รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 มีนาคม 2564
 
All Blogs
 
การปฏิบัติธรรมด้วยการ รู้กายที่กำลังเคลื่อนไหว

1...บทความเรื่อง <การปฏิบัติธรรมด้วยการ รู้กายทีกำลังเคลื่อนไหว> นี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวล้วน ๆ   ท่านทีเข้ามาอ่าน แนะนำให้อ่านด้วยวิจารณญาณ และใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อความเจริญในธรรมสืบต่อไป
.
2..การรู้กายทีกำลังเคลื่อนไหว เป็น หมวดกายานุปัสสนา ในสติปัฏฐาน 4
ซึ่งการ รู้กายทีรู้เข้าไปตรง ๆ ในความเห็นของผู้เขียน เป็นการรู้กายแบบเพ่งจ้อง อันเป็นความอยากรู้ อยากเห็น จึงเป็นการรู้กายทีไม่ตรงตามสติปัฏฐาน  แล้วการภาวนาก็ยากทีจะได้ผลออกมา
.
3..การรู้กายว่า ร่างกายกำลังทำอะไรอยู่ เช่น กำลังเดิน กำลังเคลื่อนไหวอวัยวะ หรือ กำลังนั่ง ต้องรู้กายด้วย ญาณปัญญา ( หมายเหตุ ญาณปัญญาในการรู้กายไม่ต้องมีมากเท่ากับการรู้จิต ซึ่งญาณปัญญาการรู้จิตนี่จะยากกว่าการรู้กายมากทีเดียว )  ซึ่งคนธรรมดาทั่วไป ถ้าได้เข้าใจหลักการหรือเทคนิคเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำการใข้ ญาณรู้กายได้แล้ว ซึ่งผู้เขียนจะได้เขียนต่อไปว่าปฏิบัติอย่างไร
.
4..การรู้กายด้วย ญาณ นั้น ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้าน ก็จะได้ว่า เป็นการเห็น ร่างกายนี้แบบ ถาก ๆ หรือ เห็นแบบเฉี่ยว ๆ   
ไม่ได้เป็นการเห็นตรง ๆ แบบจ้องกันจะ จะ เหมือนการจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
.
สำหรับท่านทีสนใจจะทดลองทำดูว่า การรู้กาย หรือ เห็นกายแบบถาก ๆ นั้นเป็นอย่างไร  ขอให้ทำตามทีผู้เขียนจะได้เขียนต่อไปนี้
4.1  ขอให้นั่งสบาย ๆ เหมือนปกติทีเรานั่ง ตามองไปข้างหน้า แต่อย่าจ้องมองอะไร เพียงเปิดตาขึ้น ก็จะเห็นวัตถุทีอยู่ข้างหน้าได้ 
4.2 จากนั้น ให้ใช้ ฝ่ามือลูบท้ายทอยสบาย ๆ   ตาขอให้ยังมองวัตถุข้างหน้าตามข้อ 4.1 อยู่
เมื่อท่านใช้ฝ่ามือลูบท้ายทอยสบาย ๆ ท่านจะรู้ความรู้สีกทีเกิดขึ้นจากการลูบท้ายทอย
เมื่อท่านทำอย่างนี้ ท่านจะพบว่า ท่านจะสามารถรู้ลมหายใจของตนเองได้ขึ้นมาทันที ( เมื่อรู้ลมหายใจได้ ขออย่าได้ไปสนใจทีปลายจมูกเด็ดขาดเพื่อไปรู้ลมหายใจ การรู้ลมหายใจนั้น ขอเพียงรู้่ว่า รู้ลมได้ก็พอแล้ว แต่ท่านไม่ต้องสนใจลมหายใจ เมื่อท่านไม่สนใจลมหายใจ ลมหายใจก็จะยังคงปรากฏได้อยู่ แต่จะเหมือนว่า รู้ลมหายใจเหมือนการไม่รู้ลมหายใจ ท่านอาจจะงงกับคำนี้ว่า รู้เหมือนไม่รู้  ผมขอเปรียบเทียบให้เข้าใจเพิ่มในการรู้ลมหายใจแบบ รู้เหมือนไม่รู้ 
        ถ้าท่านเป็นคนชอบดูละครไทยทางทีวี ในขณะทีท่านดูละคร ท่านเคยสังเกตใหมว่า จะมีเสียงดนตรีประกอบในละครตลอดเวลา  หลายคนไม่เคยได้ยินเสียงดนตรีนี้ ทั้ง  ๆ ทีมีเสียงดนตรีประกอบละครอยู่  แต่ถ้าท่านได้ยินเสียงดนตรีนี้ด้วยในขณะทีท่านกำลังดูละครอยู่ละก็ การรู้ลมหายใจนั้น ก็จะเหมือนการได้ยินเสียงดนตรีของละครทีวี ทีเราได้ยินเสียงได้ แต่เราจะไม่สนใจ ลมหายใจ เหมือนการไม่สนใจเสียงประกอบในละครทีวีนั้น  ) 
4.3 เมื่อท่านนั่งตามองข้างหน้า เอามือลูบท้ายทอย สามารถรู้ลมหายใจได้แล้วแต่ไม่สนใจลมหายใจ ตอนนี้ ญาณเกิดแล้วและพร้อมแล้วสำหรับการเห็นกายแบบถาก ๆ  ในขณะทีตาท่านมองไปข้างหน้าอยู่ ท่านจะเห็น เงาลาง ๆ ของร่างกายของท่านได้ด้วย การเห็นเงานี้ ก็คือ ญาณเห็นร่างกายนี้แล้ว -ข้อควรระวัง ตาท่านต้องมองไปข้างหน้าอยู่นะครับ อย่ามาสนใจร่างกายนี้ ถ้าท่านมาสนใจร่างกายนี้ด้วยสายตา  ความอยากจะเกิดขึ้น ญาณ จะหายไป แล้วการเห็นร่างกายนี้ จะไม่ตรงตามสติปัฏฐาน
