ย้อนยุคฟังเพลงแห่งความหลัง1.ค่ำแล้วในฤดูหนาว 2.แหวนประดับก้อย3.ภาพดวงใจ 4.อยู่ริมทะเล 5.ผีเสื้อกับดอกไม้ครูล้วน ควันธรรม เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2455 ที่จังหวัดธนบุรี (ฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) เป็นบุตรของนายลายและนางเฟื่อง ควันธรรม จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก และโรงเรียนเซนต์คาเบรียล สมรสกับ นันทา พันธุ์พฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2499 มีบุตรธิดา 6 คน ในวัยเด็กครูล้วนฝึกฝนการร้องเพลงและเล่นดนตรี จากการซื้อแผ่นเสียงของนักร้องมีชื่อเสียงมาฝึกฝนด้วยตนเอง ต่อมาได้ศึกษาการเรียนโน้ตสากลจาก "ครูสริ ยงยุทธ" และเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่นั้น เพลงแรกที่แต่งคือเพลง "วิมานในฝัน" เมื่อ พ.ศ. 2477พ.ศ. 2482 หลวงสุขุมนัยประดิษฐก่อตั้งวงดนตรีกรมโฆษณาการและรับสมัครนักร้อง ท่านเข้ามาสมัครและได้เป็นนักร้องรุ่นแรกของวง ซึ่งประกอบด้วย รุจี อุทัยกร, มัณฑนา โมรากุล, และล้วน ควันธรรม ครูล้วน ควันธรรม จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านจึงลาออกจากราชการ แล้วตั้งวงดนตรีแชมเบอร์มิวสิก ขนาดสี่คนเล่นที่ศาลาเฉลิมกรุง และตระเวนเล่นตามวิกต่างๆ ในช่วงหลังของชีวิต ครูล้วน ควันธรรม จัดตั้งโรงเรียนประสาทพร ขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีและจัดทำรายการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ เกี่ยวกับการร้องเพลงและการอนุรักษ์ภาษาไทย โดยใช้นามว่า "ลุงพร" ประจำที่สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ครูล้วนมีลูกศิษย์ลูกหาหลายท่าน ที่มีชื่อเสียงคือชาลี อินทรวิจิตร และ ชรินทร์ นันทนาคร ครูล้วน ควันธรรม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2522 อายุได้ 67 ปี CR:://programcom.yolasite.com/ เนื้อเพลง ผีเสื้อกับดอกไม้ (Butterflies and flowers)คำร้อง : ล้วน ควันธรรมทำนอง : Blue Danube ของ โยฮันน์ สเตร้าส์ (JOHANN STRAUSS)ขับร้อง : ล้วน ควันธรรม (Luan Khuandham)บันทึกเสียงก่อน พ.ศ.๒๔๙๕ (Recorded before 1952)-------------------------------------------- เมื่อยามรุ่งสุริย์ เรืองรอง แสงทองส่องฟ้าอำไพสดสวยดูโน่นซิอะไร ไหน อ๋อ นั่นหมู่ภมรงามตาแผ่วเบาดั่งสำลีลอยลมไปไกล ต่างหมู่ดูวิไล บ้างก็บินไปบ้างก็บินมาหมู่หนึ่งลงคลุกเคล้าเชยชม ผกางามตาพาให้เพลินฤทัยดอกนี้ไป ดอกนั้น เวียนวน เคล้าชมอยู่จนพอใจ เสร็จแล้วบินถลาลอยไป ไหนงามมิเท่ามิทัน ดอกไม้เกลื่อนเต็มสวนดูงาม สวยยามต้องแสงตะวันแปลกสีงามสุดสรรรำพัน ฉันเพลินชมหมู่ผกา ส่งกลิ่นตามสายลมรวยรินรำเพย สุดเอ่ยความหอมเย็น ชุ่มชื่นอุรา กุหลาบ และคัดเค้า มะลิ จำปา ลัดดาชูดอกงามวิไลดอกนั้น นั่นคือเล็บมือนาง สวยงาม อย่างเล็บนางในอ่อนช้อยดังกรีดเล็บมาไป ไหนงามมิเท่ามิทันเปรียบดังถิ่นสวรรค์มาเยือน สวยงามติดเตือนใจกันสดสวยดังภาพนึกรำพัน สรรมาล้วนแต่วิไลเยือกเย็นยามสายลมรำเพย เบาๆ เมฆหมอกเป็นสีเทาลิบๆ ลอยไปแห่งดังจิ๊บๆ เอ๊ะ นกอะไร เพลินใจเมื่อได้ฟังเสียงมันมองอยู่ โดยนึกรำพึง เหมือนใคร ผู้หนึ่งเขารำพันฝากฝังความใฝ่รักในกันฉันเพลินเพราะภาพนั้นงาม .
