.
แล้วใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง จนรู้แจ้งเห็นจริง เข้าใจอย่างแจ่มชัด
สำหรับผู้ที่ปฏิบัติมรรค 8
อันได้แก่ ผู้ทีเจริญสติปัฏฐานตามมรรค 8 ด้วยการฝีกจิตให้มี สติ สมาธิ
ทีมั่นคงขึ้นมา การฝีกฝนนั้นจะทำให้เกิด ดวงตาเห็นธรรม และ ญาณปัญญา
เห็นสภาวะธรรมอันเป็นไตรลักษณ์ของ ขันธ์ 5
.
การเห็นธรรมทีเป็นไตรลักษณ์ของขันธ์ 5 นั้น หลายๆ ครั้ง
ก็จะเข้าใจได้ในอาการทีว่า ขันธ์ 5 นั้่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
ทีเป็นการเข้าใจทีเกิดจากการเห็นจริง ไม่ใช่การคิดเอาเอง
.
ผลพลอยได้ประโยชน์ทีได้จากการฝีก สติ สมาธิ จะมี 2 ประการ ก็คือ
A...จิตทีมีพลังเข้มแข็ง ทีสามารถ ต่อสู้กับ เวทนาทางกายได้
ยิ่งถ้่าใครฝีกฝนได้ดี สามารถเข้าถีง ฌาน ในระดับต่างๆ ได้
ก็สามารถทีจะเข้าฌาน เพื่อไม่รับผลทีมาจากเวทนาทางกาย
B..สติ ทีแข็งแรงทีได้จากการฝีกฝน ทำให้สามารถควบคุม
กาย วาจา ใจ ไม่ให้เตลิดได้
ถ้ามีการปรุงแต่งเกิดขึ้น ก็สามารถจะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี
.
ส่วนผู้ทีไม่ได้ฝีกฝนมรรค 8 แต่ฟังธรรมจนเข้าใจในธรรม
จะไม่มีพลังจิตทีเข้มแข็งทีจะต่อสู้กับเวทนาทางกายได้
และ การควบคุมการปรุงแต่ง จะทำไม่ได้ดีเช่นเดียวกับผู้ทีฝีกฝนโดยผ่านทางมรรค 8
ตรงนี้ หมายความว่า ในกรณีทีมีการกระทบสัมผัส การปรุงแต่งย่อมเกิดขึ้น
ซีงผุ้ทีเข้าใจในธรรมโดยไม่ฝีกฝน จะสัมผัสได้ แต่จะไม่ยีดมั่นถือมั่นว่า
การปรุงแต่งนี้เป็นตัวตนของเรา
.
ข้อเสียของการไม่ได้ฝีกฝนมรรค 8 นั้น
คนทีฟังธรรม อาจเข้าใจไปเอง โดยไม่ใช่การเข้าใจจริง
ว่า ตนนั้นเข้าใจธรรมแล้วอย่างแท้จริง
หรือภาษาในปัจจุบัน ก็เรียกว่า มโน ไปเอง
.
การพิสูจน์ว่า ตนนั้นเข้าถีงธรรมได้หรือยัง ก็คือ
เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรง หรือ มีการกระทบสัมผัสทีรุนแรงเข้ามา
จิตใจยังคงสงบได้อยู่ โดยทีไม่ต้องไปทำอะไรในการบังคับจิตเลย
ทุกอย่างจะเกิดเป็นอัตโนมัติ ไม่ต้องทำอะไร แต่ใจสงบได้เอง
.
สำหรับคนทีฝีกฝนมรรค 8 จนมีกำลัง สติ สมาธิ ดวงตาเห็นธรรมเกิด
ญาณปัญญาเกิดได้เป็นอย่างดีแล้ว
กำลังของ สติ นี้ จะควบคุมการเกิดขึ้นของขันธ์ 5 ได้ค่อนข้างดี
เมื่อขันธ์ 5 ถูกควบคุมการเกิดได้โดยสติ
นักภาวนาทีมีดวงตาเห็นธรรม มีญาณปัญญา จะเห็นสภาวะของสุญญตาได้
ในอาการของสุญญตา ความมีตัวตนได้หายไปจากโลกใบนี้
แต่ยังมีอายตนะต่างๆ ทีทำให้ได้ดีอยู่
ซึ่ง สุญญตา นี้ คนทีไม่ได้ฝีกฝนผ่านมรรค 8 จะพบไม่ได้เลย