หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ
มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....
จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี
ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...
บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้
เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง
**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **
****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
****
|
.
ในการดูทีวี ทีผมอธิบายไปนั้น
ต้องเข้าใจด้วยครับว่า
เมื่อดูทีวีไปนั้น จะมี 3 อาการเกิดขึ้น
คือ
1..จิตใจปกติ เฉย ๆ ยังรู้การสัมผัสทางกายได้ เห็นทีวีอยู่ห่าง ๆ ได้
อาการนี้ ผมขอเรียกว่า การอยู่ในสติปัฏฐาน
.
2..เมื่อดูไปสักพัก เกิดจิตปรุงแต่งขึ้น ไม่ว่าปรุงแต่งอะไรก็ตาม
.
3..เมื่อดูไปสักพัก เกิดอาการเผลอ เผลอก็คือ
ไม่รู้สึกตัว ไม่เห็นทีวีอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่รู้การสัมผัสทางกายแล้ว
.
อาการข้อ 2 และ 3 นี่แหละ คือ ยาขมทีดีมาก
เพราะเมื่อเกิดขึ้น แล้ว ขอให้เริ่มใหม่
เดียวก็เกิดอีก แล้วนักภาวนาก็เริ่มใหม่
จะวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
การพบข้อ 2 และ 3 ไปเรื่อย ๆ จะทำให้ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
แข็งแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะเกิดดวงตาเห็นธรรมได้ในอนาคต
เมื่อพบข้อ 2 และ 3 ได้มากพอ จนเกิดประสบการณ์มากขึ้น
ซึ่งระยะเวลาทีฝีก ก็อาจนานถึง 6 เดือนขึ้นไป แล้วแต่คนและการขยันฝีกฝน
.
ผลของการพบข้อ 2 และ 3 มากมาก จนเกิดกำลังมากขึ้นของ
สัมมาสติ สัมมาสมาธิ และ ดวงตาเห็นธรรมได้นั้น จะทำให้ข้อ 1 เกิดอยู่ได้เอง
ยาวนานขึ้นที่เป็นธรรมชาติ
.
การฝีกนั้น เราไม่ใช่ต้องการข้อ 1 อยู่ยาวนานนะครับ
แต่เราต้องการ การพบ การเห็น ข้อ 2 และ 3 ได้เร็วขึ้นต่างหาก
จากทีรู้เห็นไม่ทัน เมื่อพบได้บ่อย ๆ มีประสบการณ์มากขึ้น
ก็จะเริ่มรู้เห็นได้
จากทีไม่ค่อยเห็น ก็จะเห็นได้บ่อยขึ้น เห็นได้เร็วขึ้น
นี่คือ การวัดผลของการฝีกฝน
ยิ่งใครสามารถพบเห็นได้บ่อย ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มกำลังของสัมมาสติ สัมมาสมาธิได้รวดเร็ว
.
.ในทำนองเดียวกัน การอยู่แต่ในข้อ 1 นั้น จะมีแต่จิตสงบ
แต่ไม่เพิ่มขึ้นของกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ
การดูทีวีนั้น ก็เพื่อเป็นตัวล่อ ทำให้เกิดจิตปรุงแต่ง หรือ หลอกให้จิตเผลอนั่นเอง
.
การทีนักภาวนาสามารถรู้เห็นได้เร็วขึ้นนี้แหละ
ต่อไป เมื่อนักภาวนาเกิดจิตปรุงแต่ง ก็จะรู้เห็นได้ทันเช่นกัน
การรู้เห็นได้ จะทำให้การพบจิตปรุแต่งเป็นไตรลักษณ์ได้
ผลก็คือ ปัญญาจะเกิดขึ้นแก่นักภาวนาเพราะเหตุนี้
เมื่อมีปัญญาเกิดแบบนี้ ดวงตาเห็นธรรมก็จะเกิดตามาได้เองภายหลัง