ครูล้วน ควันธรรม เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2455 ที่จังหวัดธนบุรี (ฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) เป็นบุตรของนายลายและนางเฟื่อง ควันธรรม จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก และโรงเรียนเซนต์คาเบรียล สมรสกับ นันทา พันธุ์พฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2499 มีบุตรธิดา 6 คน ในวัยเด็กครูล้วนฝึกฝนการร้องเพลงและเล่นดนตรี จากการซื้อแผ่นเสียงของนักร้องมีชื่อเสียงมาฝึกฝนด้วยตนเอง ต่อมาได้ศึกษาการเรียนโน้ตสากลจาก "ครูสริ ยงยุทธ" และเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่นั้น เพลงแรกที่แต่งคือเพลง "วิมานในฝัน" เมื่อ พ.ศ. 2477พ.ศ. 2482 หลวงสุขุมนัยประดิษฐก่อตั้งวงดนตรีกรมโฆษณาการและรับสมัครนักร้อง ท่านเข้ามาสมัครและได้เป็นนักร้องรุ่นแรกของวง ซึ่งประกอบด้วย รุจี อุทัยกร, มัณฑนา โมรากุล, และล้วน ควันธรรม ครูล้วน ควันธรรม จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านจึงลาออกจากราชการ แล้วตั้งวงดนตรีแชมเบอร์มิวสิก ขนาดสี่คนเล่นที่ศาลาเฉลิมกรุง และตระเวนเล่นตามวิกต่างๆ ในช่วงหลังของชีวิต ครูล้วน ควันธรรม จัดตั้งโรงเรียนประสาทพร ขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีและจัดทำรายการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ เกี่ยวกับการร้องเพลงและการอนุรักษ์ภาษาไทย โดยใช้นามว่า "ลุงพร" ประจำที่สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ครูล้วนมีลูกศิษย์ลูกหาหลายท่าน ที่มีชื่อเสียงคือชาลี อินทรวิจิตร และ ชรินทร์ นันทนาคร ครูล้วน ควันธรรม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2522 อายุได้ 67 ปี CR:://programcom.yolasite.com/ เนื้อเพลง ผีเสื้อกับดอกไม้ (Butterflies and flowers)คำร้อง : ล้วน ควันธรรมทำนอง : Blue Danube ของ โยฮันน์ สเตร้าส์ (JOHANN STRAUSS)ขับร้อง : ล้วน ควันธรรม (Luan Khuandham)บันทึกเสียงก่อน พ.ศ.๒๔๙๕ (Recorded before 1952)-------------------------------------------- เมื่อยามรุ่งสุริย์ เรืองรอง แสงทองส่องฟ้าอำไพสดสวยดูโน่นซิอะไร ไหน อ๋อ นั่นหมู่ภมรงามตาแผ่วเบาดั่งสำลีลอยลมไปไกล ต่างหมู่ดูวิไล บ้างก็บินไปบ้างก็บินมาหมู่หนึ่งลงคลุกเคล้าเชยชม ผกางามตาพาให้เพลินฤทัยดอกนี้ไป ดอกนั้น เวียนวน เคล้าชมอยู่จนพอใจ เสร็จแล้วบินถลาลอยไป ไหนงามมิเท่ามิทัน ดอกไม้เกลื่อนเต็มสวนดูงาม สวยยามต้องแสงตะวันแปลกสีงามสุดสรรรำพัน ฉันเพลินชมหมู่ผกา ส่งกลิ่นตามสายลมรวยรินรำเพย สุดเอ่ยความหอมเย็น ชุ่มชื่นอุรา กุหลาบ และคัดเค้า มะลิ จำปา ลัดดาชูดอกงามวิไลดอกนั้น นั่นคือเล็บมือนาง สวยงาม อย่างเล็บนางในอ่อนช้อยดังกรีดเล็บมาไป ไหนงามมิเท่ามิทันเปรียบดังถิ่นสวรรค์มาเยือน สวยงามติดเตือนใจกันสดสวยดังภาพนึกรำพัน สรรมาล้วนแต่วิไลเยือกเย็นยามสายลมรำเพย เบาๆ เมฆหมอกเป็นสีเทาลิบๆ ลอยไปแห่งดังจิ๊บๆ เอ๊ะ นกอะไร เพลินใจเมื่อได้ฟังเสียงมันมองอยู่ โดยนึกรำพึง เหมือนใคร ผู้หนึ่งเขารำพันฝากฝังความใฝ่รักในกันฉันเพลินเพราะภาพนั้นงาม .
