถอยรถแทบไม่ทัน




จากหนองคาย ผมวิ่งรถเส้นเลียบแม่น้ำโขง ยาวไปจนถึงนครพนม ระยะทางประมาณ 320กิโลเมตร
ผ่าน อ.บึงกาฬ อ.บุ่งคล้า อำเภอที่น้าคนขับรถชาวอิสานบอกผมว่าเป็นอำเภอที่ไกลที่สุดของอิสาน




ไม่รู้ว่าจะเป็นโชคดีหรืออย่างไร เย็นนั้นผมได้ห้องพักที่โรงแรมวิวโขง
เป้นห้องวิวแม่น้ำโขงที่ผมคิดว่า เป็นวิวแม่น้ำที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยพักโรงแรมมาเลย
วันนี้จบที่วิวแม่น้ำโขงยามค่ำ มองข้ามฝั่งไปเห็นไฟบ้านเรือนของพี่น้องชาวลาวอยู่รำไร



เลียบโขงวันต่อไปคลิ้กที่นี่เลยครับ

สรุปทริปนี้ไปทั้งหมด 5 วัน อ่านบล็อกของแต่ละวันตามรายการข้างล่างนี้ครับ
- ขับรถเลียบชายโขง วันที่ ๑ กรุงเทพฯ หล่มสัก ด่านซ้าย ท่าลี่ เชียงคาน
- ขับรถเลียบชายโขง วันที่ ๒ เชียงคาน ศรีเชียงใหม่ หนองคาย บุ่งคล้า บึงกาฬ นครพนม
- ขับรถเลียบชายโขง วันที่ ๓ นครพนม มุกดาหาร
- เที่ยวอิสานวันที่ ๔ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร สหัสขัณธ์ กาฬสินธุ์
- เที่ยวอิสานวันที่ ๔ วัดพระธาตุหนองแวง จ.ขอนแก่น
- เที่ยวอิสานวันที่ ๕ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จ.ขอนแก่น