4.4  เมื่อท่านเห็นเงาของร่างกาย หรือ เห็นร่างกายแบบถาก ๆ ได้แล้ว ต่อไป ขอให้ท่านใช้อีกมือหนี่งข้างทีว่างอยู่ ทำการยกมือขึ้นลงสบายๆ (เน้นย้ำนะครับว่า ตาต้องมองไปข้างหน้าอยุุ่ อย่ามาจ้องมองร่างกาย ) 
      ถ้าท่านยังมี ญาณ ปรากฏอยู่ ( ตามองไปข้างหน้า รู้ลมหายใจได้แบบไม่สนใจลมหายใจ  ) และท่านยกมือขึ้นลงสบายๆ ต่อไปเรื่อยๆ แบบไม่คิดอะไร  ท่านอาจเกิดปัญญาขึ้นมาว่า เห็นร่างกายนี้ เป็นก้อนวัตถุ หรือ เห็นร่างกายนี้เหมือนหุ่ยนต์ ทีกำลังเคลื่อนไหวมือขึ้นลงได้
4.5  ถ้าท่านสามารถเกิดปัญญา เห็น ร่างกายทีกำลังเคลื่อนไหวนี้ว่า เป็นก้อนวัตถุ หรือ เห็นเป็นหุ่นยนต์ได้  นั่นคือ ท่านเกิดญาณปัญญา เห็นความเป็นจริงของธรรมชาติแล้วว่า ร่างกายนี้ ไม่ใช่ตัวเราเลย 
4.6 ถ้าท่านได้ข้อ 4.5  ถ้าท่านยังคงฝีกไปเรื่อยๆ ฝีกบ่อยๆ ให้ชำนาญ ต่อไป การเข้่า ญาณ เพื่อเห็นรางกายว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็จะทำได้คล่องขึ้นอีก จนสามารถเข้าได้อย่างรวดเร็วได้ ซึ่ง ถ้าท่านเข้าญาณได้ชำนาญ อีกหน่อย เวลาท่านอยู่ในชีวิตประจำวั้น ญาณปัญญาก็จะเกิดได้เอง เห็นร่างกายนี้เป็นหุ่นยนต์ หรือ ก้อนวัตถุได้เอง โดยท่านไม่ต้องมาเริ่มต้นเข้าญาณตามวิธีการทีผุ้เขียน เขียนแนะนำไว้ข้างบนเลย
.
5..มีเรื่องที่ผู้เขียนจะแจ้งเตือนท่านทีเป็นปฏิบัติภาวนาให้ทราบก็คือ  การเกิด ญาณปัญญา เห็นร่างกายนี้เป็นก้อนวัตถุหรือเคลื่อนไหวไปมาเหมือนหุ่นยต์ และ ญาณปัญญาในการเห็นจิตปรุงแต่งเกิดดับเป็นไตรลักษณ์  สภาวะของจิตตัวรู้ ( บางท่านเรียก จิตผู้รู้ ) จะไม่เหมือนกัน และ ตำแหน่งของตัวจิตตัวรู้ (บางท่านเรียก  จิตผู้รู้ ) ก็จะอยู่ต่างทีกัน 
ดังนี้น สภาวะธรรมของจิต ระหว่างการเห็นก้อนกายเคลื่อนไหว หรือ เห็นจิตปรุงแต่งจะต่างกัน  ถ้าท่านใช้สภาวะธรรมแบบการดูจิต มาดูกายทีเคลื่อนไหวละก็  ท่านจะพบกับอาการท้องอืด แก๊สขึ้นในกระเพาะอาหารได้  จึงขอให้ระมัดระวังการใช้ให้ถูกต้อง ก่อนทีท่านจะเจ็บป่วยหนักจนยากจะรักษาให้หายได้
.
6..การเห็นร่างกายว่าเป็นก้อนวัตถุ หรือ เห็นร่างกายเป็นหุ่นยนต์ เป็น ญาณปัญญาระดับแรก ทีนักภาวนาทั่วไป สามารถปฏิบัติ และ เข้าถึงได้  ซึ่งไม่เหมือนสายดูจิต ทีการดูจิต เห็นจิต ท่านนักปฏิบัติ ต้องมี ดวงตาเห็นธรรม หรือ ตาใน เกิดขึ้นก่อน ท่านจึงจะเห็นจิตได้ ในการภาวนานั้น บางคนฝีกมาหลายปี ก็ไม่อาจมีดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้น การรู้กายจึงเป็นการปฏิบัติทีให้โอกาสผุ้ทีสนใจได้มากกว่า เพราะทำได้ในคนทั่วไป
เมื่อท่านนักปฏิบัติ ทีสามรถ เห็นร่างกายเป็นก้อนวัตถุหรือหุ่นต์ได้ดีแล้ว ท่านนักปฏิบัติสามารถไปต่อยอด การรู้จักสภาวะของการไร้ร่างกายด้วยการ ฝีกฝนการรู้กายเป็นธาตุ ดังทีผู้เขียนได้เขียนไว้แล้ว ทีนี่  https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=03-2021&date=21&group=17&gblog=212

7..ขอความสวัสดีและเจริญในธรรม มีแด่ท่านทีมีสติสัมปชัญญะด้วยเสมอ


Create Date : 19 มีนาคม 2564
Last Update : 24 มีนาคม 2564 10:02:41 น. 0 comments
Counter : 1427 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.