ครูล้วน ควันธรรม จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านจึงลาออกจากราชการ แล้วตั้งวงดนตรีแชมเบอร์มิวสิก ขนาดสี่คนเล่นที่ศาลาเฉลิมกรุง และตระเวนเล่นตามวิกต่างๆ ในช่วงหลังของชีวิต ครูล้วน ควันธรรม จัดตั้งโรงเรียนประสาทพร ขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีและจัดทำรายการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ เกี่ยวกับการร้องเพลงและการอนุรักษ์ภาษาไทย โดยใช้นามว่า "ลุงพร" ประจำที่สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ครูล้วนมีลูกศิษย์ลูกหาหลายท่าน ที่มีชื่อเสียงคือชาลี อินทรวิจิตร และ ชรินทร์ นันทนาคร ครูล้วน ควันธรรม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2522 อายุได้ 67 ปี CR:://programcom.yolasite.com/ เนื้อเพลง ผีเสื้อกับดอกไม้ (Butterflies and flowers)คำร้อง : ล้วน ควันธรรมทำนอง : Blue Danube ของ โยฮันน์ สเตร้าส์ (JOHANN STRAUSS)ขับร้อง : ล้วน ควันธรรม (Luan Khuandham)บันทึกเสียงก่อน พ.ศ.๒๔๙๕ (Recorded before 1952)-------------------------------------------- เมื่อยามรุ่งสุริย์ เรืองรอง แสงทองส่องฟ้าอำไพสดสวยดูโน่นซิอะไร ไหน อ๋อ นั่นหมู่ภมรงามตาแผ่วเบาดั่งสำลีลอยลมไปไกล ต่างหมู่ดูวิไล บ้างก็บินไปบ้างก็บินมาหมู่หนึ่งลงคลุกเคล้าเชยชม ผกางามตาพาให้เพลินฤทัยดอกนี้ไป ดอกนั้น เวียนวน เคล้าชมอยู่จนพอใจ เสร็จแล้วบินถลาลอยไป ไหนงามมิเท่ามิทัน ดอกไม้เกลื่อนเต็มสวนดูงาม สวยยามต้องแสงตะวันแปลกสีงามสุดสรรรำพัน ฉันเพลินชมหมู่ผกา ส่งกลิ่นตามสายลมรวยรินรำเพย สุดเอ่ยความหอมเย็น ชุ่มชื่นอุรา กุหลาบ และคัดเค้า มะลิ จำปา ลัดดาชูดอกงามวิไลดอกนั้น นั่นคือเล็บมือนาง สวยงาม อย่างเล็บนางในอ่อนช้อยดังกรีดเล็บมาไป ไหนงามมิเท่ามิทันเปรียบดังถิ่นสวรรค์มาเยือน สวยงามติดเตือนใจกันสดสวยดังภาพนึกรำพัน สรรมาล้วนแต่วิไลเยือกเย็นยามสายลมรำเพย เบาๆ เมฆหมอกเป็นสีเทาลิบๆ ลอยไปแห่งดังจิ๊บๆ เอ๊ะ นกอะไร เพลินใจเมื่อได้ฟังเสียงมันมองอยู่ โดยนึกรำพึง เหมือนใคร ผู้หนึ่งเขารำพันฝากฝังความใฝ่รักในกันฉันเพลินเพราะภาพนั้นงาม .
เนื้อเพลง ผีเสื้อกับดอกไม้ (Butterflies and flowers)คำร้อง : ล้วน ควันธรรมทำนอง : Blue Danube ของ โยฮันน์ สเตร้าส์ (JOHANN STRAUSS)ขับร้อง : ล้วน ควันธรรม (Luan Khuandham)บันทึกเสียงก่อน พ.ศ.๒๔๙๕ (Recorded before 1952)-------------------------------------------- เมื่อยามรุ่งสุริย์ เรืองรอง แสงทองส่องฟ้าอำไพสดสวยดูโน่นซิอะไร ไหน อ๋อ นั่นหมู่ภมรงามตาแผ่วเบาดั่งสำลีลอยลมไปไกล ต่างหมู่ดูวิไล บ้างก็บินไปบ้างก็บินมาหมู่หนึ่งลงคลุกเคล้าเชยชม ผกางามตาพาให้เพลินฤทัยดอกนี้ไป ดอกนั้น เวียนวน เคล้าชมอยู่จนพอใจ เสร็จแล้วบินถลาลอยไป ไหนงามมิเท่ามิทัน ดอกไม้เกลื่อนเต็มสวนดูงาม สวยยามต้องแสงตะวันแปลกสีงามสุดสรรรำพัน ฉันเพลินชมหมู่ผกา ส่งกลิ่นตามสายลมรวยรินรำเพย สุดเอ่ยความหอมเย็น ชุ่มชื่นอุรา กุหลาบ และคัดเค้า มะลิ จำปา ลัดดาชูดอกงามวิไลดอกนั้น นั่นคือเล็บมือนาง สวยงาม อย่างเล็บนางในอ่อนช้อยดังกรีดเล็บมาไป ไหนงามมิเท่ามิทันเปรียบดังถิ่นสวรรค์มาเยือน สวยงามติดเตือนใจกันสดสวยดังภาพนึกรำพัน สรรมาล้วนแต่วิไลเยือกเย็นยามสายลมรำเพย เบาๆ เมฆหมอกเป็นสีเทาลิบๆ ลอยไปแห่งดังจิ๊บๆ เอ๊ะ นกอะไร เพลินใจเมื่อได้ฟังเสียงมันมองอยู่ โดยนึกรำพึง เหมือนใคร ผู้หนึ่งเขารำพันฝากฝังความใฝ่รักในกันฉันเพลินเพราะภาพนั้นงาม .
เนื้อเพลง ภาพดวงใจต้นฉบับขับร้องโดย ล้วน ควันธรรมคำร้อง-ทำนอง ล้วน ควันธรรม-------------------------------------------- มองภาพนี้ไกลห่าง ยลหน้านางเด่นเลอโฉมเพียงแต่พิศน่าโลม งามอวดโฉมแม่เอ่ย ตาแม่เย้ยใจหวั่นมีภาพนี้แทนอยู่ พอชื่นชูปลอบใจฉันคราจากร้างห่างกัน ทนโศกศัลย์รออยู่ รอยอดชู้ดวงใจหลงรักเหลือภาพนี้พี่ห่วง คิดถึงนักรักหน่วงใจไว้วันเดือนปีเปลี่ยนเวียนมาใหม่ เธอจากไปไม่เหลียวมองรอยจูบฝันสวาท อนาถใจให้หม่นหมองเพียงภาพนี้พี่ปอง คอยเจ้าของนานอยู่ ใจไม่รู้วันลืมเนื้อเพลง "ค่ำแล้วในฤดูหนาว" บันทึกเสียงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 โดย ครูล้วน ควันธรรม เป็นผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเอง-------------------------------------------- พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำสายลมเอื่อยมาในเวลาค่ำ ฉ่ำชื่นกว่าทุกวันน้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย หนาวโอ้อกเอยหนาวจนสั่นเสียงเรไรร้องก้องสนั่น ทำให้ฉันเป็นสุขใจเสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ดังแว่วมาแต่ไกลนี่ใครหนอใคร ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำค่ำหนาวลมยิ่งทำให้ใจคะนึง คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำหารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฉ่ำเท่ารักเราไม่มีสวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป เขาดินถิ่นใกล้ก่อนนี้เคยชื่นเดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้นนภาสะอาดดูงามสดใส ฉันรักจับใจ สะอาดนะนั่นหนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น จิตใจฉันเลื่อนลอยไปเสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ดังแว่วมาแต่ไกลติดเตือนหัวใจ ให้คิดถึงยามค่ำค่ำคิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน ทุกคืนก่อนนั้นหวานชื่นฉ่ำทุกทีที่ไปฝังใจยังจำ ไม่ลืมคำที่ฝากกันเกร็ดเพลงค่ำแล้วในฤดูหนาว เครดิต:: //www.oknation.net/เพลงค่ำแล้วในฤดูหนาว บันทึกเสียงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 โดย ครูล้วน ควันธรรม ต่อมาครูล้วน ได้นำเพลงนี้ให้คุณชรินทร์ นันทนาคร บันทึกเสียงเป็นครั้งที่ 2 ในคอนเสิร์ตชรินทร์อินคอนเสิร์ต เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคุณชรินทร์ นันทนาครได้เล่าให้ฟังถึงเพลงนี้ว่า " คุณสะอาดเล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งครูล้วน รับงานร้องเพลงในงานๆ หนึ่ง และในวันนั้นครูล้วนชวนคุณสะอาดไปเที่ยวด้วย และในวันนั้นครูร้องเพลงนี้ในวันนั้นด้วย ครูล้วนร้องไปเรื่อยๆ แต่พอมาถึงท่อนนี้ " นภาสะอาดดูงามสดใส ฉันรักจับใจสะอาดนะนั่น " คุณสะอาดบอกกับคุณชรินทร์ว่า เธอเอ๋ยทั้งน้ำเสียงและสายตาที่ครูล้วนมองมาที่ฉัน ฉันแทบจะละลายไปเสียให้ได้ เธอลองนึกภาพดูซิว่าถ้าเป็นเธอ เธอจะรู้สึกเช่นไร "เนื้อเพลง แหวนประดับก้อย (2493)และบันทึกครั้งที่ 2 หลัง พ.ศ. 2493คำร้อง - ทำนอง : ล้วน ควันธรรมขับร้อง : ล้วน ควันธรรม-------------------------------------------- เห็นกันอยู่เกือบทุกๆวันแล้วมีเหตุใดไหวหวั่น จากกันไม่เคยพบเลยรักโอ้รักของเรานี่เอ๋ยคิดถึงที่เรานั้นเคย ชูชื่นทุกคืนทุกวันแหวนที่เคยประดับติดนิ้วยังคอดรัดกิ่ว ดูนิ้วแล้วใจฉันสั่นนึกถึงตัวเจ้าของแหวนนั้นแหวนเอยเจ้าของแหวนหมั้น เขานั้นไปอยู่แห่งใดคอยฉันเฝ้าแต่คอย ใจลอยและนึกหวั่นไหวแหวนเอ๋ยเมื่อไร เจ้าของเจ้าเขาจะกลับมาแหวนที่เคยประดับนิ้วก้อยแม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยนักหนาฉันรักเท่ากับดวงชีวาคิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของหนาวน้ำค้างที่กระเซ็นซัดลมเย็นในยามสงัด งามใดไม่ชวนฉันมองคิดถึงอยู่ก็แต่เจ้าของแหวนทองที่ฉันนั้นใส่ เตือนใจทุกวันทุกคืนแม้พระจันทร์จะแจ่มงามตาหรือดาวจะพราวสง่า งามตาไม่ชวนฉันชื่นสวยงามใดอะไรอื่นอื่นนับร้อยและพันทั้งหมื่น ไม่ชื่นเท่าเจ้าของแหวนโอ้เมื่อไหร่จะมา เหมือนพาให้เสียดายแสนรักแหวนเจ้าของแหวน หาอื่นมาแทนไม่ชื่นอุราแหวนที่เคยประดับนิ้วก้อยแม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยนักหนาฉันรักเท่ากับดวงชีวาคิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของ.เกร็ดเพลงแหวนประดับก้อย เครดิต:: คีตา พญาไทครูล้วน ควันธรรม เข้ารับราชการเป็นนักร้องของวงดนตรีกรมโฆษณาการ รุ่นเดียวกันกับ รุจี อุทัยกร และมัณฑนา โมรากุล ...ระหว่างที่ทำงานอยู่กรมโฆษณาการ ได้แต่งละครวิทยุ 30-40 เรื่อง เพลงที่เด่นยุคนั้นมีด้วยกันหลายเพลง เช่น แหวนประดับก้อย คำปฏิญาณ เสียงกระซิบสั่ง ค่ำแล้วในฤดูหนาว ผีเสื้อกับดอกไม้ เพลินเพลงเช้า ระกำดวงจิต ใจเป็นห่วง ฯลฯ... ...ในการแต่งเพลง แหวนประดับก้อย ทำให้คนฟังตื่นเต้นทั่วบ้านทั่วเมือง ดูประหนึ่งเพลงบทนี้มีมนต์ขลังและมีเบื้องหลัง เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เขาจึงแต่งเป็นบทละครเวทีแสดงที่ พัฒนากรระหว่างสงครามแสดงถึง 79 รอบ เป็นประวัติการณ์ของละคร ได้เงินส่วนแบ่งเกือบแสนบาท...พลงนี้แต่เดิม มีข่าวเล่าลือกันว่า ครูล้วน ควันธรรม ตกหลุมรัก รุจี อุทัยกร นักร้องสาวประจำวงดนตรีกรมโฆษณาการ เลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แล้วลาออกจากวงดนตรีกรมโฆษณาการไป เมื่อ พ.ศ. 2485 แต่ในหนังสือ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ครูล้วน ควันธรรม บอกไว้ว่า เพลงนี้แต่งขึ้นเมื่อผู้แต่งคิดถึงแหวนที่คุณแม่ให้ไว้ตอนเด็กๆ ก่อนคุณแม่ถึงแก่กรรม จึงคิดแต่งเพลงเกี่ยวกับแหวนของแม่ แต่คุณวรรณวิบูลย์ (ได้ถึงแกกรรม ครั้งตามเสด็จประพาสยุโรป) ได้ทักท้วงว่า ต้องแต่งให้เกี่ยวข้องกับ เรื่องรักๆใคร่ๆ จึงจะเป็นที่นิยม เพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ คุณรุจี อุทัยกร ดังที่ทุกคนเข้าใจ
เนื้อเพลง "ค่ำแล้วในฤดูหนาว" บันทึกเสียงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 โดย ครูล้วน ควันธรรม เป็นผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเอง-------------------------------------------- พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำสายลมเอื่อยมาในเวลาค่ำ ฉ่ำชื่นกว่าทุกวันน้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย หนาวโอ้อกเอยหนาวจนสั่นเสียงเรไรร้องก้องสนั่น ทำให้ฉันเป็นสุขใจเสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ดังแว่วมาแต่ไกลนี่ใครหนอใคร ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำค่ำหนาวลมยิ่งทำให้ใจคะนึง คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำหารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฉ่ำเท่ารักเราไม่มีสวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป เขาดินถิ่นใกล้ก่อนนี้เคยชื่นเดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้นนภาสะอาดดูงามสดใส ฉันรักจับใจ สะอาดนะนั่นหนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น จิตใจฉันเลื่อนลอยไปเสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ดังแว่วมาแต่ไกลติดเตือนหัวใจ ให้คิดถึงยามค่ำค่ำคิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน ทุกคืนก่อนนั้นหวานชื่นฉ่ำทุกทีที่ไปฝังใจยังจำ ไม่ลืมคำที่ฝากกันเกร็ดเพลงค่ำแล้วในฤดูหนาว เครดิต:: //www.oknation.net/เพลงค่ำแล้วในฤดูหนาว บันทึกเสียงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 โดย ครูล้วน ควันธรรม ต่อมาครูล้วน ได้นำเพลงนี้ให้คุณชรินทร์ นันทนาคร บันทึกเสียงเป็นครั้งที่ 2 ในคอนเสิร์ตชรินทร์อินคอนเสิร์ต เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคุณชรินทร์ นันทนาครได้เล่าให้ฟังถึงเพลงนี้ว่า " คุณสะอาดเล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งครูล้วน รับงานร้องเพลงในงานๆ หนึ่ง และในวันนั้นครูล้วนชวนคุณสะอาดไปเที่ยวด้วย และในวันนั้นครูร้องเพลงนี้ในวันนั้นด้วย ครูล้วนร้องไปเรื่อยๆ แต่พอมาถึงท่อนนี้ " นภาสะอาดดูงามสดใส ฉันรักจับใจสะอาดนะนั่น " คุณสะอาดบอกกับคุณชรินทร์ว่า เธอเอ๋ยทั้งน้ำเสียงและสายตาที่ครูล้วนมองมาที่ฉัน ฉันแทบจะละลายไปเสียให้ได้ เธอลองนึกภาพดูซิว่าถ้าเป็นเธอ เธอจะรู้สึกเช่นไร "เนื้อเพลง แหวนประดับก้อย (2493)และบันทึกครั้งที่ 2 หลัง พ.ศ. 2493คำร้อง - ทำนอง : ล้วน ควันธรรมขับร้อง : ล้วน ควันธรรม-------------------------------------------- เห็นกันอยู่เกือบทุกๆวันแล้วมีเหตุใดไหวหวั่น จากกันไม่เคยพบเลยรักโอ้รักของเรานี่เอ๋ยคิดถึงที่เรานั้นเคย ชูชื่นทุกคืนทุกวันแหวนที่เคยประดับติดนิ้วยังคอดรัดกิ่ว ดูนิ้วแล้วใจฉันสั่นนึกถึงตัวเจ้าของแหวนนั้นแหวนเอยเจ้าของแหวนหมั้น เขานั้นไปอยู่แห่งใดคอยฉันเฝ้าแต่คอย ใจลอยและนึกหวั่นไหวแหวนเอ๋ยเมื่อไร เจ้าของเจ้าเขาจะกลับมาแหวนที่เคยประดับนิ้วก้อยแม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยนักหนาฉันรักเท่ากับดวงชีวาคิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของหนาวน้ำค้างที่กระเซ็นซัดลมเย็นในยามสงัด งามใดไม่ชวนฉันมองคิดถึงอยู่ก็แต่เจ้าของแหวนทองที่ฉันนั้นใส่ เตือนใจทุกวันทุกคืนแม้พระจันทร์จะแจ่มงามตาหรือดาวจะพราวสง่า งามตาไม่ชวนฉันชื่นสวยงามใดอะไรอื่นอื่นนับร้อยและพันทั้งหมื่น ไม่ชื่นเท่าเจ้าของแหวนโอ้เมื่อไหร่จะมา เหมือนพาให้เสียดายแสนรักแหวนเจ้าของแหวน หาอื่นมาแทนไม่ชื่นอุราแหวนที่เคยประดับนิ้วก้อยแม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยนักหนาฉันรักเท่ากับดวงชีวาคิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของ.เกร็ดเพลงแหวนประดับก้อย เครดิต:: คีตา พญาไทครูล้วน ควันธรรม เข้ารับราชการเป็นนักร้องของวงดนตรีกรมโฆษณาการ รุ่นเดียวกันกับ รุจี อุทัยกร และมัณฑนา โมรากุล ...ระหว่างที่ทำงานอยู่กรมโฆษณาการ ได้แต่งละครวิทยุ 30-40 เรื่อง เพลงที่เด่นยุคนั้นมีด้วยกันหลายเพลง เช่น แหวนประดับก้อย คำปฏิญาณ เสียงกระซิบสั่ง ค่ำแล้วในฤดูหนาว ผีเสื้อกับดอกไม้ เพลินเพลงเช้า ระกำดวงจิต ใจเป็นห่วง ฯลฯ... ...ในการแต่งเพลง แหวนประดับก้อย ทำให้คนฟังตื่นเต้นทั่วบ้านทั่วเมือง ดูประหนึ่งเพลงบทนี้มีมนต์ขลังและมีเบื้องหลัง เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เขาจึงแต่งเป็นบทละครเวทีแสดงที่ พัฒนากรระหว่างสงครามแสดงถึง 79 รอบ เป็นประวัติการณ์ของละคร ได้เงินส่วนแบ่งเกือบแสนบาท...พลงนี้แต่เดิม มีข่าวเล่าลือกันว่า ครูล้วน ควันธรรม ตกหลุมรัก รุจี อุทัยกร นักร้องสาวประจำวงดนตรีกรมโฆษณาการ เลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แล้วลาออกจากวงดนตรีกรมโฆษณาการไป เมื่อ พ.ศ. 2485 แต่ในหนังสือ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ครูล้วน ควันธรรม บอกไว้ว่า เพลงนี้แต่งขึ้นเมื่อผู้แต่งคิดถึงแหวนที่คุณแม่ให้ไว้ตอนเด็กๆ ก่อนคุณแม่ถึงแก่กรรม จึงคิดแต่งเพลงเกี่ยวกับแหวนของแม่ แต่คุณวรรณวิบูลย์ (ได้ถึงแกกรรม ครั้งตามเสด็จประพาสยุโรป) ได้ทักท้วงว่า ต้องแต่งให้เกี่ยวข้องกับ เรื่องรักๆใคร่ๆ จึงจะเป็นที่นิยม เพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ คุณรุจี อุทัยกร ดังที่ทุกคนเข้าใจ
เนื้อเพลง แหวนประดับก้อย (2493)และบันทึกครั้งที่ 2 หลัง พ.ศ. 2493คำร้อง - ทำนอง : ล้วน ควันธรรมขับร้อง : ล้วน ควันธรรม-------------------------------------------- เห็นกันอยู่เกือบทุกๆวันแล้วมีเหตุใดไหวหวั่น จากกันไม่เคยพบเลยรักโอ้รักของเรานี่เอ๋ยคิดถึงที่เรานั้นเคย ชูชื่นทุกคืนทุกวันแหวนที่เคยประดับติดนิ้วยังคอดรัดกิ่ว ดูนิ้วแล้วใจฉันสั่นนึกถึงตัวเจ้าของแหวนนั้นแหวนเอยเจ้าของแหวนหมั้น เขานั้นไปอยู่แห่งใดคอยฉันเฝ้าแต่คอย ใจลอยและนึกหวั่นไหวแหวนเอ๋ยเมื่อไร เจ้าของเจ้าเขาจะกลับมาแหวนที่เคยประดับนิ้วก้อยแม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยนักหนาฉันรักเท่ากับดวงชีวาคิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของหนาวน้ำค้างที่กระเซ็นซัดลมเย็นในยามสงัด งามใดไม่ชวนฉันมองคิดถึงอยู่ก็แต่เจ้าของแหวนทองที่ฉันนั้นใส่ เตือนใจทุกวันทุกคืนแม้พระจันทร์จะแจ่มงามตาหรือดาวจะพราวสง่า งามตาไม่ชวนฉันชื่นสวยงามใดอะไรอื่นอื่นนับร้อยและพันทั้งหมื่น ไม่ชื่นเท่าเจ้าของแหวนโอ้เมื่อไหร่จะมา เหมือนพาให้เสียดายแสนรักแหวนเจ้าของแหวน หาอื่นมาแทนไม่ชื่นอุราแหวนที่เคยประดับนิ้วก้อยแม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยนักหนาฉันรักเท่ากับดวงชีวาคิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของ.เกร็ดเพลงแหวนประดับก้อย เครดิต:: คีตา พญาไทครูล้วน ควันธรรม เข้ารับราชการเป็นนักร้องของวงดนตรีกรมโฆษณาการ รุ่นเดียวกันกับ รุจี อุทัยกร และมัณฑนา โมรากุล ...ระหว่างที่ทำงานอยู่กรมโฆษณาการ ได้แต่งละครวิทยุ 30-40 เรื่อง เพลงที่เด่นยุคนั้นมีด้วยกันหลายเพลง เช่น แหวนประดับก้อย คำปฏิญาณ เสียงกระซิบสั่ง ค่ำแล้วในฤดูหนาว ผีเสื้อกับดอกไม้ เพลินเพลงเช้า ระกำดวงจิต ใจเป็นห่วง ฯลฯ... ...ในการแต่งเพลง แหวนประดับก้อย ทำให้คนฟังตื่นเต้นทั่วบ้านทั่วเมือง ดูประหนึ่งเพลงบทนี้มีมนต์ขลังและมีเบื้องหลัง เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เขาจึงแต่งเป็นบทละครเวทีแสดงที่ พัฒนากรระหว่างสงครามแสดงถึง 79 รอบ เป็นประวัติการณ์ของละคร ได้เงินส่วนแบ่งเกือบแสนบาท...พลงนี้แต่เดิม มีข่าวเล่าลือกันว่า ครูล้วน ควันธรรม ตกหลุมรัก รุจี อุทัยกร นักร้องสาวประจำวงดนตรีกรมโฆษณาการ เลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แล้วลาออกจากวงดนตรีกรมโฆษณาการไป เมื่อ พ.ศ. 2485 แต่ในหนังสือ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ครูล้วน ควันธรรม บอกไว้ว่า เพลงนี้แต่งขึ้นเมื่อผู้แต่งคิดถึงแหวนที่คุณแม่ให้ไว้ตอนเด็กๆ ก่อนคุณแม่ถึงแก่กรรม จึงคิดแต่งเพลงเกี่ยวกับแหวนของแม่ แต่คุณวรรณวิบูลย์ (ได้ถึงแกกรรม ครั้งตามเสด็จประพาสยุโรป) ได้ทักท้วงว่า ต้องแต่งให้เกี่ยวข้องกับ เรื่องรักๆใคร่ๆ จึงจะเป็นที่นิยม เพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ คุณรุจี อุทัยกร ดังที่ทุกคนเข้าใจ
เนื้อเพลง อยู่ริมทะเลขับร้อง : ล้วน ควันธรรม-------------------------------------------- อยู่ริมทะเลเวลาเย็นๆ หาดทรายสวยลมเย็นระรวยพลิ้วมา อยู่เดียวเปลี่ยวใจหนาวในอุรา โน่นน้ำกับฟ้าอยู่ห่างไกลฮื่อฮื้อฮื่อฮือฮื้อ ลมเย็นกระหน่ำพัดคลื่นสาดซัด สาดหาดทรายน้ำกระเซ็นฟองกระจาย ขาวสะอาดประหลาดตา..เกาะโขดแก่งหินสวยสม ลมชื่นชวนล้วนสง่าหาดสุดแสนไกล ห่างสุดสายตาโน่นภูผาฮือๆๆน่าเชยชม โน่นภูผาฮือๆๆน่าเชยชม....อยู่ริมทะเลเวลาเย็นๆ หาดทรายสวยลมเย็นระรวยพลิ้วมา อยู่เดียวเปลี่ยวใจหนาวในอุรา โน่นน้ำกับฟ้าอยู่ห่างไกลฮื่อฮื้อฮื่อฮือฮื้อ ลมเย็นกระหน่ำพัดคลื่นสาดซัด สาดหาดทรายน้ำกระเซ็นฟองกระจายขาวสะอาดประหลาดตา..เกาะโขดแก่งหินสวยสม ลมชื่นชวนล้วนสง่าหาดสุดแสนไกล ห่างสุดสายตาโน่นภูผาฮือๆๆน่าเชยชม โน่นภูผาฮือๆๆน่าเชยชม
+เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน+